หุ้นปลอม VS หุ้นจริงโมนิก้าและทีมงาน

*จริงๆ “โมนิก้า” ไม่อยากเม้าท์ถึงเรื่อง “บิ๊กคลีนนิ่งเดย์” ของสำนักงาน ก.ล.ต. ซึ่งเป็นการล้างบ้านครั้งใหญ่เมื่อสัปดาห์ก่อนสักเท่าไหร่ เพราะเหมือนเป็นการซ้ำเติมบุคลากรของโบรกเกอร์ที่มีปัญหา แต่เผอิญบุคลากรทั้ง 11 รายจากโบรกเกอร์ 4 แห่ง ดันเป็นกลุ่มคนที่ไปสร้างเรื่องไว้เยอะพอสมควร เดี๊ยนจึงต้องนำประเด็นดังกล่าวมาขยายผลอีกสักนิดหนึ่ง เพื่อทำให้ผู้คนเข้าใจตรงกันนะ


*จริงๆ “โมนิก้า” ไม่อยากเม้าท์ถึงเรื่อง “บิ๊กคลีนนิ่งเดย์”  ของสำนักงาน ก.ล.ต. ซึ่งเป็นการล้างบ้านครั้งใหญ่เมื่อสัปดาห์ก่อนสักเท่าไหร่ เพราะเหมือนเป็นการซ้ำเติมบุคลากรของโบรกเกอร์ที่มีปัญหา แต่เผอิญบุคลากรทั้ง 11 รายจากโบรกเกอร์ 4 แห่ง ดันเป็นกลุ่มคนที่ไปสร้างเรื่องไว้เยอะพอสมควร เดี๊ยนจึงต้องนำประเด็นดังกล่าวมาขยายผลอีกสักนิดหนึ่ง เพื่อทำให้ผู้คนเข้าใจตรงกันนะ

*ที่สำคัญคือ ประเด็นของการเร่ขายหุ้น IPO ทั้งที่หุ้นตัวนั้นยังไม่เข้าตลาดหุ้น มันเป็นเรื่องที่ต้องติดตามดูดีๆ เพราะมันเป็นกลไกที่มีอยู่จริง และมีผู้เสียหายเกิดขึ้นจริง “โมนิก้า” ถึงต้องกระโดดเข้ามาคลุกวงในเรื่องดังกล่าวสักหน่อย เนื่องจากสิ่งที่เกิดขึ้นในเที่ยวนี้กำลังเป็นที่ถกเถียงกันอย่างกว้างขวางว่า ทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้? และคนที่จะไขปริศนาเรื่องนี้ได้ดีสุดน่าจะเป็นพวกมาร์เก็ตติ้งเจ้าค่ะ

*สาเหตุที่ “โมนิก้า” ขอพุ่งเป้าไปทางนั้นเป็นพิเศษ เพราะเป็นกลุ่มคนที่สนิทชิดเชื้อกับลูกค้ามากสุด และเมื่อไล่เรียงรายละเอียดให้ดีจะเห็นว่า เรื่องนี้มีการทำกันมานานแล้วมั้ง! ส่วนรายอื่นที่ไม่มีการเปิดเผยจนเป็นข่าวเกรียวกราวนั้น น่าจะมีการเคลียร์กันลงตัวก่อนจะบานปลาย เรื่องเลยไปไม่ถึงสำนักงาน ก.ล.ต. ส่งผลให้คนกลุ่มนี้ยังคงวนเวียนอยู่ในตลาดหุ้นอีกไม่น้อยนะคะ

*งานนี้เดี๊ยนพูดได้เต็มปากเต็มคำว่า ยังมีกลุ่มคนต่างๆ ที่ชอบอ้างว่า มีหุ้น pre ipo เอามาขายก่อนอีกเยอะแยะ จึงเชื่อว่าในอนาคตก็คงมีรายการล้างบ้านเกิดขึ้นอีกรอบอย่างไม่ต้องสงสัย หากอยากรู้รายละเอียดดังกล่าวเป็นเช่นไร? วันพุธที่ 26 ต.ค. 59 ลองหมุนวิทยุมาที่คลื่น FM. 98.50 ช่วงเวลา 10.40 น.  คุณน้องสุดน่ารัก “ปริย เตชะมวลไววิทย์” โฆษกหนุ่มของสำนักงานดังกล่าวจะมาเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ฟังนะจะบอกให้

*เม้าท์ถึงเรื่องหุ้นปลอมเยอะพอสมควรแล้ว “โมนิก้า” ขอย้อนกลับมาพูดถึงหุ้นจริงเพื่อทำให้นักล่าหุ้นจองมองเห็นภาพที่ชัดเจนขึ้นมาอีกนิดหนึ่ง และตัวที่จะเม้าท์ถึงต่อไปนี้เป็นหุ้นน้องใหม่ที่ชื่อ FN ซึ่งกำลังบินไปโรดโชว์ต่างประเทศ ถือเป็นหุ้นอีกหนึ่งตัวที่น่าจับตาดูเป็นอย่างยิ่ง เพราะเป็นบริษัทมีเฮาส์แบรนด์เป็นของตัวเอง และมีสัดส่วนรายได้ในส่วนดังกล่าวเกินกว่า 60% (โลตัส บิ๊กซี ยังมีไม่ถึง 10%) เดี๊ยนถึงไม่แปลกใจที่ผู้คนในแวดวงกองทุนเม้าท์ถึงหุ้นตัวนี้เยอะแยะไปหมดเจ้าค่ะ

