ปล่อยผี? โมนิก้าและทีมงาน
*ดูเหมือนผู้คนในแวดวงตลาดหุ้นจะให้ความสนใจกับท่าทีของ กกพ. กันอย่างเนื่องนอง บรรดามิตรรักแฟนเพลงถึงกริ๊งกร๊างเข้ามาส่งข้อมูลกันเยอะแยะไปหมด “โมนิก้า” จึงขออภัยอย่างสูงหากไม่ได้นำข้อมูลดังกล่าวมาเม้าท์มอยด์เหมือนเช่นวันก่อนๆ เพราะอยากเอาเวลาที่มีอยู่ทั้งหมดไปพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องบรรยากาศการลงทุนในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อนะจะบอกให้
*ดูเหมือนผู้คนในแวดวงตลาดหุ้นจะให้ความสนใจกับท่าทีของ กกพ. กันอย่างเนื่องนอง บรรดามิตรรักแฟนเพลงถึงกริ๊งกร๊างเข้ามาส่งข้อมูลกันเยอะแยะไปหมด “โมนิก้า” จึงขออภัยอย่างสูงหากไม่ได้นำข้อมูลดังกล่าวมาเม้าท์มอยด์เหมือนเช่นวันก่อนๆ เพราะอยากเอาเวลาที่มีอยู่ทั้งหมดไปพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องบรรยากาศการลงทุนในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อนะจะบอกให้
*เนื่องจากการทะยานขึ้นอย่างร้อนแรงของดัชนีก่อนหน้านี้บอกให้รู้ว่า ต้องระวังเนื้อระวังตัวมากเป็นพิเศษ เพราะเป็นแค่การดันราคาช่วงสั้นๆ ซึ่งไม่ช่วยให้รากฐานของดัชนีมีความมั่นคงสักเท่าไหร่ ผนวกกับนักลงทุนที่เป็นแกนหลักยังยึดติดกับรูปแบบเล่นตามข่าวรายวัน บรรยากาศการลงทุนถึงแกว่งตัวขึ้นๆ ลงๆ แบบไร้จุดหมายปลายทาง เพราะทุกคนมองไม่ออกเหมือนกันว่า จุดเหมาะสมอยู่ตรงไหนนะซี
*ฉะนั้น การที่ดัชนีเด้งขึ้นมาปิดที่ 1,504.52 จุด บวกไป 8.80 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.46 หมื่นล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นการเด้งรับแรงซื้อกองทุนที่หวนกลับเข้ามาอีกรอบธรรมดาๆ แต่ที่ไม่ธรรมดาเที่ยวนี้กลายเป็นราคาน้ำมันอ่อนตัวลงอีกรอบ ขณะที่ราคาถ่านหินทำ new high ในรอบ 4 ปี ส่วนค่าเงินบาทก็ยังทรงตัวอยู่แถว 35 บาท มันทำให้หุ้นวิ่งแรงได้ขนาดนี้เลยหรือ? “โมนิก้า” ถึงมองภาพการลงทุนในช่วงถัดไปไม่ออกไงล่ะค่ะ
*เหมือนกับการทะยานขึ้นของ IVL ตั้งแต่เช้าจรดเย็นนั้น “โมนิก้า” มองเป็นจังหวะที่นักเล่นต้องทำความเข้าใจนิดหนึ่งว่า ทุกครั้งที่นักลงทุนสถาบันหวนกลับเข้ามาเล่นทีไร พร้อมกับยกข้ออ้างเรื่องราคาน้ำมันขึ้นมาเป็นตัวชูโรง มักทำให้นักเล่นมีความหวังขึ้นมาทันทีว่า ยอดเก่า 35 บาท ไม่ไกลเกินเอื้อม หลังหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 32 บาท บวกไป 2.75 บาท หรือขึ้นไป 9.40% ด้วยมูลค่า 3.20 พันล้านบาท มันทำให้เชื่อเช่นนั้นจริงๆ นะคะ
*ในเมื่อกระแสเอื้อให้สุดๆ หุ้นโรงกลั่นที่จดๆ จ้องๆ มาระยะหนึ่งอย่าง TOP ก็ได้จังหวะฉวยโอกาสทะยานขึ้นมาปิดที่ 72.25 บาท บวกไป 2.25 บาท หรือขึ้นไป 3.20% ด้วยมูลค่า 1 พันล้านบาทอย่างรวดเร็ว และถ้าย้อนกลับไปดูการขยับตัวในรูปแบบ “ขึ้นเร็ว ลงเร็ว” ก็พบว่า หุ้นเคลื่อนตัวแตะยอด 73 บาทแล้วรูดลงทันที เกิดทั้งหมด 3 ครั้งในรอบ 2 เดือน…ส่วนจะเป็นแบบนั้นหรือเปล่า? วันนี้รู้ผลพะยะค่ะ
*แพทเทิร์นดังกล่าวคล้ายคลึงกับ CK จู่ๆ กระชากขึ้นมาปิดที่ 30.75 บาท บวกไป 1.25 บาท หรือขึ้นไป 4.25% ด้วยมูลค่า 1 พันล้านบาท ก็เป็นการวัดใจกองทุนจะดันหุ้นขึ้นไปทดสอบ high เดิมที่บริเวณ 34 บาทอีกรอบไหม? ซึ่งเป็นจังหวะที่นักเล่นมีโอกาสได้ทบทวนความไวของตัวเองไปในตัว ส่วนใครที่คิดไม่ทันเกมของพวกกองทุนตัวแสบ ถอยฉากก่อนก็ได้นะคะ
