ฝืนไปเพื่ออะไร?โมนิก้าและทีมงาน

*เป็นเวลาร่วมสัปดาห์แล้วกระมังที่ “โมนิก้า” รู้สึกถึงกลไกของตลาดหุ้นไทยบิดๆ เบี้ยวๆ ไม่เป็นไปตามสูตรการลงทุนที่ควรจะเป็น จึงมักลงเอยด้วยการโดนกระหน่ำเทขายหุ้นอย่างหนักหน่วง จนดัชนีร่วงหล่นหลุดแนวรับสำคัญทางจิตวิทยาครั้งแล้วครั้งเล่า ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่นักลงทุนต้องยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้นให้ได้ เพื่อกำหนดรูปแบบการเล่นหุ้นให้กระชับขึ้นกว่าเดิมไงล่ะค่ะ


*เป็นเวลาร่วมสัปดาห์แล้วกระมังที่ “โมนิก้า” รู้สึกถึงกลไกของตลาดหุ้นไทยบิดๆ เบี้ยวๆ ไม่เป็นไปตามสูตรการลงทุนที่ควรจะเป็น จึงมักลงเอยด้วยการโดนกระหน่ำเทขายหุ้นอย่างหนักหน่วง จนดัชนีร่วงหล่นหลุดแนวรับสำคัญทางจิตวิทยาครั้งแล้วครั้งเล่า ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่นักลงทุนต้องยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้นให้ได้ เพื่อกำหนดรูปแบบการเล่นหุ้นให้กระชับขึ้นกว่าเดิมไงล่ะค่ะ

*เหมือนกับปัจจัยแวดล้อมในการลงทุนที่มีแต่เรื่องชวนปวดหัว ไม่ว่าจะเป็นราคาน้ำมันดิบอ่อนตัวลงอีกรอบ ตัวเลขเศรษฐกิจโลกยังคงชะลอตัว ดอลลาร์เริ่มอ่อนค่าลงอีกครั้ง หรือแม้กระทั่งผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งตามติดมาด้วยค่า P/E ของตลาดที่ระดับ 22 เท่า เลยไปถึงฝรั่งตาน้ำข้าวยังคงเทขายหุ้น แต่ดัชนียังพยายามดันตัวเองขึ้นไปยืนเหนือระดับ 1,500 จุด…ทำเพื่ออะไรมิทราบพะยะค่ะ

*เนื่องจากยุทธวิธีในการลงทุนเที่ยวนี้ต้องกลับมา set zero กันใหม่อีกครั้ง พร้อมกันนี้ต้องเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยว่า โพสิชั่นของการลงทุนเที่ยวนี้เป็นเรื่องเกมหุ้นที่ว่าด้วยเรื่องสายป่านใครยาวกว่ากันรวมถึงแท็คติกลากๆ ทุบๆ ก็ต้องอาศัยเม็ดเงินเป็นองค์ประกอบสำคัญ “โมนิก้า” ถึงรู้สึกแฮปปี้ทุกครั้งที่เห็นบรรดาแมงเม่าเป็นฝ่ายออกของได้ในราคาสูงนะจ๊ะ

*งานนี้บอกได้เลยในทันทีว่า ไม่ต้องมองหุ้นขนาดใหญ่ชั่วคราว และน่าจะเริ่มชายตามองหุ้นขนาดกลาง ถ้าจะให้ดียิ่งขึ้นไปอีกก็ต้องเทใจให้หุ้นขนาดเล็กหมดหน้าตัก พร้อมกันนี้อย่าลืมเทขายเมื่อหุ้นยกตัวเกิน 5% เพราะข้อมูลมันฟ้องว่า ผู้เล่นหลักๆ สลับตัวหุ้นเล่นกันอย่างเมามัน และเหลือหุ้นเพียงไม่กี่ตัวที่พยายามดันแล้วดันอีก จึงต้องดักทางให้ดีนะจะบอกให้

*เหมือนกับในรายของ “จับเสือใส่ถังพลังสูง” ESSO ทะยานขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนสุดท้ายขึ้นมาปิดที่ 10.10 บาท บวกไป 0.30 บาท หรือขึ้นไป 3% ด้วยมูลค่า 1.47 พันล้านบาท มันเป็นเรื่องที่ไม่มีใครรู้ว่า การวิ่งขึ้นเที่ยวนี้เกิดจากอะไรกันแน่? แต่ที่แน่ยิ่งกว่าแช่แป้งในเที่ยวนี้คือ บรรดาแมงลือเม้าท์เป็นเสียงเดียวกันว่า มีสิทธิ์ขายกิจการทิ้งค่อนข้างสูง! จึงบวกพรีเมียมให้อีกนิดหน่อย ผสมกับกำไรในปีนี้ทำได้ค่อนข้างดี เลยเล่นกันระเบิดระเบ้อก็เท่านั้นเองค่ะ

