STPI แสงสว่างปลายอุโมงค์แฉทุกวัน ทันเกมหุ้น
หากจะนับว่าหุ้นของบริษัท บริษัท เอสทีพี แอนด์ ไอ จำกัด (มหาชน) หรือ STPI เข้าข่าย “บริษัทดี หุ้นเลว” ก็คงไม่ผิดอะไร
หากจะนับว่าหุ้นของบริษัท บริษัท เอสทีพี แอนด์ ไอ จำกัด (มหาชน) หรือ STPI เข้าข่าย “บริษัทดี หุ้นเลว” ก็คงไม่ผิดอะไร
2 ปีมานี้ แม้ว่าผลประกอบการของบริษัทจะยังคงมีรายได้สม่ำเสมอ และมีกำไรดีต่อเนื่องแม้จะไม่เติบโต ตามภาวะเศรษฐกิจของโลกที่มีการลงทุนขนาดใหญ่น้อยลง แต่การที่ราคาหุ้นของบริษัททลดต่ำลงชนิดซึมยาว มากกว่า 50% ทำให้นักลงทุนทั้งหลายพากันเข็ดขยาดไม่กล้าเข้าใกล้หุ้นตัวนี้ยาวนาน
คนที่ทนไม่ไหวก็หาทางขายทิ้งตัดขาดทุนไป คนที่ทนอยู่และเชื่อว่าทนได้ ก็กลายเป็น วีไอ จำเป็น….เพราะติดหุ้นแกะไม่ยอมออก
เหตุผลที่เกิดสถานการณ์เช่นว่านี้ น่าจะมาจากเสน่ห์ของหุ้นก่อสร้างที่รับงานเป็นชิ้นๆ นั่นเอง เมื่อขาดงานใหม่ที่มีขนาดใหญ่เพียงพอ ก็ไม่เป็นแรงขับให้เกิดแรงซื้อหุ้นเป็นระลอกขึ้นมา
การรับงานขนาดเล็กชนิด “เก็บเบี้ยใต้ถุนร้าน” เปรียบได้กับคำสาปสำหรับหุ้นก่อสร้างโดยตรงอย่างมีนัยสำคัญฉันใด กรณีของ STPI ก็เป็นเช่นนั้น
การที่ งานก่อสร้างโมดุลขนาดใหญ่ทั้งในและต่างประเทศเริ่มหมดไปหลังจากยุคราคาน้ำมันตกต่ำติดพื้น แถมบางงานที่ประมูลแข่งขันทำท่าจะได้รับงาน ก็ถูก “โรคเลื่อน” ลากดึงออกไปด้วยเหตุหลายประการ
ผลลัพธ์คือ STPI ต้องหันไปรับงานโครงการระดับ 10-20 ล้านเหรียญ…เข้าข่าย “สิงโตกินหนอน”….เพื่อประคองตัวในช่วงรองานใหญ่ที่น่าจะมีออกมามากขึ้นในปี 2560 โดยปี 2559 มีลุ้นงานขนาดเล็กแค่ 5 โครงการ มูลค่ารวม 2 พันล้านบาท
เพื่อแก้ปัญหารายได้ไม่สม่ำเสมอ แผนธุรกิจในอนาคตของ STPI จะให้ความสำคัญมากขึ้นกับการกระจายธุรกิจ ไปในธุรกิจที่สร้างกำไรสม่ำเสมอ ในลักษณะที่ STPI เข้าไปร่วมลงทุนและมีโอกาสรับงานก่อสร้าง
กรณีของ STPI นั้น เนื่องจากโมเดลธุรกิจถูกออกแบบให้เป็นการรับงานก่อสร้างขนาดใหญ่สำหรับงานวิศวกรรมโครงสร้างขนาดใหญ่ ชนิดที่เรียกกันง่ายๆ ว่า “จับปลาวาฬ” ไม่ใช่จับปลาซิวปลาสร้อย ดังนั้น การได้งานขนาดใหญ่ในต่างประเทศจึงเป็นจุดขายสำคัญที่ทำให้หุ้นในอดีตมีราคาค่อนข้างสูง
กลางปี 2557 นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ในตลาดหุ้นไทย พากันฟันธงกันว่า ราคาเป้าหมายของ STPI อยู่ที่ระดับ 27-29 บาท แต่หลังจากนั้นเป็นต้นมา ราคาหุ้นกลับซึมลงมาต่อเนื่อง…..เล่นเอาแมงเม่าปีกหักเป็นทิวแถว
