พาราสาวะถี อรชุน

วันเสาร์และอาทิตย์ที่ผ่านมาคลื่นมหาชนจากทั่วสารทิศ ต่างหลั่งไหลมารวมใจกันเพื่อรับบัตรคิวเข้าถวายบังคมพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เบื้องหน้าพระบรมโกศ แน่นอนว่า จำนวนคนที่มาเข้าคิวนั้นมากกว่าจำนวนที่เจ้าหน้าที่จะสามารถจัดสรรให้เข้าไปถวายบังคมได้ จึงมีคนส่วนมากต้องผิดหวัง แต่ทุกคนยินดีที่จะรอเพื่อขอได้เข้าไปแสดงความอาลัยต่อองค์เหนือหัว


วันเสาร์และอาทิตย์ที่ผ่านมาคลื่นมหาชนจากทั่วสารทิศ ต่างหลั่งไหลมารวมใจกันเพื่อรับบัตรคิวเข้าถวายบังคมพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เบื้องหน้าพระบรมโกศ แน่นอนว่า จำนวนคนที่มาเข้าคิวนั้นมากกว่าจำนวนที่เจ้าหน้าที่จะสามารถจัดสรรให้เข้าไปถวายบังคมได้ จึงมีคนส่วนมากต้องผิดหวัง แต่ทุกคนยินดีที่จะรอเพื่อขอได้เข้าไปแสดงความอาลัยต่อองค์เหนือหัว

เหมือนอย่างที่มีการประกาศเตือนกันไปก่อนหน้า ทางที่ดีในช่วงนี้หรืออาจจะ 2-3 เดือนแรกเสียด้วยซ้ำ ประชาชนยังไม่ต้องรีบเดินทางมา เพราะทางสำนักพระราชวังได้รับพระราชานุญาตให้ประชาชนได้เข้าถวายบังคมเบื้องหน้าพระบรมโกศโดยไม่มีกำหนดสิ้นสุด ดังนั้น จึงควรที่จะทยอยกันมา เพื่อที่จะไม่ให้เบียดเสียดกันจนเกินไป เพราะเวลานี้คนไทยทั้งชาติได้แสดงให้ต่างชาติเห็นแล้วว่า ในยามที่เราสามัคคีและรวมกันเป็นหนึ่งนั้น มันมีพลังมากเพียงใด ส่วนที่เหลือก็เป็นภาระของทางการที่จะประชาสัมพันธ์ทำความเข้าใจกันต่อไป

เตือนรัฐบาลคสช.ไปก่อนหน้านี้แล้วว่า ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนนั้นจะเป็นภัยเงียบที่น่ากลัว โดยเฉพาะกลุ่มเกษตรกร วันนี้เริ่มมีเสียงเรียกร้องมาแล้วจากชาวนาอันเนื่องมาจากราคาข้าวที่ตกต่ำ ฤดูกาลผลิตข้าวนาปีประจำปี 2559-2560 กำลังจะเริ่มเก็บเกี่ยวกันในอีกหนึ่งสัปดาห์ข้างหน้านี้แล้ว แต่ปรากฏว่า ราคาข้าวของชาวนาถูกกดจากพ่อค้าเหลือแค่ตันละ 5-6 พันบาทเท่านั้น

นำคณะลงพื้นที่เพื่อสัมผัสปัญหาที่แท้จริง ที่จังหวัดพิจิตร ไม่รู้ว่าเป็นการพิสูจน์ว่าไม่ได้จัดตั้งกันมาหรือเป็นเพราะคนที่มาเดิมที่กะว่าจะไม่โวยแต่ความเดือดร้อนมันหนักหนาสาหัสยากเกินจะทน คณะของ วิบูลย์ลักษณ์ ร่วมลักษณ์ ปลัดพาณิชย์ และ วีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี พ่อเมืองชาละวัน จึงต้องไปรับฟังข้อเรียกร้องพร้อมคำขู่จะปิดถนนหากข้อเสนอไร้การตอบสนอง

