สังคมข่าวหุ้นนิวส์เวฟ
ตลาดหุ้นไทยล่าสุดปิดการซื้อขายที่ระดับ 1,498.65 จุด ปรับลดลง 5.87 จุด พ่วงด้วยมูลค่าการซื้อขายรวม 4.9 หมื่นล้านบาท
ตลาดหุ้นไทยล่าสุดปิดการซื้อขายที่ระดับ 1,498.65 จุด ปรับลดลง 5.87 จุด พ่วงด้วยมูลค่าการซื้อขายรวม 4.9 หมื่นล้านบาท
* ฝั่งขาเข้าซื้อสุทธิทางรายย่อยตะลุยเข้าเก็บสูงสุด 1,444 ล้านบาท ตามด้วยบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ 417 ล้านบาท ส่วนขาเทขายสุทธิพี่สถาบันสาดออก 1,014 ล้านบาท และต่างชาติขายไป 846 ล้านบาท
* เอาล่ะไม่ต้องรอช้าเริ่มกันด้วยกลุ่มหุ้นร้อนอิงกระแสอุตสาหกรรมพลังงาน
* โดยให้น้ำหนักและต้องจับตา DEMCO-ILINK-GUNKUL กันอย่างเป็นพิเศษ
* เนื่องจากล่าสุด กฟภ. มีแผนพัฒนาระบบส่งและจำหน่ายไฟฟ้าตลอด 6 ปี วงเงินรวมกว่า 6 หมื่นล้านบาททีเดียว
* แน่นอนงานสไตล์นี้ต้องมีการก่อสร้างสถานีไฟฟ้า ซึ่ง DEMCO-ILINK-GUNKUL ถือเป็นขาประจำที่มีศักยภาพเข้ารับงานได้เป็นอย่างดี * เมื่อเป็นเค้กก้อนใหญ่อย่างมาก จึงน่าจะกระจายงานออกไปได้หลายเจ้า แต่สุดท้ายใครจะได้มากหรือน้อยคงต้องตามดูกันต่อไป
* ส่วนอีก 3 หุ้นที่ร่วมได้รับอานิสงส์บวกไปกับโครงการ กฟภ. ด้วยเช่นกัน คือ CTW-UWC-ASEFA
* ซึ่งทั้ง 3 รายล้วนดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเรื่องไฟฟ้าอยู่แล้วนั่นเอง
* ดังนั้น ในเชิงราคาระยะสั้นทั้ง 6 หุ้นที่บอกกล่าวกันมา น่าจะตอบรับต่อประเด็น กฟภ.ไม่น้อยแน่นอน
* ย้ายข้ามฝั่งมาที่ WHA ถือเป็นอีกหนึ่งบริษัทที่มีสตอรี่ข่าวดี๊ดีกันแบบนอนสต็อป
* อย่างแนวโน้มผลการดำเนินงานครึ่งปีหลังแข็งแกร่งหลายคนคงรับรู้กันดีอยู่แล้ว
* ส่วนกรณีคว้าโครงการลงทุนไฟฟ้าพลังงานขยะอุตสาหกรรมเข้ามาเสริม
* หากมองผิวเผินถือเป็นโครงการที่มีจำนวนเมกะวัตต์ไม่สูงมากนักเมื่อเทียบไซส์บริษัทที่มาร์เก็ตแคปปัจจุบันมากเกือบ 4.7 หมื่นล้านบาท
* แต่ถ้ามองลึกลงไปจะเห็นว่า นี่เป็นการส่งสัญญาณชัดเจน ถ้าหากมีโครงการพลังงานทดแทนไหนน่าสนใจ ทาง WHA เองพร้อมเข้าลงทุนและมีโอกาสคว้าโครงการได้เหมือนกัน
* แถมล่าสุดยังมีปัจจัยบวกชิ้นสำคัญในช่วงไตรมาส 4 ซึ่งกางแผนขายสินทรัพย์เข้ากองรีทส์อีก
* โดยเม็ดเงินที่ได้มาจะนำไปใช้หนี้ที่บริษัทประกาศเข้าซื้อ HEMRAJ ในช่วงที่ผ่านมา และมีโอกาสที่จะกดค่า D/E เหลือเพียงแค่ 1.3 เท่า
* จึงถือเป็นการกด D/E ของบริษัทให้ลดลงได้อย่างรวดเร็วมากกว่าที่หลายคนมองไว้ และยังมีแนวโน้มปรับลงต่อเนื่องในอนาคต
* ช่วงนี้ใกล้เข้าสู่โค้งสุดท้ายของการประกาศงบไตรมาส 3 เต็มที สำหรับเดดไลน์กำหนดไว้ภายในช่วงกลางเดือนพ.ย.นี้
* ดังนั้น อย่าลืมมองหุ้นหลายตัวที่แนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 3 โดดเด่น เพราะควรต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษ
* เนื่องจากจะตกเป็นเป้าหมายของการโยกย้ายเม็ดเงินเข้ามาลงทุนขานรับอย่างแน่นอน
* โดยหนึ่งในนั้นมีหุ้น CKP ที่ล่าสุดราคาหุ้นถอยลงมาอยู่แถวระดับ 3.44 บาท
* ซึ่งเทรนด์ผลการดำเนินงานจะโดดเด่นทั้งงวดไตรมาส 3 ไปยาวจนถึงไตรมาส 4 ทีเดียว
* ส่วนอีกหุ้น TPCH นี่ก็น่าสนใจนะ เพราะนอกจากงบไตรมาส 3 กำไรมีโอกาสเติบโตขึ้นสูงจากบันทึกรายได้ COD โรงไฟฟ้าเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
* แต่ภายในอีกไม่นาน ภาครัฐยังเดินหน้าเปิดให้ชิงโครงการลงทุนโรงไฟฟ้าขยะชุมชน แล้วไปต่อกันด้วยชีวมวลเพิ่มอีก
* ซึ่งทั้ง 2 โครงการ TPCH มีศักยภาพและมีโอกาสได้เข้าลงทุนสูงพอตัวเลยแหละ ล่าสุดปิดบวกที่ 18.60 บาท ยังมีอัพไซด์เหลือบาน เมื่อเทียบราคาเป้าหมายที่โบรกฯ เคาะไว้ 24 บาท
* หุ้น SIRI เงียบหายกันไปนาน คราวนี้กลับมาพร้อมกับข่าวดีไม่เบา
* ล่าสุดเตรียมเปิดตัวโครงการ เดอะ ไลน์ สุขุมวิท 101 และเดอะ ไลน์ พหลฯ-ประดิพัทธ์ มูลค่ารวมสูง 10,000 ล้านบาท
* เชื่อได้เลยว่า มีโอกาสที่ 2 โครงการนี้ได้จะรับความสนใจเป็นอย่างดี สะท้อนได้จากผลงานในอดีตของโครงการเดอะ ไลน์ ที่เคยเปิดตัวล้วนประสบความสำเร็จท่วมท้นทั้งสิ้น
* ส่งท้ายด้วยหุ้นร้อนรายล่าสุด ที่ถูกตลาดหลักทรัพย์สั่งติดเกณฑ์ Cash Balance
* ตกเป็นของ UMS โดนระดับ 1 เกณฑ์ Cash Balance เริ่มมีผลตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปจนถึง 23 พ.ย.นี้ จึงขอแจ้งย้ำให้รับทราบกันไว้ด้วย