พาราสาวะถี อรชุน

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา แถลงการณ์ผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทยเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาว่า เมื่อเวลาประมาณ 19 นาฬิกา ค่ำวันที่ 15 ตุลาคม สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ได้มีพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ในฐานะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ พร้อมด้วยนายกรัฐมนตรี เข้าเฝ้าทูลละอองพระบาท ถวายรายงานข้อราชการ ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต

นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณ ล้นเกล้าล้นกระหม่อมที่ทรงห่วงใยประชาชนชาวไทยในยามที่บ้านเมืองกำลังอยู่ระหว่างช่วงเวลาทุกข์โศก พร้อมกันนั้น ประชาชนหลายคนยังกำลังประสบปัญหาอุทกภัย ได้รับความเดือดร้อน พระราชปรารภสำคัญเรื่องหนึ่งคือ ขออย่าให้ประชาชน เกิดความสับสนหรือกังวลใจใดๆ เกี่ยวกับราชการแผ่นดิน หรือแม้แต่การสืบราชสันตติวงศ์ เพราะเรื่องนี้มีรัฐธรรมนูญ กฎมณเฑียรบาลและจารีตประเพณีกำหนดไว้แล้ว

แต่การจะดำเนินการเมื่อใด อย่างไรนั้น มีพระราชบัณฑูรว่า ช่วงเวลานี้ทุกคนทุกฝ่าย แม้แต่พระองค์ท่านเอง อยู่ระหว่างความเศร้าโศก โทมนัสอาลัย จึงควรให้ทุกฝ่ายช่วยกันทำให้รู้สึกว่าเราผ่านพ้นหรือบรรเทาความวิปโยคอาดูรนี้ไปได้บ้างก่อนเถิด อย่าให้ความรู้สึกว่ามีความเปลี่ยนแปลงใดๆ ภายใต้ร่มพระบารมีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเกิดขึ้นกะทันหันเกินไป

ทุกคนควรใช้เวลานี้ รักษาความทรงจำอันงดงามของเหตุการณ์ 70 ปีที่ผ่านมา เมื่อการบำเพ็ญพระราชกุศลและพระราชพิธีพระบรมศพผ่านพ้นไปแล้วระยะหนึ่ง ก็น่าจะถึงเวลาสมควรดำเนินการต่อไปได้ ซึ่งการดำเนินการเช่นนี้ ก็ไม่น่าจะกระทบต่อแผนงานหรือขั้นตอนใดๆ นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณขององค์รัชทายาทที่มีต่อพสกนิกรของพระองค์

จากนี้จึงเป็นหน้าที่ของรัฐบาลและสนช.ในการที่จะรับสนองพระราชบัณฑูรใส่เกล้าใส่กระหม่อม ขณะเดียวกันทางด้านประชาชน ก็เป็นสิ่งที่ทุกคนทุกฝ่ายจะต้องร่วมมือร่วมใจกันในการถวายความจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ด้วยการรู้รักสามัคคี ไม่เอารัดเอาเปรียบและรู้จักให้อภัย

อย่างแรกที่เห็นได้ถึงน้ำใจและความสามัคคีของคนไทยเป็นเบื้องต้น ก็คือ เหล่าบรรดาอาสาสมัครทั้งหลายแหล่ที่ไปคอยอำนวยความสะดวกดูแลพี่น้องประชาชนซึ่งเดินทางไปถวายสักการะพระบรมศพบริเวณโดยรอบพระบรมมหาราชวัง ต่อมาคือกลุ่มที่มีน้ำใจในการจัดรถรับส่งคนที่จะเดินทางไปร่วมถวายสักการะพระบรมศพโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ

ตรงนี้ก็เป็นภาพสะท้อนสวนทางกันอย่างชัดเจนระหว่างพวกเห็นแก่ตัวที่โก่งราคาในการพาคนเดินทางไปยังจุดดังกล่าว เช่นเดียวกันกับ พวกคนที่ได้ชื่อว่าพ่อค้าในจังหวะที่คนต้องการหาชุดดำมาใส่เพื่อร่วมไว้อาลัย ถวายพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวนั้น เห็นได้ชัดเจนว่ามีการปรับขึ้นราคากันอย่างหน้าเลือด นี่ก็เป็นเหตุหนึ่งที่ทำให้คนซึ่งขาดปัจจัยไร้เสื้อหรือชุดสีดำในการจะใส่ไปร่วมงานหรือแม้แต่ใส่ในการเดินทางไปตามสถานที่ต่างๆ

