BJC กับลูกกตัญญูแฉทุกวัน ทันเกมหุ้น
ตัวเลขกำไรสุทธิที่เติบโตโดดเด่นในไตรมาสสามของปีนี้ เทียบกับระยะเดียวกันปีก่อนของบริษัทเบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BJC ไม่ได้มาจากตัวเองล้วนๆ แต่มาจากคุณูปการของบริษัทลูกที่ซื้อเข้ามาในร่มธงเมื่อปีก่อนอย่างชัดเจน คือ บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BIGC
ตัวเลขกำไรสุทธิที่เติบโตโดดเด่นในไตรมาสสามของปีนี้ เทียบกับระยะเดียวกันปีก่อนของบริษัทเบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BJC ไม่ได้มาจากตัวเองล้วนๆ แต่มาจากคุณูปการของบริษัทลูกที่ซื้อเข้ามาในร่มธงเมื่อปีก่อนอย่างชัดเจน คือ บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BIGC
ตัวเลขเชิงเทคนิคของผู้บริหาร BJC จะพูดอย่างไร ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ
ผลประกอบการของ BJC ที่แถลงออกมาโดยนายธีรศักดิ์ นาทีกาญจนลาภ กรรมการบริษัท ระบุว่า ในไตรมาส 3 มีกำไรสุทธิ 1,800 ล้านบาท เติบโต 975 ล้านบาท หรือ 118.20% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักเกิดจากกำไรอัตราแลกเปลี่ยนที่เกิดขึ้นจริง 1,354 ล้านบาท หรือสุทธิจากภาษี คิดเป็นจำนวน 1,083 ล้านบาท และยังเพิ่มขึ้นจากกลุ่มสินค้าและบริการทางบรรจุภัณฑ์ รวมถึงกลุ่มสินค้าและบริการทางเวชภัณฑ์และเทคนิค ส่งผลให้กำไรสุทธิเพิ่มสูงขึ้น เป็นแค่…เทคนิคทางบัญชี ไม่ใช่ภาพที่แท้จริงของความเคลื่อนไหวทางธุรกิจ
เช่นเดียวกัน รายได้รวมในไตรมาส 3 ก็อยู่ที่ 38,135 ล้านบาท เติบโตมากถึง 241.10% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเติบโตจากกลุ่มสินค้า และบริการทางการค้าปลีกสมัยใหม่ ซึ่งมียอดขายและรายได้ค่าบริการ อยู่ที่ 33,481 ล้านบาท เติบโต 23,093 ล้านบาท หรือเติบโต 222.30% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และรายได้อื่นๆ อยู่ที่ 3,296 ล้านบาท เติบโต 2,603 ล้านบาท หรือเติบโต 375.60% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งจะมาจากค่าเช่าและบริการเป็นหลัก
นักวิเคราะห์หุ้น ของบริษัทหลักทรัพย์ต่างหาก ช่วยฉายภาพได้ดีกว่ากันเยอะ
นักวิเคราะห์ระบุชัดเจนว่า แนวโน้มผลประกอบการที่โดดเด่นของ BJC ทั้งกำไรปกติและกำไรพิเศษที่เพิ่มสู่ระดับกำไรสูงสุดของปี เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซั่นของทั้ง BJC และ BIGC
โดยเฉพาะไตรมาส 4 เป็นไตรมาสที่ BIGC จะมีกำไรโดดเด่นกว่าไตรมาสอื่นตามฤดูกาลจับจ่ายสิ้นปี นอกเหนือจากการที่ BJC ได้ประโยชน์เต็มไตรมาส จากภาระหนี้สินและอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง
