สัญญาณบวกระลอกใหม่จากจีนพลวัต 2016
แล้วข่าวดีจากจีนก็โผล่มาเป็นระลอกใหญ่ หลังจากสัปดาห์ของค่าเงินหยวนถูกทำให้ร่วงต่ำสุดในรอบปีนี้อย่างมีเจตนาได้เพียงไม่กี่วัน
วิษณุ โชลิตกุล
แล้วข่าวดีจากจีนก็โผล่มาเป็นระลอกใหญ่ หลังจากสัปดาห์ของค่าเงินหยวนถูกทำให้ร่วงต่ำสุดในรอบปีนี้อย่างมีเจตนาได้เพียงไม่กี่วัน
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ตัวเลขดัชนีเศรษฐกิจสำคัญของทางการจีนออกมาพร้อมกัน และเป็นข่าวดีทั้งคู่ เริ่มตั้งแต่ สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน ประกาศว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่สำคัญ ปรับตัวขึ้น 1.9% ในเดือน ก.ย. เทียบรายปี ซึ่งเพิ่มขึ้นจากระดับ 1.3% ในเดือน ส.ค.
ถัดมาในวันเดียวกัน สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน ก็ประกาศดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดต้นทุนสินค้าที่ประตูโรงงาน ขยับขึ้น 0.1% ในเดือน ก.ย. เมื่อเทียบเป็นรายปี โดยปรับตัวขึ้นเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือน มี.ค. 2555
เมื่อเทียบเป็นรายเดือนแล้ว ดัชนี PPI เพิ่มขึ้น 0.5% เนื่องจากราคาปรับตัวขึ้นในหลายอุตสาหกรรม โดยผลสำรวจเผยให้เห็นว่าอุตสาหกรรม 25 แห่งมีราคาปรับตัวขึ้น ซึ่งเพิ่มขึ้น 8 อุตสาหกรรมจากการสำรวจเดือนก่อน นอกจากนี้ ราคาผู้ผลิตที่ปรับตัวขึ้นยังเชื่อมโยงกับราคาที่สูงขึ้นในอุตสาหกรรมหลักบางแห่ง เช่น โลหะเหล็ก และเหมืองถ่านหิน
ราคาในอุตสาหกรรมเหมืองถ่านหินเพิ่มขึ้น 4.1% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือน ก.ค. 2555 ส่วนอุตสาหกรรมโลหะเหล็กนั้น ราคาเพิ่มขึ้น 10.1% จากปีที่แล้ว
ราคาผู้ผลิตที่ปรับตัวขึ้นนั้นมีสาเหตุมาจากการลดกำลังการผลิตและการระบายสินค้าคงคลัง ซึ่งช่วยลดภาวะอุปทานล้นตลาด นอกจากนี้ ยังได้รับปัจจัยสนับสนุนจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ฟื้นตัวขึ้นในตลาดโลก ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันดิบ แร่เหล็ก และโลหะนอกกลุ่มเหล็ก
ตัวเลขดัชนีทั้งสอง ทำให้ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดดีดตัวแข็งแกร่ง ในขณะที่ดัชนีตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้ที่ลบในช่วงต้นตลาดวันศุกร์ก็สามารถกลับมาปิดบวกได้ ขานรับข้อมูลดังกล่าวที่สะท้อนว่าตัวเลขเงินเฟ้อจีนเริมผงกหัวขึ้นชัดเจน ลดความเชื่อว่าจีนกำลังเศรษฐกิจถดถอยลงไปอย่างมาก
ข่าวดีจากจีน ยังส่งผลต่อให้ตลาดหุ้นในยุโรปเมื่อวันศุกร์ปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากเกิดมุมมองที่เป็นบวกเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจจีน ที่ส่งผลทางบวกต่อเศรษฐกิจทั่วโลก มีก็แต่ค่าเงินเยนของญี่ปุ่นเท่านั้นที่อ่อนค่าลง และส่งผลต่อดัชนีนิกเกอิให้บวกขึ้นตามไปด้วย
ไม่เพียงเท่านั้น ตัวเลขการลงทุนก็ยิ่งน่าสนใจมากขึ้นอีก เพราะตัวเลขการลงทุนของจีนในต่างประเทศในลักษณะเวนเจอร์ แคปปิตอลก็ยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในไตรมาสที่สาม โดยมียอดเงินรวม 3.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ จากดีล 84 รายการ เพิ่มขึ้น จากไตรมาสก่อน 79 รายการ โดยเน้นไปที่การลงทุนในธุรกิจดูแลสุขภาพและบันเทิงมากกว่าปกติ สวนทางกับตัวเลขการลงทุนแบบเวนเจอร์แคปปิตอลทั่วโลก ที่ลดลง 14% ที่มีมูลค่าระดับ 2.41 หมื่นล้านบาท