ทำให้เห็นถึง “น้ำใจ” ของพวกเอาแต่ได้เป็นอย่างดี แต่สิ่งหนึ่งซึ่งไม่ควรจะเกิดขึ้นกับงานที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้คงเป็นกระแสข่าวเรื่องการแสดงความไม่พอใจต่อบุคคลที่ไม่ได้ใส่เสื้อสีดำหรือสีสำหรับการไว้ทุกข์ จนมีคนอยู่จำนวนไม่น้อยต้องออกมาระบายผ่านโซเชียลมีเดีย คนจำนวนไม่น้อยก็ใช่ว่าจะมีฐานะพอที่จะไปหาซื้อเสื้อผ้าดังว่ามาใส่

สิ่งสำคัญในยามที่ใจคนไทยโศกสลดกันทั้งประเทศนั้น ไม่ควรที่จะมองไปยังภาพภายนอกว่าคนใดไม่ใส่เสื้อสีดำแล้วเป็นพวกไม่รักในหลวง เหมือนอย่างที่เคยบอกมาโดยตลอด ได้ชื่อว่าคนไทยไม่มีใครกล้าแม้แต่จะคิดในเรื่องการไม่จงรักภักดี อาจมีบางคนแต่นั่นถือเป็นส่วนน้อยมาก ทว่าคนส่วนใหญ่ของประเทศต่างสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของสถาบันพระมหากษัตริย์ทั้งสิ้น

ประเด็นการมองคนแต่เปลือกนอกแล้วด่วนสรุปนั้น มันได้กลายเป็นจุดอ่อนที่ถูกหยิบยกมาใช้ในเกมการแย่งชิงผลประโยชน์ในรอบกว่า 10 ปีที่ผ่านมา จนยากที่จะสามารถประสานเป็นหนึ่งเดียวกันได้ กระทั่งองค์เหนือหัวที่พระองค์ทรงมีพระบรมราโชวาท เรื่องการรักสามัคคีมาโดยตลอด ก็คนบางพวกบางกลุ่มกลับไม่ใส่ใจ กระทั่งพระองค์เสด็จสวรรคต

โอกาสนี้จึงเป็นวาระสำคัญที่ไม่ว่ากลุ่มไหนฝ่ายใด จะต้องละทิ้งความบาดหมางทั้งหมดเพื่อช่วยกันสร้างความปรองดองถวายเป็นพระราชกุศล ปมเรื่องสีเสื้อนั้น แพทองธาร ชินวัตร ได้โพสต์อินสตาแกรมด้วยข้อความน่าสนใจ อย่าไปว่าคนที่เขาไม่ใส่ชุดไว้ทุกข์ เพราะเขาอาจไม่มีจริงๆ ก็ได้ อย่าไปด่าคนที่เขาไม่เปลี่ยนรูปโปรไฟล์เป็นขาวดำ

ความจงรักภักดีของเขาอาจแสดงออกด้านอื่นก็ได้  อย่าไปเกลียดคนที่เขาลงรูปไปกิน-ไปเที่ยว อาจเป็นวิธีที่ทำให้เขาคลายเศร้าโศกก็ได้ ทุกชีวิตยังต้องดำเนินต่อไป เปิดใจให้กว้าง อย่ามัวแต่ไปจับผิดคนอื่น ในฐานะคนที่ถูกกระทำมาโดยตลอดเพราะเป็นลูกสาวของอดีตนายกฯที่ถูกเกลียดชัง น่าจะเข้าใจหัวอกของคนที่ถูกดูแคลน เพราะการไม่ได้ใส่เสื้อตามคนส่วนใหญ่เป็นอย่างดี

หลังจากการโพสต์ของอุ๊งอิ๊ง ปรากฏว่าผู้ใช้ไอจีว่า nichax หรือทูลกระหม่อมหญิง อุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ทรงตอบว่า “เห็นด้วยนะ บางทีเราอาจต้องผ่อนทุกข์ในใจของเราบ้าง ไม่งั้นก็คงทนไม่ไหว” รับสั่งเช่นนี้ คงจะเป็นการกระตุกเตือนสำนึกดีของคนทั้งหลายได้เป็นอย่างดี อย่ามองคนแค่เพียงด้านเดียวและอย่านำเพียงด้านเดียวนั้นมาสร้างความเกลียดชังระหว่างกัน

เชื่อได้เลยว่าภาพที่ต่างชาติเห็นในความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของคนไทยหลังการสวรรคต คงไม่มีใครอยากจะเชื่อ ทั้งที่ก่อนหน้านั้นมีข่าวคราวความขัดแย้ง แตกแยกของคนไทยจนยากที่จะหาทางสมานฉันท์กันได้ ในวาระนี้จึงควรที่จะเป็นโอกาสให้ทุกคนทุกฝ่ายได้หันหน้าเข้าหากัน ร่วมทุกข์ร่วมสุขไปด้วยกัน นี่คือ ภาพของคนไทยที่แท้จริงก่อนที่จะเกิดวิกฤติทางการเมืองในห้วงกว่า 10 ปีที่ผ่านมา