PTG กลยุทธ์กงสีใหญ่แฉทุกวัน ทันเกมหุ้น

หากไม่นับชื่อของ ซีอีโอใหญ่ นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ที่ติดปากผู้สื่อข่าว และเป็นข่าวต่อเนื่องในกรณีธุรกรรมต่างๆ ของบริษัททำธุรกิจสถานีบริการน้ำมันและก๊าซปิโตรเลียมเหลว บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG คนทั่วไปมักจะนึกไม่ออกว่าคนในตระกูลรัชกิจประการ ซึ่งถือหุ้นร่วมกันเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัท มีใครบ้าง


หากไม่นับชื่อของ ซีอีโอใหญ่ นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ที่ติดปากผู้สื่อข่าว และเป็นข่าวต่อเนื่องในกรณีธุรกรรมต่างๆ ของบริษัททำธุรกิจสถานีบริการน้ำมันและก๊าซปิโตรเลียมเหลว  บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG คนทั่วไปมักจะนึกไม่ออกว่าคนในตระกูลรัชกิจประการ ซึ่งถือหุ้นร่วมกันเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัท มีใครบ้าง

เหตุผลคือ เกือบทั้งหมด ไม่ค่อยปรากฏตัวเป็นข่าว ..จะบอกว่าชอบปิดทองก้นพระ หรืออย่างไร ก็ไม่มีการยืนยันแน่นอน ทั้งที่ หุ้น PTG ถือเป็นหุ้นพิมพ์นิยมรายหนึ่งในตลาดหุ้นไทย 3 ปีที่ผ่านมา

มิหนำซ้ำ PTG ยังเติบโตขยายสถานีบริการในช่วงหลายปีนี้ จนทำท่าจะแซงหน้าเจ้าใหญ่อย่างเครือ ปตท. อีกไม่นาน…ซึ่ง ดูเหมือนคนในเครือ ปตท.จะเต็มใจยอมให้แซงอย่างยิ่ง..เพราะจะได้ลดภาระและแรงกดดันที่ถูกกล่าวหาว่าผูกขาดธุรกิจน้ำมันเสียที…โล่งอกทุกฝ่าย

ยกเว้นคนขี้อิจฉา

ล่าสุด ความคืบหน้าของกลุ่มนี้ คือ การพร้อมใจกันโอนหุ้นเข้าในลักษณะขายบิ๊กล็อต…ในลักษณะ ทิ้งกิจการ…จากกระเป๋าซ้ายไปสู่กระเป๋าขวา…

ไม่ได้ทิ้งไปเฉยๆ แบบทิ้งแล้วทิ้งเลย

 รายละเอียดระบุว่า นายรังสรรค์  พวงปราง เลขานุการบริษัท PTG เปิดเผยว่า ได้รับแจ้งจากลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ ซึ่งเป็นสมาชิกของครอบครัวรัชกิจประการ ทำการปรับปรุงโครงสร้างการถือหุ้น โดยการโอนหุ้นที่ถืออยู่บางส่วนให้แก่ บริษัท รัชกิจ โฮลดิ้ง จำกัด (รัชกิจ โฮลดิ้ง) ซึ่งเป็นบริษัทโฮลดิ้งที่จัดตั้งขึ้นโดยผู้ถือหุ้นกลุ่มดังกล่าว เพื่อปรับโครงสร้างการถือหุ้นภายในครอบครัวรัชกิจประการ และเพื่อรองรับการกำกับดูแลธุรกิจของครอบครัวในระยะยาว

สัดส่วนของผู้ถือหุ้นใหญ่ก่อนการโอนหุ้นคราวนี้ประกอบด้วย นายพิพัฒน์  รัชกิจประการ เดิมถือหุ้นโดยตรง 4.65% นางฉัตรแก้ว คชเสนี ถือหุ้น 2.04% นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ถือหุ้น 7.82% นางสาวภัคจิรา รัชกิจประการ ถือหุ้น 4.28% นางสาวจันทวรัจฉร์ จันทรศารทูล ถือหุ้น 11.01% นางสาวลภัสอร คชเสนี ถือหุ้น 3.62% รวม  33.42%

คนทั้งหมดนี้ แบ่งหุ้นที่ถือเกือบทั้งหมดโอนให้แก่ รัชกิจโฮลดิ้ง เกิดขึ้นในวันที่ 7 ตุลาคม 2559 และวันที่ 10-12 ตุลาคม 2559  ส่งผลให้รัชกิจ โฮลดิ้งถือหุ้นของ PTG รวม 25.12% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของบริษัท และจะส่งผลให้รัชกิจ โฮลดิ้ง กลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท

ผลการโอนหุ้นโดยสมัครใจดังกล่าว จำนวนถือหุ้น รายบุคคลของตระกูลนี้ จะลดลงดังนี้ คือ ประกอบด้วย ผู้ถือหุ้นดังกล่าวจะถือหุ้น PTG โดยตรงรวม 8.30% และถือหุ้นผ่านทางรัชกิจ โฮลดิ้ง รวม 25.12% แยกออกดังนี้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ ถือหุ้นโดยตรง 4.21%  ถือหุ้นโดยผ่านทางรัชกิจ โฮลดิ้ง 0.44% และถือหุ้นในรัชกิจ โฮลดิ้ง 1.75% นางฉัตรแก้ว คชเสนี ถือหุ้นโดยตรง 1.41%  ถือหุ้นผ่านทางรัชกิจ โฮลดิ้ง 0.63% และถือหุ้นในรัชกิจ โฮลดิ้ง 2.51% นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ถือหุ้นโดยตรง 2.35% ถือหุ้นผ่านทางรัชกิจ โฮลดิ้ง 5.47% และถือหุ้นในรัชกิจ โฮลดิ้ง 21.78%