ส่วนพวกนักเล่นหุ้นพื้นฐาน กลายเป็นวีไอที่อยู่ดอยกันเป็นแถวๆ…เพราะเจอปัญหา “ถูกแล้ว ยังมีถูกกว่า” ต่อเนื่อง ไม่รู้จบ
ความไม่สอดรับกันระหว่างราคาหุ้นกับผลประกอบการของ STPI ทำให้สูตรการลงทุน let profit run หรือ ผลกำไรดันราคาหุ้น….ล้มเหลวอย่างชัดเจนเป็นกรณีศึกษาที่สำคัญว่า ..คบคนอย่าดูแค่ใบหน้า ซื้อหุ้นมีค่าอย่าดูที่กำไรขาดทุนอย่างเดียว
ล่าสุด วานนี้ STPI ก็พยายามรายงานเรื่อง “งานชิ้นเล็ก” ที่ได้มาใหม่ โดยแจ้งว่า เมื่อวันที่ 15 ตุลาคมที่ผ่านมา ได้ลงนามสัญญาจ้างโครงการก่อสร้าง Algerian Qatari Steel Project ในประเทศแอลจีเรีย จาก PAUL WURTH Italia S.p.A. มีมูลค่าโครงการ 17.3 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยเป็นการจัดหาวัตถุดิบและแปรรูปโครงสร้างเหล็ก มีระยะเวลาดำเนินการตามสัญญาระหว่างเดือน ต.ค.59-มิ.ย.60
งานดังกล่าว ถือเป็นงาน “แก้ขัด” เมื่อเทียบกับงานที่ต้องลุ้นที่เพิ่งแจ้งไปไม่นานนัก แต่ยังไม่ได้มาอย่าง งานรับเหมาช่วงให้กับโครงการ Pacific Northwest LNG ซึ่งรัฐบาลแคนาดาเพิ่งจะอนุมัติให้เดินหน้าทำต่อไปได้ หลังการตัดสินใจยืดเยื้อมาตั้งแต่เดือน มิ.ย.58 โดยคาดว่าจะได้รับงานจาก EPC Contractor 2 ราย ที่อยู่ใน Short List ที่มีโอกาสได้รับงานก่อสร้างคือ Bechtel และ KBR ซึ่งเชื่อว่า Petronas ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่โครงการจะยินยอมด้วย
ขณะที่โครงการ Ichthys ซึ่งเป็นโครงการที่สร้างรายได้ช่วงระหว่างปี 2556-2559 ได้ส่งมอบงาน Shipment สุดท้ายตามกำหนดในเดือน ส.ค. ที่ผ่านมา แม้มูลค่าส่งมอบที่จะรับรู้ในไตรมาส 3/59 เหลือเพียง 1.4 พันล้านบาท แต่การสรุปปริมาณงานขั้นสุดท้ายที่คาดจะมีมูลค่าเพิ่มจากสัญญาหลักอีกประมาณ 2-3%
งานส่วนหลังที่จะสร้างรายได้เพิ่มนี้ เป็นส่วนที่แทบจะไม่มีต้นทุน เมื่อหักลบกับค่าใช้จ่ายต่างๆ และการตั้งสำรองความเสียหาย จึงคาดว่าแนวโน้มกำไรงวดไตรมาส 3 ที่จะประกาศ น่าจะอยู่ในเกณฑ์ดี ไม่ต่ำกว่างวดไตรมาส 2 ที่ทำได้จำนวน 572 ล้านบาท
การรับงานขัดตาทัพ แม้ว่าจะเล็ก ก็เป็นกลยุทธ์“พอเพียง” ที่จำแนกสำหรับระยะผ่าน…ความน่าสนใจอยู่ที่ว่า แม้จะไม่ใหญ่เหมือนในอดีต แต่การรักษาความสามารถทำกำไรยังโดดเด่นต่อไป..นี่แหละจุดขายสำคัญ
ล่าสุด นักวิเคราะห์หลายสำนัก ก็ยังมีมุมมองทางบวกว่า การที่ราคาหุ้น STPI ร่วงนานมากกกก ทำให้อัพไซด์เปิดกว้างอีกครั้ง
แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ ยังมีให้เห็น…ที่ราคาหุ้นรอวันสำหรับทะยาน
ซึ่งไม่รู้เมื่อไหร่…“อิ อิ อิ”