พิชญ์ กับ เสือกระดาษแฉทุกวัน ทันเกมหุ้น
ปฏิบัติการ “คั้นมะนาวจนหยดสุดท้าย” ของนายพิชญ์ โพธารามิก เกิดขึ้นอีกครั้งหนึ่ง เมื่อ คณะกรรมการของบริษัท จัสมิน เทเลคอม ซิสเต็มส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JTS มีมติอนุมัติให้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลให้แก่ผู้ถือหุ้นสามัญของ JTS ในอัตราหุ้นละ 0.10 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้นจำนวน 70,654,730 บาท
ปฏิบัติการ “คั้นมะนาวจนหยดสุดท้าย” ของนายพิชญ์ โพธารามิก เกิดขึ้นอีกครั้งหนึ่ง เมื่อ คณะกรรมการของบริษัท จัสมิน เทเลคอม ซิสเต็มส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JTS มีมติอนุมัติให้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลให้แก่ผู้ถือหุ้นสามัญของ JTS ในอัตราหุ้นละ 0.10 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้นจำนวน 70,654,730 บาท
JTS ในฐานะบริษัทลูกของ JAS ซึ่งประกาศผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3 ออกมาพลิกกำไรสุทธิ 21 ล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีขาดทุนสุทธิ 4 ล้านบาท ประกาศจ่ายปันผลจากกำไรสะสมทันทีอีก 0.10 บาทต่อหุ้น
คณะกรรมการ JTS กำหนดให้ผู้ถือหุ้นที่มีรายชื่อในวันที่ 11 พ.ย.59 ซึ่งเป็นวันหลังจากปิดการรับซื้อแล้ว เป็นผู้มีสิทธิได้รับเงินปันผลดังกล่าว
การจ่ายปันผลของ JTS มีความไม่ปกติอย่างยิ่งเพราะ
-เป็นการจ่ายเงินปันผลจากงบยการเงินเฉพาะบริษัทของ JTS ที่มีกำไรสะสมอยู่ไม่มากเพียงแค่ 115.41 ล้านบาทเท่านั้นเอง แต่หากพิจารณาจากงบการเงินรวมของ JTS จะมีตัวเลขขาดทุนสะสมอยู่ 169.22 ล้านบาท เท่ากับหลังจากปันผลแล้ว ในงบการเงินรวมของ JTS จะขาดทุนสะสมประมาณ 240 ล้านบาท
-ป็นการประกาศจ่ายในระหว่างที่นายพิชญ์ โพธารามิก ผู้ถือหุ้นรายใหญ่สุดของบริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ JAS ซึ่งเป็นบริษัทแม่กำลังทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ JTS และจะสิ้นสุดการรับซื้อในวันที่ 10 พ.ย.59
-การกลับมาจ่ายปันผลครั้งแรกในรอบ 3 ปีเศษของ JTS ซึ่งทำให้เกิดมุมมองว่า JAS เองหลังจากประกาศผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3/59 ออกมาภายในเร็วๆ นี้แล้ว
ความผิดปกติดังกล่าว ทำให้ ก.ล.ต. สั่งการให้คณะกรรมการ JTS ชี้แจงผ่านระบบสารสนเทศของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เกี่ยวกับที่มาและเหตุผลของการจ่ายเงินปันผลดังกล่าว และความเห็นของคณะกรรมการในการปฏิบัติหน้าที่ เพื่อประโยชน์สูงสุดต่อผู้ถือหุ้น รวมทั้งผลกระทบด้านกฎหมาย หรือด้านอื่นๆ ที่อาจเกิดขึ้นต่อบริษัท และผู้ถือหุ้นของบริษัท
พร้อมกันนั้น ก.ล.ต. ยังขอให้ผู้ลงทุนถือหุ้นศึกษาข้อมูลและติดตามข่าวสารที่เกี่ยวข้องโดยละเอียดเพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุน
คำสั่งและคำร้องของ ก.ล.ต. ทำให้นักลงทุนหลายราย พากันเรียกว่าเป็นการ “สั่งขี้มูก”
เหตุผลเพราะว่าคำสั่งของ ก.ล.ต.นั้น ไม่มีทางระคายเคืองต่อการกระทำของผู้ช่ำชองในเกมวิศวกรรมการเงินกับหุ้นในกำกับดูแลของตนเองอย่างเสี่ย พิชย์ โพธารามิกแน่นอน
ปั๊ดโธ่….ยิ่งกว่านี้ยังทำมาแล้ว
ไม่งั้น… ราคาหุ้นที่ระดับ 3 บาทเมื่อต้นปีนี้ จะวิ่งมาเหนือ 8 บาทในยามนี้ได้อย่างไร
ให้รู้เสียงมั่งว่า ไผเป็นไผ
โดยข้อเท็จจริง การจ่ายเงินปันผลของ JTS ไม่มีความจำเป็นอะไรเลย เพราะเป็นมูลค่าเพียงน้อยนิด น้อยกว่าค่าปรับที่ต้องจ่าย มากกว่า 600 ล้านบาทตอนที่ทิ้งประมูลคลื่น 4G ในย่านความถี่ 900 MHz ด้วยซ้ำ และไม่มีนัยสำคัญต่อการเพิ่มพูนกำไรต่อหุ้นให้กับ JAS อะไรมากนัก…เพียงแต่มันมีผลในทางจิตวิทยา
การจ่ายปันผลของ JTS เท่ากับ บอกว่าราคาหุ้น JAS ยังต่ำไป เพราะอาจจะมีจ่ายปันผลมากขึ้นกว่าปกติ
มิน่า…ราคาหุ้น JAS จึงกลายเป็น “ดาวค้างฟ้า” โดยปริยาย
งานนี้ ก็เลยมีคำถามว่า “เสือกระดาษ” อย่างก.ล.ต. ที่อ่อนโลก (เพราะอยูในโลกส่วนตัวมากเกิน) มีหรือจะจับได้ไล่ทัน “ม้าแก่ชำนาญทาง” อย่างเสี่ยพิชญ์ ที่ถนัดนักกับการเล่นบท “ผู้ร้ายที่เป็นตัวเอก” สไตล์ฮอลลีวูดมาโดยตลอด
“อิ อิ อิ”
อีกไม่นานก็รู้ ใครหมู่ ใครจ่า