ในทางกลับกัน กระทรวงพาณิชย์จีนก็เปิดเผยว่า จีนได้รับเม็ดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ เพิ่มขึ้น 1.2% เมื่อเทียบเป็นรายปี แตะที่ 9.21 พันล้านดอลลาร์ในเดือนกันยายน สถิติดังกล่าวส่งผลให้อัตราการขยายตัวของ FDI ในช่วง 9 เดือนแรก แตะที่ 4.2%
การขยายตัวอย่างต่อเนื่องของเม็ดเงิน FDI ของจีนนั้น เนื่องจากรัฐบาลจีนได้ใช้ความพยายามอย่างยิ่งเพื่อให้บริษัทต่างประเทศสามารถเข้าถึงจีนได้มากขึ้น ซึ่งผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่า การดำเนินการดังกล่าวทำให้เกิดบรรยากาศการแข่งขันที่เป็นธรรมและทำให้ต่างประเทศเข้ามาลงทุนมากขึ้น
ภาคบริการจีนยังคงเป็นภาคที่สามารถดึงดูดเม็ดเงิน FDI ได้อย่างต่อเนื่องในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ โดยมีสัดส่วนสูงถึง 70.7% ของการลงทุนทั้งหมด ขยายตัวขึ้น 9% เมื่อเทียบปีต่อปีในช่วงดังกล่าว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเงินลงทุนจากสหรัฐฯพุ่งขึ้น 118.9% ในขณะที่ทุนจากเยอรมนีและอังกฤษเพิ่มขึ้น 95.8% และ 51.7% ตามลำดับ
ข่าวบวกเป็นระลอกของจีน ทำให้ความกังวลเกี่ยวกับการที่ค่าเงินหยวนจีนที่อ่อนค่าแตะระดับต่ำสุดในรอบ 15 เดือน ที่ระดับ 6.7098 ต่อดอลลาร์ถือเป็นการทำนิวโลว์ครั้งที่สามเมื่อวันพุธที่ผ่านมา นับตั้งแต่เข้าคำนวณในตะกร้าเงินของกองทุนการเงินระหว่างประเทศเมื่อปลายปีที่แล้วจากเจตนาของธนาคารกลางจีน คลายตัวลงว่าเกิดจากปัจจัยอื่น ที่ไม่ใช่พื้นฐานทางเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ แต่มาจากการบริหารให้อ่อนค่าลงอย่างผิดธรรมชาติ (managed devaluation)
ตัวเลขเชิงบวกของเศรษฐกิจจีน สอดรับกับคำแถลงของนายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีของจีน ก่อนหน้าที่ระบุว่า สภาพเศรษฐกิจของประเทศในปีนี้ดีกว่าที่คาดการณ์ไว้มาก เนื่องจากปริมาณการจ้างงานใหม่ที่สูงขึ้นในตลาด และปัจจัยสนับสนุนจากอุตสาหกรรมการบริโภคและบริการที่มีต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโดยรวม โดยในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ จีนสามารถสร้างงานได้กว่า 10 ล้านตำแหน่งในเมืองต่างๆ โดยอัตราการว่างงานที่ได้มีการสำรวจในเมืองต่างๆ 31 แห่งนั้นอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 5% ในเดือน ก.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 2-3 ปีที่ผ่านมา
ข้อเท็จจริงจากตัวเลขทางบวกที่สวนทางกับค่าเงินหยวน ทำให้นักลงทุนเริ่มเรียนรู้ที่จะแยกแยะความสัมพันธ์ที่เริ่มไม่ไปด้วยกันระหว่างตลาดหุ้นกับค่าเงินหยวนชัดเจนยิ่งขึ้น และปรับสภาพของการลงทุนไปตามภาวะอย่างมีจังหวะก้าว ไม่ลนลานเหมือนในหลายเดือนก่อน
ข่าวดีจากจีนนี้ น่าจะส่งผลให้เงินทุนไหลกลับมาตลาดเอเชียมากยิ่งขึ้น
โดยเฉพาะหลังจากคำปราศรัยของนางเจเน็ต เยลเลนเมื่อวันศุกร์ ที่พยายามไม่กล่าวถึงหรือส่งสัญญาณถึงทิศทางของอัตราดอกเบี้ยแต่อย่างใด ซึ่งทำให้ความคาดหวังว่าโอกาสที่เฟดฯจะขึ้นดอกเบี้ยในเดือนธันวาคมนี้ ยังคงเลื่อนลอย และอาจจะไม่มีการปรับขึ้นตามข้อเรียกร้องของสายเหยี่ยวในเฟดฯก็ได้
แน่นอน ข่าวดีจากจีน ย่อมหมายถึงข่าวดีที่ส่งผลต่อทิศทางของตลาดหุ้นไทยในเช้าวันนี้ด้วย