สายลมบูรพาพัดหวนพลวัต 2016

ข่าวดีจากจีน (ที่แทรกด้วยข่าวร้าย) ก็โผล่มาเป็นระลอกใหม่ ตอกย้ำระลอกก่อนหน้าที่เคยกล่าวไปหลายครั้งแล้วว่า ขาขึ้นครั้งใหม่ของเศรษฐกิจจีน กำลังจะกลายเป็นปรากฏการณ์ที่สอดรับกับ “ทฤษฎีฝูงห่านป่าบิน” ของ อัลวิน ทอฟเลอร์ เมื่อ 20 ปีก่อน


วิษณุ โชลิตกุล

 

ข่าวดีจากจีน (ที่แทรกด้วยข่าวร้าย) ก็โผล่มาเป็นระลอกใหม่ ตอกย้ำระลอกก่อนหน้าที่เคยกล่าวไปหลายครั้งแล้วว่า ขาขึ้นครั้งใหม่ของเศรษฐกิจจีน กำลังจะกลายเป็นปรากฏการณ์ที่สอดรับกับ “ทฤษฎีฝูงห่านป่าบิน” ของ อัลวิน ทอฟเลอร์ เมื่อ 20 ปีก่อน

เปิดตลาดหุ้นเอเชียเช้าวานนี้ นักวิเคราะห์ต่างคาดเดาว่า ดัชนีตลาดหุ้นจะต้องร่วงแรงเพราะราคาน้ำมันที่ร่วงลงหนักว่า 1 ดอลลาร์เมื่อคืนก่อนหน้า แต่ปรากฏว่าก่อนตลาดเปิด ตัวเลขเศรษฐกิจของจีนที่ดีเกินคาด ได้ส่งผลให้ดัชนีตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้บวกแรงนำตลาดหุ้นอื่นๆ และพากันบวกเกือบทั่วหน้า

ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติจีนรายงานว่าดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนตุลาคม อยู่ที่ระดับ 51.2 เพิ่มขึ้นจากเดือนก.ย.ที่ระดับ 50.4 บ่งชี้ว่า ภาคการผลิตมีการขยายตัวเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน

ขณะที่ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนตุลาคมเช่นกัน อยู่ที่ระดับ 54.0 เพิ่มขึ้นจากเดือนกันยายน.ที่ระดับ 53.7 ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 เช่นกัน

ดัชนีตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้วานนี้บวกไปถึง 21.95 จุด

ไม่เพียงเท่านั้น การตัดสินใจของธนาคารกลางญี่ปุ่นที่จะคงนโยบายการเงินต่อไป โดยมีรายละเอียดน่าสนใจคือ คงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ -0.1% แต่ได้ขยายระยะเวลาในการบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อไปเป็นช่วงปีงบประมาณ 2561 หรือหลังจากช่วงปีงบประมาณ 2561 จากช่วงเวลาเดิมที่กำหนดไว้ในปีงบประมาณ 2560 เป็นการยอมรับว่า BOJ ไม่สามารถบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อที่ระดับ 2% ในช่วงเวลาที่นายฮารุฮิโกะ คุโรดะ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการ BOJ ในช่วงเวลาที่เหลืออยู่

แม้ว่าจะไม่สามารถบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อได้ แต่ญี่ปุ่นก็มีข่าวดีแทรกเข้ามาเช่นกัน โดยกระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรมเปิดเผยผลการประเมินภาวะเศรษฐกิจของประเทศญี่ปุ่น โดยระบุว่า ผลการประเมินยังคงเดิมในไตรมาสที่ 3 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 2 กล่าวคือ เศรษฐกิจยังคงปรับตัวดีขึ้นในระดับปานกลาง แม้ว่าธุรกิจบางประเภทยังคงอ่อนแอ สะท้อนว่า สถานการณ์ด้านเศรษฐกิจในประเทศของญี่ปุ่นกำลังปรับตัวดีขึ้นอย่างช้าๆ แต่มั่นคง

สองสัปดาห์ก่อนหน้า จีนก็เพิ่งจะรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่ส่งสัญญาณบวกชัดเจนว่า เริ่มฟื้นตัวจริงจัง โดยเริ่มตั้งแต่ สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน ประกาศว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่สำคัญ ปรับตัวขึ้น 1.9% ในเดือนกันยายน เทียบรายปีซึ่งเพิ่มขึ้นจากระดับ 1.3% ในเดือนสิงหาคม  