กำไรที่โดดเด่นในไตรมาส 3 ของ BJC ยังไม่ถือว่าดีที่สุด เพราะนักวิเคราะห์พากันประเมินว่า กำไรปกติในไตรมาส 4 จะพุ่งสู่จุดสูงสุดของปีนี้ และคาดกำไรปกติปี 2560 จะเติบโตอย่างมีนัยสำคัญเป็น 6,589 ล้านบาท หรือเติบโต 86% จากการรวมธุรกิจของ BIGC เป็นเวลาเต็มปี ดอกเบี้ยจ่ายลดลง และได้ Synergy จากการรวมธุรกิจ
สมประสงค์แล้วว่า การเข้าเทกโอเวอร์ BIGC จากกลุ่มคาสิโนของฝรั่งเศสเมื่อปีก่อน ด้วยเงินมากกว่า 2.39 แสนล้านบาทของ BJC ที่ทำให้มีการก่อหนี้และตามมาด้วยการเพิ่มทุนมหาศาล สามารถผลิดอกออกผลด้วยตัวเลขการเติบโตของรายได้และกำไรของ BJC ที่โดดเด่น
เมื่อปีที่แล้ว BJC ตัดสินใจเข้าฮุบ BIGC ผ่านการก่อหนี้เงินกู้ 239,000 ล้านบาท โดยมาจากการกู้เงิน 158,415 ล้านบาท เพื่อเข้าซื้อหุ้น BIGC จากกลุ่ม Géant International B.V. รวม 483.077 ล้านหุ้น หรือ 58.55% และทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ (เทนเดอร์ออฟเฟอร์) จากผู้ถือหุ้นเดิม 81,313 ล้านบาท สัดส่วน 39.39% ทำให้มีสัดส่วนการถือหุ้น BIGC ปัจจุบันอยู่ที่ 97.94%โดยไม่ได้ถอนตัวออกจากตลาด
ผลพวงจากการก่อหนี้ ทำให้ BJC ต้องเพิ่มทุนมหาศาลตามไปด้วยถึง 8.4 หมื่นล้านบาท กลายเป็นบริษัทที่มีสินทรัพย์มากกว่า 2.77 แสนล้านบาทในปัจจุบัน
ในครั้งนั้น ผู้บริหารของ BJC ประกาศว่า การเข้าซื้อกิจการดังกล่าว จะทำให้ปี 2559 นี้ BJC คาดว่าจะเติบโตมีรายได้เพิ่มขึ้นประมาณ 300% เพราะมี BIGC เป็นแขนขารุกค้าปลีกทั้งในและต่างประเทศ
อย่างนี้ถือว่า ซื้อแพงก็จริง แต่ก็คุ้มเกินกว่าคำว่าแพง….เพราะผลลัพธ์ออกมาดีเกินคาด และดีกว่าต้นทุนที่การเข้าทำวิศวกรรมการเงิน M&A เป็นการฉีกตัวเติบโตทางลัด…ที่มีแต่คนกล้าเท่านั้นจะทำได้
คำประกาศเมื่อปีก่อน เป็นจริงในวันนี้แล้ว แม้จะพลาดเป้าหมายไป (เพราะยังไม่ครบเต็มปี) ก็ไม่ใช่ประเด็น…อย่างน้อยที่สุด คนที่ถือหุ้น BJC อยู่ในทุกวันนี้…ไม่ว่าเพราะเชื่อมั่นชื่อ“เสี่ยเจริญ”..หรือเพราะเชื่อมั่นในแผนธุรกจิของ BJC …ก็เบาใจและโล่งอกว่า ถือหุ้นไม่ผิดตัว
ผลพวงที่ตามมาหลังจากงบสวยล่าสุด คือ มีข่าวดีพ่วงมาด้วยเป็นหางว่าว เพราะเริ่มมีนักวิเคราะห์บางสำนัก ออกมา “เชียร์แขก” เพิ่มเติมว่า โอกาสที่ BJC จะถูกเพิ่มเข้าสู่การคำนวณดัชนี MSCI Thailand วันที่ 15 พฤศจิกายนที่จะถึงข้างหน้านี้เป็นไปได้สูงยิ่ง
เหตุผลก็เพราะว่า ค่า P/BV แค่ 1.7 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่ม ดีกว่าบริษัทในหุ้นกลุ่มเดียวกันอย่าง CPALL, HMPRO และ GLOBAL
แถมยังให้เป้าหมายราคาใหม่ล่าสุดที่ 55.00 บาทกันเลยทีเดียว…ไม่รู้น้อยไปรึป่าว
ยามนี้ ราคาหุ้น BJC ล่าสุด ปาเข้าไปตั้ง 52.75 บาทแล้ว
เหลือทางเลือกเดียวคือ ไล่ซื้อ จนราคาทะลุเพดานไปเลย
“อิ อิ อิ”