โดยงานนี้เกษตรกรจาก 3 อำเภอคือ บางมูลนาก เมืองพิจิตร และตะพานหิน ส่งเสียงสะท้อนว่า ได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก เนื่องจากราคาข้าวตกต่ำ เหลือแค่ 5-6 พันบาทต่อเกวียน ซึ่งที่ผ่านมากลุ่มเกษตรกรชาวนา 3 อำเภอ ได้ยื่นหนังสือผ่านไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตรเพื่อขอความช่วยเหลือ แต่จนถึงขณะนี้ยังไร้วี่แววว่าข้อเรียกร้องที่ส่งไปมีความคืบหน้าอย่างไร

โดยในเวทีรับฟังปัญหาของปลัดพาณิชย์ มานะ วุฒิยากร ประธานเครือข่ายเกษตรกรชาวนาข้าวนาปี กลุ่มอำเภอบางมูลนาก ได้เสนอขอให้รัฐบาลช่วยเหลือเกษตรกรชาวนา โดยรับซื้อข้าวหอมมะลินาปีตันละ 10,000 บาท เนื่องจากค่าใช้จ่ายของเกษตรกรชาวนาที่ปลูกข้าวนั้นมีต้นทุนที่สูงมาก แต่มาถูกโรงสีข้าวกดราคาเหลือเพียงตันละ 5-6 พันบาท หากไม่อยากเห็นพี่น้องเกษตรกรชาวนาผูกคอตายเพราะราคาข้าวตกต่ำ ก็ฝากปลัดพาณิชย์รายงานให้กับ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ออกมาช่วยเหลือโดยด่วน

สิ่งที่น่าสนใจผ่านเสียงสะท้อนของแกนนำชาวนารายนี้ก็คือ ผลผลิตกำลังจะเก็บเกี่ยว แต่ราคาข้าวกลับตกต่ำ เพราะกลไกทางการตลาดจากกลุ่มพ่อค้าคนกลาง กลุ่มโรงสีข้าว เมื่อเป็นเช่นนี้จำเป็นที่ชาวนาจะต้องยื่นคำขาด หากภายในวันนี้ไม่รู้ผล ทางกลุ่มเกษตรกรชาวนา 3 อำเภอจะปิดถนนสายบางมูลนาก-ตะพานหินทันที เพราะกลุ่มเกษตรกรชาวนาผู้ปลูกข้าวนาปีหมดหนทางแล้ว

ได้ฟังเช่นนั้น ทำเอาผู้ว่าฯ พิจิตรนั่งไม่ติดขึ้นมาทันที รีบประกาศกร้าวว่า จะมาปิดถนนแบบนี้ไม่ได้ ถึงแม้ว่าทางกลุ่มเกษตรกรจะเรียกร้องให้ราคาข้าวตันละ 1 หมื่นบาทก็ตาม หากรัฐบาลไม่สามารถช่วยเหลือได้ ปิดถนนไปก็ไม่มีประโยชน์ ทางที่ดี น่าจะพบกันคนละครึ่งทางในเรื่องการช่วยเหลือเรื่องราคาข้าว จาก 5-6 พันบาทต่อตัน เป็น 8 พันบาทต่อตันก็ได้

ไม่รู้ว่าตัวเลขที่พ่อเมืองพิจิตรนำมายื่นหมูยื่นแมวต่อชาวนานั้นมาได้อย่างไร เหมือนเคาะกันไว้ล่วงหน้าแล้วหรือเปล่า ทางที่ดีต้องช่วยอธิบายต่อว่า ถ้าจะทำให้ราคาข้าวเป็นไปอย่างที่ตัวแทนภาครัฐว่าจริง ทำไมมันจึงขยับขึ้นได้ทันทีถึงตันละเกือบ 3 พันบาท ทั้งๆ ที่ปลัดพาณิชย์ก็แจกแจงในที่ประชุมถึงต้นเหตุของราคาข้าวตกต่ำสารพัด แล้วทำไมถึงงัดตัวเลขเช่นนี้ออกมาเสนอได้