ถัดมาในวันเดียวกันสำนักงานสถิติแห่งชาติจีน ก็ประกาศดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดต้นทุนสินค้าที่ประตูโรงงาน ขยับขึ้น 0.1% ในเดือนกันยายนเมื่อเทียบเป็นรายปี โดยปรับตัวขึ้นเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2555 และเมื่อเทียบเป็นรายเดือนแล้ว ดัชนี PPI เพิ่มขึ้น 0.5% เนื่องจากราคาปรับตัวขึ้นในหลายอุตสาหกรรม โดยผลสำรวจเผยให้เห็นว่าอุตสาหกรรม 25 แห่งมีราคาปรับตัวขึ้น ซึ่งเพิ่มขึ้น 8 อุตสาหกรรมจากการสำรวจเดือนก่อน นอกจากนี้ราคาผู้ผลิตที่ปรับตัวขึ้นยังเชื่อมโยงกับราคาที่สูงขึ้นในอุตสาหกรรมหลักบางแห่งเช่น โลหะเหล็ก และเหมืองถ่านหิน

ราคาถ่านหินที่เพิ่มขึ้น 4.1% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนก.ค. 2555 ส่วนอุตสาหกรรมโลหะเหล็กนั้น ราคาเพิ่มขึ้น 10.1% จากปีที่แล้วราคาผู้ผลิตที่ปรับตัวขึ้นนั้นมีสาเหตุมาจากการลดกำลังการผลิตและการระบายสินค้าคงคลังซึ่งช่วยลดภาวะอุปทานล้นตลาด

ไม่เพียงเท่านั้น เมื่อวานนี้เช่นกัน นางหัว ชุนหยิง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน เปิดเผยว่า จีนจะยังคงนโยบายในการเปิดรับและดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติ ตอบโต้กระแสข่าวที่ว่า การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ของบรรดาบริษัทต่างๆ ในยุโรปเผชิญกับสถานการณ์ที่ลำบากในการเข้าไปลงทุนในจีน ผลพวงของตลาดหุ้นจีนที่บวกแรง ส่งต่อไปยังตลาดหุ้นฮ่องกงและเอเชียอื่น รวมทั้งตลาดหุ้นไทยด้วย

ที่น่าสนใจคือ เหตุร้ายจากการระเบิดของเหมืองถ่านหินใต้ดินในจีน ทำให้การเข้มงวดเรื่องทำเหมือง ส่งผลให้ราคาถ่านหินในตลาดโลกพุ่งสูงขึ้น ดันราคาหุ้นถ่านหินทั่วโลกรวมทั้งในไทยบวกแรงตามไปด้วย และคงจะไม่มีลักษณะขึ้นแบบ สงครามวันเดียว” แน่นอน

สำหรับตลาดหุ้นไทย แรงซื้อหุ้นขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคที่ดีดตัวตอบรับตัวเลขเศรษฐกิจจีนออกมาสดใส และธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) คงอัตราดอกเบี้ยติดลบ ขณะที่ปัจจัยในประเทศ กระทรวงพาณิชย์แถลงตัวเลขอัตราเงินเฟ้อเป็นบวก 0.34% เชื่อว่าช่วยหนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจ ถือเป็นปัจจัยบวกทั้งสิ้น ต่อสู้กับการเทขายต่อเนื่องของต่างชาตินาน 2 สัปดาห์แล้วอย่างดี

ข่าวบวกเป็นระลอกของจีน และเอเชีย ในขณะที่มีปัจจัยถ่วงรั้งเศรษฐกิจโลกเพียงเรื่องเดียวคือ ราคาน้ำมัน ทำให้ความกังวลเกี่ยวกับตลาดหุ้นจะร่วงเป็นขาลงยาวนานแบบเมื่อต้นปีนี้เริ่มจางหายไปอย่างชัดเจนยิ่งขึ้น

การประกาศผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นทั่วเอเชียที่ดีต่อเนื่อง (แม้จะย่ำแย่ในบางบริษัท) ได้ตอกย้ำให้เห็นว่า จากนี้ไป ยุคของจุดตกต่ำสุดของตลาดหุ้นในเอเชีย นับวันจะเป็นอดีตที่ผ่านพ้นไปแล้ว ทำให้นักลงทุนเริ่มเรียนรู้ที่จะแยกแยะความสัมพันธ์ระหว่างตลาดหุ้นกับภาวะเศรษฐกิจโดยรวม และความผันผวนในตลาดโลก ในยามที่เงินทุนจากโลกตะวันตกไหลกลับมาตลาดเอเชียมากยิ่งขึ้น

Back to top button