BIG ทลายกำแพงธุรกิจแฉทุกวัน ทันเกมหุ้น
หลังจากสร้างชื่อลือลั่นมาตั้งแต่ปีก่อนว่า เป็นหุ้นที่โดดเด่นระดับหัวแถวทั้งทางด้านความสามารถทำกำไร และราคาหุ้นที่วิ่งแรงแซงหน้าควบคู่กันไปของปี 2559 ชนิดที่เรียกว่า แรงดี ไม่มีตก ผู้บริหารคนเก่ง นายธนสิทธิ์ เธียรกาญจนวงศ์ แห่งบริษัท บิ๊ก คาเมร่า คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BIG ก็เดินหน้าขยันไม่มีหยุด
หลังจากสร้างชื่อลือลั่นมาตั้งแต่ปีก่อนว่า เป็นหุ้นที่โดดเด่นระดับหัวแถวทั้งทางด้านความสามารถทำกำไร และราคาหุ้นที่วิ่งแรงแซงหน้าควบคู่กันไปของปี 2559 ชนิดที่เรียกว่า แรงดี ไม่มีตก ผู้บริหารคนเก่ง นายธนสิทธิ์ เธียรกาญจนวงศ์ แห่งบริษัท บิ๊ก คาเมร่า คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BIG ก็เดินหน้าขยันไม่มีหยุด
บมจ.บิ๊ก คาเมร่า คอร์ปอเรชั่น (BIG) แจ้งว่า ตามที่บริษัทได้ร่วมมือกับบริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จำกัด ในการเข้าบริหารเอไอเอส ช็อป บาย พาร์ทเนอร์ ณ ปัจจุบันบริษัทได้รับสิทธิในการบริหารเอไอเอส ช็อป จากบริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จำกัด จำนวน 3 สาขา
การแจ้งข้อมูลที่ขาดรายละเอียด ทำให้เกิดคำถามว่า ขายกล้องและอุปกรณ์อยู่ดีๆ มีกำไรเยอะแยะแล้ว ทำไมจึงจะไปขายบริการโทรศัพท์มือถือ และ สมาร์ทโฟน…..ที่ใครก็บ่นกันอู้ว่า กำไรน้อย…
คิดอะไร? หรือว่าอยู่ดีๆ ก็เกิดกินยาผิดซองขึ้นมา
ที่สำคัญคือ แล้วโมเดลธุรกิจใหม่นี้ แตกต่างจาก โมเดลของค่าย COM7 ที่จับมือกับค่าย TRUE อย่างไร
คำเฉลย ออกจากปาก นายธนสิทธิ์ หรือ เสี่ยยุ่น ว่า โมเดลธุรกจินี้ เป็นการสร้างรายได้ในรูปใหม่ของ BIG ที่เคยมีการขยายสาขาเพื่อขายกล้องถ่ายรูปและอุปกรณ์ รวมทั้งธุรกิจใหม่อย่างการพิมพ์ภาพดิจิตอลที่กำลังบุกเบิก มาเป็นการบริหารแฟรนไชส์ค่ายโทรศัพท์มือถือเครือ เอไอเอส
หลักการก็ง่ายๆ คือ BIG จะลงทุนเปิดสาขาในชื่อ เอไอเอส ช็อป บาย พาร์ทเนอร์ เองทั้งหมด จำนวน 3 สาขาเป็นเบื้องแรก โดยเข้าไปบริหารทั้งหมด เสมือนหนึ่งสาขาของเอไอเอสตามปกติ (เปิดเบอร์ใหม่ หรือ ขายโทรศัพท์ และอุปกรณ์พกพา (สมาร์ทโฟน หรืออื่นๆ รวมทั้งการทำโปรโมชั่นทุกอย่าง) ทั้งหมด…แต่ที่ไม่ปกติก็ตรงที่ สาขาที่ BIG บริหารนี้ จะมีขายกล้องและอุปกรณ์ควบคู่ไปด้วย
เก๋ไปอีกแบบ …มีทั้งสมาร์ทโฟน และสมาร์ท คาเมร่า พร้อมกันไปในที่เดียว
การลงทุนแนวใหม่นี้ ทาง BIG จะเริ่มต้นทำในเดือนธันวาคมนี้ ที่เซนทรัล เฟสติวัล พัทยาเป็นที่แร ก ส่วนอีก 2 ที่ ยังอยู่ในระหว่างพิจารณาอยู่
โมเดลใหม่นี้ ทาง BIG จะได้ค่าส่วนแบ่งค่ารับบริหารร้านให้กับเอไอเอส และสามารถขายกล้องและอุปกรณ์ของตนเองไปด้วย…ส่วน เอไอเอสนั้นเล่า ก็ไม่ต้องเสียเงินลงทุนตั้งสาขาและลงทุนบริหารลูกค้าเองให้เหนื่อยยาก แต่ได้ส่วนแบ่งเป็นค่าแฟรนไชส์ของแบรนด์เอไอเอส ที่ตกลงกันไว้
ถือเป็นโมเดลที่วิน-วิน อย่างแท้จริง
ในแง่นี้ โมเดลของ BIG จะต่างจากการจับมือพันธมิตรระหว่าง COM7 กับ TRUE อย่างชัดเจน เพราะแบบนั้น ทางด้าน True Distribution and Sales เปิดทางให้ 166 สาขาเดิมของ TRUE ในห้างบิ๊กซี และเทสโก้ โลตัส ทั่วประเทศให้ COM7 เข้าไปทำการบริหารจัดบริการครบวงจร ทั้งขายสินค้าและให้บริการ และยังทำหน้าที่เป็น True Authorized Reseller ในร้านขายปลีกภายใต้ Com7 เช่น Banna IT และอื่นๆ กว่า 300 สาขาทั่วประเทศ สร้างความสะดวกสบายให้กับลูกค้าทั้ง True และ Com7
ถามว่า โมเดลไหนดีกว่ากัน ระหว่างพันธมิตร มือถือ บวก กล้อง กับ มือถือ บวก ไอทีและสมาร์ทโฟน
คำตอบคือ ยังไม่รู้ ต้องพิสูจน์เสียก่อน
การทลายกำแพงธุรกิจแบบนี้ มีทั้งโอกาสและความเสี่ยงควบคู่เสมอ แบบเดียวกับเอานักร้องมาแสดงละครโทรทัศน์ (หรือกลับกัน) น่ะแหละ…สำเร็จดังเป็นพลุ หรือ เรื่องเดียวเลิก …เป็นไปได้ทั้งสิ้น
เสี่ยยุ่นเอง ก็ยอมรับว่า ทั้ง 3 สาขาที่ BIG จะทำใหม่นี้ ถือเป็น “โครงการนำร่อง” เท่านั้น อาจจะขยายมากขึ้น หรือ หยุดยั้งแค่นี้ ยังไม่แน่ชัด …ขอลองดูเฟสแรกที่มีอายุสัญญา 5 ปี เสียก่อน
ของอย่างนี้ ไม่ลองไม่รู้
“อิ อิ อิ”