เช่นนี้จะเป็นเรื่องของการแทรกแซงราคาทำลายกลไกตลาดเหมือนอย่างที่กล่าวหา ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผ่านโครงการจำนำข้าวหรือไม่ ไม่เพียงเท่านั้นข้อเสนอของ วรงค์ เดชกิจวิกรม เมื่อไม่กี่วันก่อนที่ให้บิ๊กตู่ใช้เม็ดเงินอัดฉีดช่วยเหลือชาวนาเป็นการเบื้องต้น เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน อ้าว! สรุปแล้วไอ้ที่ค้านจำนำข้าวด้วยข้อกล่าวหาสารพัดก่อนหน้านั้นมันคืออะไร

ยิ่งข้อเสนอของวรงค์ที่บอกว่าให้มีช่องทางจ่ายเงินถึงมือชาวนาโดยตรง แล้วโครงการจำนำข้าวมันจ่ายไม่ถึงมือชาวนาตรงไหน ด้วยเหตุนี้จึงไม่แปลกใจที่ วรชัย เหมะ อดีตส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย จะออกมาตอกกลับ ใครกันและพรรคการเมืองไหนที่ทำให้ชาวนาลำบากอยู่ถึงทุกวันนี้ ถ้าจำกันได้ จำนำข้าวกว่าที่ชาวนาจะได้รับเงินซึ่งโอนเข้าบัญชีโดยตรงก็ถูกคนของบางพรรคการเมืองไปก่อม็อบปิดล้อมไม่ให้ธนาคารทั้งธ.ก.ส.และแบงก์พาณิชย์อื่นจ่ายเงินและปล่อยกู้ให้กับรัฐบาลยิ่งลักษณ์ นี่คือความสามานย์ของพวกที่กล่าวหาทุนสามานย์

ความเป็นจริงเรื่องจำนำข้าวหากไม่เป็นเพราะมีการใช้ประเด็นนี้เป็นต้นเหตุในการที่จะเล่นงานรัฐบาลยิ่งลักษณ์ เพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับผู้ทำการรัฐประหาร มองอย่างให้ความเป็นธรรม จะเห็นได้ว่าประโยชน์นั้นเกิดขึ้นกับชาวนาจริงหรือไม่ และความเป็นจริงเรื่องการแทรกแซงราคาพืชผลทางการเกษตรนั้น ยังคงมีความจำเป็นเพียงแต่ว่าจะทำอย่างไรให้เกิดความรอบคอบและปราศจากการโกงเท่านั้น

จะเห็นได้อย่างชัดเจนผ่านการเรียกค่าเสียหายจากยิ่งลักษณ์จำนวน 35,000 ล้านบาทที่ระบุว่า ไม่ได้ทุจริตแต่ละเลย และยิ่งมีกระบวนการที่สะท้อนให้เห็นว่ามีความเร่งรีบมันจึงเป็นสิ่งบ่งชี้ถึงความไม่ชอบมาพากลและความไม่เนียนต่อการดำเนินการดังกล่าวของผู้กุมอำนาจ แม้กระทั่ง บรรยง พงษ์พานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน), กรรมการคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจหรือซูเปอร์บอร์ด และกรรมการคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติยังแสดงความไม่เห็นด้วย แม้เจ้าตัวจะค้านโครงการจำนำข้าวก็ตาม

โดยในมุมของบรรยงเห็นว่า กระบวนการที่รวบรัดเอาผิดปมจำนำข้าว ก่อผลกระทบทั้งความยุติธรรมและอนาคตประเทศ เพราะวันข้างหน้าจะมีใครกล้าทำอะไรกัน ทุกคนย่อมรู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดีกันไปหมด ประเทศจะเดินได้อย่างไร สิ่งที่ต้องขีดเส้นใต้สำหรับความเห็นของบรรยงก็คือ ไม่ได้บอกว่า อย่าดำเนินคดี อย่าสอบสวนเอาผิดกับคนที่ทำให้เสียหาย เพียงแต่ขอให้แยกแยะให้ดีและใช้กระบวนการที่ยุติธรรมจริงๆ เท่านั้น นี่แหละคือคำถามตัวโตที่เกิดขึ้นต่อกระบวนการที่เป็นอยู่ในเวลานี้

Back to top button