JAS กลับสู่สามัญแฉทุกวัน ทันเกมหุ้น
ในวันที่ตลาดหุ้นไทยซื้อขายกันเบาบางชนิดเกือบวางวาย การตั้งโต๊ะทำเทนเดอร์วันแรก ของนายพิชญ์ โพธารามิก พร้อมกับคำขวัญ ที่ตัวเขาภูมิใจหนักหนาคือ “3 ไม่” (ไม่เอาไปขายต่อใคร ไม่รวมกิจการกับใคร และไม่ถอนตัวออกจากตลาด) ต่อผู้ถือหุ้นรายอื่นของบริษัทจัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนลจำกัด (มหาชน) หรือ JAS ยังไม่ปรากฏผลออกมา...ส่งสัญญาณชี้อนาคตระยะใกล้ได้พอเห็นเค้าลาง
ในวันที่ตลาดหุ้นไทยซื้อขายกันเบาบางชนิดเกือบวางวาย การตั้งโต๊ะทำเทนเดอร์วันแรก ของนายพิชญ์ โพธารามิก พร้อมกับคำขวัญ ที่ตัวเขาภูมิใจหนักหนาคือ “3 ไม่” (ไม่เอาไปขายต่อใคร ไม่รวมกิจการกับใคร และไม่ถอนตัวออกจากตลาด) ต่อผู้ถือหุ้นรายอื่นของบริษัทจัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนลจำกัด (มหาชน) หรือ JAS ยังไม่ปรากฏผลออกมา…ส่งสัญญาณชี้อนาคตระยะใกล้ได้พอเห็นเค้าลาง
เสี่ยพิชญ์เสนอทำเทนเดอร์หุ้น JAS ในราคา 7.25 บาท และ JAS-W3 ในราคา 3.68 บาทต่อหน่วย แต่ก่อนถึงวันทำเทนเดอร์ เสี่ยพิชญ์เข้าถือครองรวบหุ้น JAS ไปแล้ว 66.89% และถือครอง JAS-W3 ไปแล้วรวมจำนวน 30.94%
ราคาหุ้นวานนี้บนกระดาน ของ JAS และบริษัทลูกคือ บริษัท จัสมิน เทเลคอม ซิสเต็มส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JTS พากันควงแขนร่วงลงโดย JAS ปิดที่ราคาต่ำสุดของวัน คือ 7.25 บาท อันเป็นราคาที่เท่ากับราคาเทนเดอร์พอดี…(ดูกราฟประกอบ)…เหมือนนัดกันเอาไว้ล่วงหน้า
ส่วนราคาหุ้นของ JTS ที่จะตั้งโต๊ะเทนเดอร์วันแรก ในเช้าวันนี้ ก็ร่วงลงมาแรงเช่นกัน ปิดไปที่ราคา 1.54 บาท สูงกว่าราคาเทนเดอร์ 1.50 บาทเล็กน้อย
สัญญาณกราฟทางเทคนิค บอกว่าสามารถลงไปต่อได้อีก…แต่อย่าไปเชื่อสัญญาณ…เพราะหุ้นในเครือ JAS นั้น เชื่อตามสัญญาณไม่ได้เลย เนื่องจากราคาเคลื่อนไหวเหนือกว่าสัญญาณเทคนิคมาแต่ไหนแต่ไร
นักวิเคราะห์ให้ความเห็นเรื่อยเจื้อย ชนิด…พูดอย่างไร ก็ไม่เคยผิด…เมื่อวานนี้ว่า การร่วงลงของหุ้น JAS และ JTS เกิดจากเหตุปัจจัย 1) หมดปัจจัยเชิงบวกที่หนุนราคาหุ้นวิ่งต่อ 2) มีแรงขายออกมา เพราะเสี่ยพิชญ์ ออกมาตอกย้ำเรื่อง ”3 ไม่” ชัดเจน ทำให้หมด “สตอรี่”