นางสาวภัคจิรา รัชกิจประการ ถือหุ้นโดยตรง 0.07% ถือหุ้นผ่านทางรัชกิจ โฮลดิ้ง 4.21% และถือหุ้นในรัชกิจ โฮลดิ้ง 16.76% นางสาวจันทวรัจฉร์ จันทรศารทูล ถือหุ้นโดยตรง 0.23% ถือหุ้นผ่านทางรัชกิจ โฮลดิ้ง 10.78% และถือหุ้นในรัชกิจ โฮลดิ้ง 42.91% สุดท้ายนางสาวลภัสอร คชเสนี ถือหุ้นโดยตรง 0.03% ถือหุ้นผ่านทางรัชกิจ โฮลดิ้ง 3.59% และถือหุ้นในรัชกิจ โฮลดิ้ง 14.29%

แม้ว่า การทำเทนเดอร์ ออฟเฟอร์จะไม่เกิดขึ้นจากการเข้าถือหุ้นเกิน 25% ของรัชกิจ โฮลดิ้ง เพราะถือว่า ดีลที่เกิดขึ้น ได้มีหนังสือผ่อนผันหน้าที่การทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดมาจาก ก.ล.ต.แล้ว และ การปรับโครงสร้างการถือหุ้นในครั้งนี้ไม่เป็นผลให้มีการเปลี่ยนแปลงอำนาจควบคุมบริษัทแต่อย่างใด

จบลงด้วยดี แต่ที่ไม่ถือว่าจบคือ กลยุทธ์การโอนหุ้นคราวนี้ มีความน่าสนใจอย่างมาก เพราะเข้าข่าย “รักษาความมั่นคงของกงสี” ที่ชัดเจน

หุ้นของ PTG ที่ถือครองในรัชกิจ โฮลดิ้ง จะกลายเป็นหุ้นที่อยู่ในรูปของนิติบุคคล ถ้าใครคิดจะปรับเปลี่ยนการซื้อขาย จะต้องเป็นไปตามกฎหมายบริษัทเอกชนทั่วไปคือ ต้องผ่านที่ประชุมผู้ถือหุ้นเท่านั้น…ใครใคร่ขาย ขาย ใครใคร่ซื้อ ซื้อ เหมือนเดิมอีกไม่ได้

ทำเช่นนี้ กงสีก็เหนียวแน่น ไม่ต้องเดือดร้อนว่าจะถูกใครบางคนในครอบครัวแอบขายหุ้นให้คนนอกโดยคนอื่นไม่รู้..แล้วโดนล้วงตับ….ภายหน้า

เพียงแต่ส่วนที่ยังไม่ตัดขายเข้าโฮลดิ้ง..ก็ตัวใครตัวมัน

งานนี้ เท่ากับคนในตระกูลนี้ คิดยืดหยุ่นทั้งสั้นและยาวพร้อมกันไป ด้านหนึ่งรักษาสัดส่วนไว้ในกงสี อีกส่วนหนึ่งให้อิสระกับคนในครอบครัว เพราะใครบางคนอาจจะต้องการอิสรภาพทางการเงินส่วนตัว…อยากขายออกไปบ้าง เอาไปใช้เล็กๆ น้อยๆ..ก็ไม่ว่ากัน…ไม่สะเทือนภาพรวมของคนทั้งกงสี

กลยุทธ์เช่นนั้น เรียกว่าคิดทั้งระยะสั้นและระยะยาวอย่างชาญฉลาด เพราะว่า อย่างที่ทราบกันดี อนาคตของ PTG นั้น แม้ยามนี้จะเป็นขาขึ้น แต่ก็ไม่ได้จะมั่นคงไปยาวนาน เพราะเหตุว่า อัตราส่วนกำไรสุทธิยังถือว่าต่ำมาก..ยิ่งทำมาก ยิ่งโตมาก ยิ่งเหนื่อยมาก

ยิ่งเป้าหมายธุรกิจในอนาคตที่เข้มข้น แผนของ PTG ที่จะขยายปั๊ม 300 แห่งปีหน้า ตามมาด้วยอีก 350 แห่งในช่วงปี 61-65 จะเป็น 400 แห่งต่อปี จนถึงปี 65 และสิ้นสุดปี 65 ก็จะต้องมีสถานีบริการน้ำมันไม่น้อยกว่า 4,000 แห่ง …ใครว่าง่าย …คนนั้นพูดไม่จริง

ใครบางคนในครอบครัวที่ไม่อยากเหนื่อยกับแผนที่ว่ามา ก็อาจจะอยากมองหาอนาคตในแนวทางอื่น แต่คนที่จะยอมเหนื่อยต่อไป ก็เชิญตามสบายใจ…

งานนี้ ไม่มีใครเสีย และไม่มีใครได้ …ยกเว้นรัชกิจ โฮลดิ้ง

“อิ อิ อิ”

Back to top button