*เช่นเดียวกับหุ้นน้องใหม่ป้ายแดง COMANซึ่งเป็นหุ้นที่ดำเนินธุรกิจให้บริการโปรแกรมสำเร็จรูปเพื่อใช้บริหารงานโรงแรม และบริหารจัดการข้อมูลองค์กร “โมนิก้า” ถือเป็นอีกหนึ่งมิติที่น่าสนใจไม่แพ้กัน บวกกับพรายกระซิบแอบเม้าท์ให้ฟังว่า CEO มากประสบการณ์อย่าง“สมบูรณ์ ศุขีวิริยะ” มีผลงานการันตีคุณภาพเป็นที่เรียบร้อย เพราะซอฟต์แวร์คนไทยทำเองดังไกลไปถึงเมืองนอก เดี๊ยนจึงขอเป็นอีกหนึ่งแรงใจเพื่อช่วยสนับสนุนคนไทยด้วยกันอย่างเต็มที่นะคะ

*ส่วนหุ้นที่กำลังจะเข้าเทรดอย่าง SQ ก็เป็นหุ้นอีกหนึ่งตัวที่ “โมนิก้า” ให้ความสนใจไม่ใช่น้อย เพราะมีกิมมิคในการอัพแวลูของตัวเองค่อนข้างชัดเจน บวกกับใครที่ได้อ่านหนังสือชี้ชวนในบางหัวข้อแบบเจาะลึก น่าจะเห็นทิศทางการเติบโตที่แข็งแกร่งได้เป็นอย่างดี บวกกับเป็นหุ้นประเภทต่ำกว่า 5 บาท ย่อมมีแก๊ปให้นักลงทุนเข้ามาตะลุมบอนอย่างแน่นอน…ไม่เชื่อก็รอดูแล้วกันเจ้าค่ะ

*วกกลับมาดูบรรยากาศการลงทุนกันบ้างดีกว่า เพราะหลังจากดัชนีทะยานขึ้นมาปิดที่ 1,500.37 จุด บวกไป 7.64 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.85 หมื่นล้านบาท ก็ดูเหมือนว่า ภาพการลงทุนแบบเดิมๆ เวียนมาบรรจบอีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นกองทุนตัวแสบ จับมือกับปอบผีฟ้า ทุ่มทุนซื้อหุ้น ขณะที่แมงเม่ารีบเทขายหุ้นเพื่อลงจากดอย ส่วนฝรั่งตาน้ำข้าวก็ขายหุ้นเพื่อปรับพอร์ตอีกรอบ ล้วนเป็นจุดที่ทำให้ทุกคนต้องกลับมาคิดถึงรูปแบบการลงทุนอีกรอบนะคะ

*เนื่องจากวิธีการขึ้นของดัชนีเที่ยวนี้มาจากแรงขับเคลื่อนเรื่องผลประกอบการไตรมาส 3 ซึ่งหุ้นบางตัวมีการซึมซับรับข่าวร้ายไปเยอะพอสมควร จึงถึงเวลาที่หุ้นเด้งกลับอย่างเป็นทางการ ขณะที่หุ้นบางตัวยังไม่ตอบรับข่าวดีที่เกิดขึ้น ก็อาศัยจังหวะนี้ตามน้ำอย่างเป็นทางการไปพร้อมกัน ช่วงนี้ถึงเห็นหุ้นบลูชิพบางตัวเดินหน้าขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อไต่เพดานขึ้นไปหายอดเดิมไงล่ะค่ะ

*ตัวอย่างดังกล่าวดูได้จากน้อง BEM ทะยานขึ้นมายืนอยู่ที่ 7.65 บาท บวกไป 0.30 บาท หรือขึ้นไป 4% ด้วยมูลค่า 3.10 พันล้านบาท โดยมีเป้าหมายแรกอยู่ที่บริเวณ 8 บาท ต่อจากนั้นจะไต่เพดานขึ้นไปหายอดเดิม 9 บาท เช่นเดียวกับในรายของ THAI ทะยานขึ้นอย่างเงียบๆ แต่เป็นการบวกอย่างต่อเนื่อง จนล่าสุดขึ้นมายืนอยู่ที่ 27.50 บาท บวกไป 0.50 บาท ด้วยมูลค่า 480 ล้านบาท โดยมียอดเก่า 32 บาท ล้วนเป็นประเด็นที่น้องโมอยากให้ทุกคนลองไปพิจารณาดูนะคะ

*ส่วนดาวรุ่งพุ่งแรงอย่าง BCPG ยังพยายามเดินหน้าทำ new high ตลอดเวลา ก่อนจะลงเอยที่ระดับ 14.30 บาท บวกไป 0.30 บาท หรือขึ้นไป 2.15% ด้วยมูลค่า 2.43 พันล้านบาท คงขึ้นอยู่กับกองทุนจะดันต่อหรือเปล่า? คล้ายคลึงกับในรายของ ESSO ทะยานขึ้นมาปิดที่ 8.45 บาท บวกไป 1.15 บาท หรือขึ้นไป 15.75% ด้วยมูลค่า 760 ล้านบาท มันมาจากกิมมิคเทิร์นอะราวด์ จึงเชื่อว่าหุ้นจะไปต่ออีกระยะหนึ่ง เพราะวันนี้เทรดกันบนค่า P/E 7.50 เท่า ซึ่งมันเป็นค่าที่น้อยเกินไปเจ้าค่ะ

Back to top button