มุมมองดังกล่าว แม้จะไม่ได้แสดงความชื่นชมกับเสี่ยพิชญ์ แต่นักวิเคราะห์ก็ยัง ”แทงกั๊ก” โดยระบุว่าศักยภาพในแง่ของพื้นฐานหุ้น JAS ยังแข็งแกร่งและเติบโตได้…ที่สำคัญยังคงประเมินว่า โอกาสที่เสี่ยพิชญ์ จะขายหุ้น หรือสว็อปหุ้นกับใคร…ยังไม่ถึงกับปิดตายเสียทีเดียว
ความเป็นไปได้ และเป็นไปไม่ได้ เกิดขึ้นกับเสี่ยพิชญ์ได้ทุกเมื่อ…ยากจะคาดเดา
สรุปก็คือ ดีลเทนเดอร์ออฟเฟอร์ของเสี่ยพิชญ์กำลังหาที่ลงได้สวยสดงดงาม เพราะ 1) ไม่ถูกก.ล.ต. หรือตลาดฯ ทักท้วงหรือท้วงติงว่าผิดกติกาแต่อย่างใด แสดงว่า…ไฟเขียวผ่านตลอด 2) สร้างราคาหุ้นให้ JAS และ JTS มากกว่า 20% ภายในเวลาสั้นๆ โดยไม่ถูกข้อหา ”สร้างราคา”…ที่เหนือชั้น ชนิด ”ห้ามเลียนแบบ”
ความสามารถพิเศษชนิดเปี่ยมอัตลักษณ์ของเสี่ยพิชญ์ในครั้งนี้…จะเกิดขึ้นไม่ได้เลย หากปราศจากแบ็กอัพ หรือหางเครื่องทางการเงินชั้นยอดคือ ผู้บริหารของธนาคารไทยพาณิชย์ หรือ SCB ที่ปล่อยวงเงินมากกว่า 4 หมื่นล้านบาทให้บุคคลเดียว โดยใช้ใบหุ้นเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน เพื่อให้การเทนเดอร์บรรลุเป้า
นิทานเรื่องเทนเดอร์ของเสี่ยพิชญ์ที่จบลงไป จึงไม่ได้หมายความว่าจะจบเบ็ดเสร็จ เพราะยังมีนิทานใหม่ต่อไป เพราะแม้เสี่ยพิชญ์ไม่ได้ควักเงินส่วนตัวจากกระเป๋าเลย แต่เงินกู้เครดิตไลน์จาก SCB นั้น มีดอกเบี้ยและเงินต้นให้ต้องชำระกันในอนาคต
คำถามคือ ความเชื่อมั่นของเสี่ยพิชญ์ที่ว่า ธุรกิจบรอดแบนด์ของบริษัทยังมีโอกาสเติบโตได้แข็งแกร่งอีกมาก เป็นความจริงแค่ไหน ยังต้องการบทพิสูจน์ในอนาคต พูดไปตอนนี้ จะเชื่อหรือไม่ก็ได้ทั้งสิ้น
เสี่ยพิชญ์บอกว่า แนวโน้มธุรกิจบรอดแบนด์ของ 3BB ยังมีโอกาสเติบโตต่อเนื่อง และเป็นธุรกิจที่เปิดกว้างให้บริษัทเข้าทำตลาดได้อีกมากในอนาคต โดยปัจจุบัน 3BB มีฐานลูกค้าอยู่ประมาณ 2.2 ล้านครัวเรือน โดยล่าสุดมีศักยภาพเพิ่มฐานลูกค้าได้เฉลี่ยตกประมาณไตรมาสละ 1 แสนครัวเรือน และคาดว่าภายในช่วงสิ้นปี 2559 จะมีฐานลูกค้าขยับเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 2.3-2.4 ล้านครัวเรือน และจะเพิ่มขึ้นแตะระดับ 3 ล้านครัวเรือนได้ในช่วงปี 2560
ใครที่ฟังแล้วเคลิ้ม ก็เชิญถือหุ้น JAS ต่อไป
เช่นเดียวกันกับผู้บริหารของ SCB ที่เคลิ้มไปก่อนแล้ว
ส่วนใครไม่เชื่อ ก็เชิญตามสบาย…เอาที่พี่สบายใจ
เพราะจากนี้ไป ละครบทใหม่ของเสี่ยพิชญ์กับธนาคารเจ้าหนี้อย่าง SCB น่าติดตามมากกว่าเรื่องราคาหุ้นของ JAS เยอะ
โปรดติดตามตอนต่อไปที่โทรทัศน์…ช่อง MONO…
“อิ อิ อิ”