สบช่องซื้อลูบคมตลาดทุน
ดัชนีหุ้นไทยร่วงลงวานนี้ (10 ต.ค.) กว่า 47 จุด ก็มาจากปัจจัยข่าวลือเรื่องเดิมๆ
ธนะชัย ณ นคร
ดัชนีหุ้นไทยร่วงลงวานนี้ (10 ต.ค.) กว่า 47 จุด ก็มาจากปัจจัยข่าวลือเรื่องเดิมๆ
ทั้งดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ปลัดกระทรวงการคลัง (สมชัย สัจจพงษ์) และผู้บริหารของตลาดหลักทรัพย์ฯ ต่างออกมาแสดงความเห็น
นัยสำคัญก็ต้องการสื่อถึงนักลงทุนอย่าตื่นตูม
พร้อมย้ำว่าเศรษฐกิจไทยยังแกร่ง และพื้นฐานหุ้นไทยยังดี
แต่หากดูการซื้อขายหุ้นของนักลงทุนในตลาดหุ้นไทยวานนี้นะ
นักลงทุนสถาบันหรือกองทุน ขายสุทธิออกมากว่า 7.26 พันล้านบาท
เช่นเดียวกับบัญชีของบริษัทหลักทรัพย์ก็ขายสุทธิเช่นกัน
ส่วนนักลงทุนต่างประเทศ และรายย่อย จับมือกันเก็บหุ้นสนุกสนาน และไม่ได้บ่งบอกว่า นักลงทุนสองประเภทหลังนั้น ตื่นตระหนกอะไร
คำเตือนของหน่วยงานภาครัฐจึงน่าจะบอกไปยังนักลงทุนประเภทสถาบันมากกว่า
กองทุนนั้น หากจะขายหุ้นออกมาก็ไม่ได้ถือว่าผิด
เพราะกองทุน จุดประสงค์ก็คือการทำกำไรให้ให้ตามเป้าหมาย เป็นการทำกำไรให้กับผู้ถือหน่วยลงทุน ซึ่งก็คือนักลงทุนที่มีทั้งบริษัทต่างๆ และรายย่อย ที่มาลงทุนผ่านกองทุนรวม
กองทุนไม่ใช่ “มูลนิธิ” ครับ
ที่เขียนแบบนี้ไม่ได้ประชดนะ แต่มันคือข้อเท็จจริง จริงๆ
การเทกระจาดของกองทุนเมื่อวานนี้ (และช่วงก่อนหน้าที่ขายหนักๆ) ได้สร้างความเจ๊งให้กับรายย่อยหลายคน
ทว่าในขณะเดียวกันก็ (อาจ) สร้างความร่ำรวยให้กับรายย่อยหลายๆ คนเช่นกัน
ไม่แน่ใจว่า เมื่อวานนี้ นักลงทุนรายย่อยมีจำนวนมากไหมที่ถูกบังคับขาย
แต่เข้าใจว่า ในระยะหลังนี้ นักลงทุนเมื่อรู้ว่าเล่นแบบมาร์จิ้น และหุ้นลงมาหนักๆ ก็จะรีบขายตัดขาดทุนก่อนที่จะให้โบรกฯ โทรมาเตือน หรือให้ใส่เงินเพิ่ม
รายย่อยหลายคนพยายามที่จะ “ถัวเฉลี่ย” เมื่อวานนี้ เพื่อลดการขาดทุน หรืออย่างมากก็กลับมาเท่าทุนให้ได้
หากซื้อหุ้นถูกตัวก็โชคดีไป
แต่หากผิดตัว แล้วหุ้นตัวนั้นๆ ยังร่วงอยู่ หรือร่วงเช่นกัน ก็เท่ากับว่า ยิ่งเสียหนักมากกว่าเดิม
หลายคนมักอ้างว่า การถัวเฉลี่ยทำให้เปอร์เซ็นต์การขาดทุนของหุ้นตัวนั้นๆ หรือที่ติดตั้งแต่แรกขาดทุนน้อยลง
แต่จริงๆ แล้ว หากเรานับเป็นตัวเงิน ก็จะพบว่า ส่วนใหญ่จะขาดทุนมากกว่าเดิม
เรื่องนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับประสบการณ์ของนักลงทุนแต่ละคนนั่นแหละ
มีการเตือนว่า ปัจจัยจากความเสี่ยงที่ตลาดหุ้นไทยเผชิญอยู่ ณ เวลานี้ เป็นสิ่งที่ยังไม่เคยเกิดขึ้นกับประเทศไทยมาก่อนและสัญญาณทางเทคนิคก็ช่วยไม่ได้
ที่พอจะพึ่งได้ ก็มีเพียงพื้นฐานของหุ้นตัวนั้นจริงๆ
เท่าที่พูดคุยกับนักวิเคราะห์หลายๆ คน ต่างมองว่า รอให้ดัชนีลงมามากกว่านี้อีกซักหน่อย
แนวรับแน่นๆ บรรดานักวิเคราะห์ต่างมองว่า ไม่น่าจะหลุด 1,400 จุด
หรืออย่างมากให้ลงแค่ 1,350 จุด แล้วเลือกซื้อ เลือกหุ้นในกลุ่มพลังงาน ธนาคาร อุปโภคบริโภค
สรุปแล้ว ตอนนี้ หากถือเงินสดได้ ก็ถือไปก่อน
หรือหากมั่นใจว่า หุ้นที่เราต้องการซื้อ มันลงมาต่ำกว่าราคาพื้นฐานค่อนข้างมากๆๆ และธุรกิจนั้นๆ ยังมีแนวโน้ม มีอนาคตที่ดีมันยอดมากจอร์ส
นักวิเคราะห์ต่างแนะนำว่า ก็ซื้อได้เลย
จะรออะไรล่ะ