*ส่วนคนที่ต้องการเล่นหุ้นถ่านหินที่เซฟตัวเองได้ค่อนข้างดี “โมนิก้า” ยังคงให้ความสำคัญกับ EARTH เหมือนเช่นทุกครั้งที่ผ่านมา แถมช่วงนี้ได้รับอานิสงส์ราคาถ่านหินปรับตัวสูงขึ้นเป็นใบเบิกทาง เมื่อนำมารวมกับแผนกระจายความเสี่ยงของรายได้ในอนาคต เดี๊ยนถึงกล้าเอ่ยปากอีกครั้งว่า การขึ้นมาปิดที่ 4.78 บาท บวกไป 0.18 บาท หรือขึ้นไป 3.90% ด้วยมูลค่า 200 ล้านบาท มันน้อยเกินไป เพราะรอบที่แล้วเคยขึ้นไปถึง 5.30 บาทเจ้าค่ะ
*เมื่อสถานการณ์หลายอย่างเป็นใจ หุ้นไฟแรงในตลาด mai ก็กระชากขึ้นอย่างร้อนแรงตามไปด้วย โดยเที่ยวนี้ยังคงนำทัพด้วย TAPAC ซึ่งเป็นหุ้นดาวรุ่งพุ่งแรง กำไรโดดเด่น ล่าสุดวิ่งขึ้นมาปิดที่ 23.70 บาท บวกไป 1.10 บาท หรือขึ้นไป 4.90% ด้วยมูลค่า 195 ล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นผลพวงที่มาจากผลงานอันยอดเยี่ยมของการบริหารงาน และหากปีนี้ตัวเลขกำไรต่อหุ้นจบที่ 0.60 บาท เมื่อนำมาเทียบกับ P/E 40 เท่า ราคาเป้าหมายก็จะอยู่แถว 24 บาท จึงอย่าลืมเทขายหุ้นทำกำไรนะคะ
*เช่นเดียวกับในรายของ TSE ของมันเห็นกันเต็มตาว่า หุ้นแกว่งตัวไปมาที่บริเวณ 4.30-5.50 บาทเป็นเวลาเกือบ 3 เดือนเต็มๆ บวกกับผลงานน่าจะทำได้ดีตามเป้าหมายที่วางไว้ หุ้นถึงวิ่งขึ้นมาปิดที่ 5.05 บาท บวกไป 0.23 บาท หรือขึ้นไป 4.80% ด้วยมูลค่า 105 ล้านบาท น่าจะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับบรรดาแมงเม่าวัยละอ่อน น้องโมถึงอยากถามใจเหล่านักเล่นว่า กล้าตามน้ำไหมล่ะค่ะ
*ถ้าชอบตามน้ำแบบสุดลิ่มทิ่มประตู “โมนิก้า” ขอให้เหลือบดู CHO เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับนักเล่นที่ชอบหุ้นต่ำกว่า 5 บาท เพราะคอนเซ็ปต์ของการลงทุนเที่ยวนี้ยึดหลัก “ต่ำสุดคืนสู่สามัญ” ลองคิดดูง่ายๆ ก็คือ IPO อยู่ที่ 1.80 บาท วันนี้ราคาหุ้นอยู่ที่ 1.80 บาท บวกไป 0.14 บาท หรือขึ้นไป 8.40% ด้วยมูลค่า 54 ล้านบาท มันเป็นจังหวะของการเก็บของเข้าพอร์ตเพื่อลุ้นเทิร์นอะราวด์นะคะ
*ตัวอย่างที่เทียบเคียงได้ดีสุด “โมนิก้า” คงต้องโฟกัสไปที่หุ้น PSTC เป็นเวลานานถึง 1 ปี 8 เดือน ที่ราคาหุ้นจมปลักอยู่ในทิศทางขาลงมาโดยตลอด แต่ดูเหมือนว่า ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา กลับมีแรงซื้อเข้ามาลุ้นเรื่องโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรมเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้หุ้นไต่ระดับขึ้นจาก 0.50 บาทอย่างต่อเนื่อง จนล่าสุดขึ้นมาปิดที่ 0.76 บาท บวกไป 0.06 บาท หรือขึ้นไป 8.60% ด้วยมูลค่า 160 ล้านบาทแบบนี้…แรลลี่ยาวแน่ๆ พะยะค่ะ
*ตบท้ายวันนี้ขอพูดถึงแรงซื้อจากกองทุนที่มีกว่า 2.30 พันล้านบาท มันเหมือนเป็นการการปล่อยผีกองทุนให้อาละวาดอย่างเต็มที่ในระยะสั้นๆ ต่อจากนั้นก็คงหายเงียบเข้ากลีบเมฆอีกตามเคย แต่ในระหว่างนี้คงต้องปล่อยให้นักเล่นกลุ่มนี้โซโลเดี่ยวไปสักระยะหนึ่ง และเมื่อมีการทดสอบแรงซื้อแรงขายกันระดับหนึ่ง ดัชนีก็จะเลือกทางเดินที่เหมาะสมเองล่ะค่ะ