*เช่นเดียวกับในรายของ TOP อาศัยกระแสดังกล่าวเป็นตัวกระตุ้นอารมณ์ หุ้นเลยถือโอกาสกระชากขึ้นมาปิดที่ 73 บาท บวกไป 0.75 บาท ด้วยมูลค่า 695 ล้านบาท ซึ่งเป็นการขึ้นมาปิดที่แนวต้านแบบพอดิบพอดีแบบนี้ “โมนิก้า” ถือเป็นจังหวะที่คาบเกี่ยวกับหลายเรื่องด้วยกัน จึงต้องหาทางหนีทีไล่ไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ เพราะมีหลายเรื่องที่ไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้นแบบลับๆ นะซี

*คล้ายคลึงกับกรณีของ BCP ทะยานขึ้นอย่างเป็นล่ำเป็นสันเป็นวันที่ 2 ก่อนจะลงเอยที่ระดับ 33 บาท บวกไป 1.75 บาท หรือขึ้นไป 5.60% ด้วยมูลค่า 630 ล้านบาท มันเป็นจังหวะที่ทำให้ขาลุยเกิดอาการฟินขึ้นมาในทันที พร้อมกับตั้งความหวังว่า หุ้นจะขึ้นไปทดสอบแนวต้าน 36 บาทอีกครั้งแบบนี้ มันเป็นอะไรที่น่าสนใจมากๆ เพราะสเต็ปของหุ้นค่อนข้างเอื้อเจ้าค่ะ

*ไหนๆ เม้าท์ถึงเรื่องวัดดวงขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” ขอกวาดสายตาไปที่ AAV อย่างรวดเร็ว หลังหุ้นทะยานขึ้นมาปิดที่ 7.30 บาท บวกไป 0.20 บาท หรือขึ้นไป 2.80% ด้วยมูลค่า 380 ล้านบาท ซึ่งเป็นการวิ่งขึ้นมาใกล้กับแนวต้าน 7.75 บาท เดี๊ยนถือเป็นอะไรที่ต้องกำหนดจังหวะเดินให้ดีๆ เพราะหุ้นเหลือแก๊ปให้วิ่งอีกไม่มาก หากคิดจะทำอะไร ก็ต้องรีบทำตั้งแต่เนิ่นๆ นะคะ

*เช่นเดียวกับในรายของ VTE จู่ๆ กระชากขึ้นมาปิดที่ 3.32 บาท บวกไป 0.42 บาท หรือขึ้นไป 14.50% ด้วยมูลค่า 470 ล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นมุขบ้านๆ ที่ถูกขุดนำมาปั่นกระแสอีกรอบ แถมในระยะเวลา 6 เดือนที่ผ่านมาก็เล่นกันในกรอบ 2.50-3.50 บาท จึงไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับตัวอีฉันที่เห็นพวกขาปั่นน่องเหล็กตะลุมบอนกันอย่างเมามัน เพราะคนพวกนี้ชอบทำอะไรที่โอเว่อร์ไว้ก่อนเป็นประจำนะซี

*ส่วนที่แรงจนโดนดีในเที่ยวนี้กลายเป็น UMS อุตส่าห์เกาะกระแสราคาถ่านหินพุ่งขึ้นแรงได้แค่วันแรก ก็โดนตลาดหลักทรัพย์ฯ ขึ้นเครื่องหมาย Trading Alert  พร้อมกับซื้อขายด้วยเงินสดในทันทีแบบนี้ “โมนิก้า” ถือเป็นเรื่องวิบากกรรมที่เคยทำไว้ก่อนหน้านี้ ทำให้การขึ้นมาปิดที่ระดับ 2.88 บาท บวกไป 0.42 บาท หรือขึ้นไป 17%  ด้วยมูลค่า 120 ล้านบาท มันเป็นความเสี่ยงของคนที่เพิ่งเข้าไปซื้อ และขอบอกให้รู้ว่า หากวันนี้หุ้นไปไม่ไหว ต้องรีบทิ้งทันที เพราะหุ้นเทรดบนค่า P/BV 9 เท่าเจ้าค่ะ

*สำหรับในรายที่มีของดีอยู่ในตัวอย่าง ITEL ยังเป็นทางเลือกสำหรับคนที่ชอบอะไรยาวๆ เพราะของมันเห็นกันอยู่แล้วว่า ธุรกิจอยู่ในช่วงโตต่อเนื่อง บวกกับมีโปรเจ็กต์ใหม่ๆ ให้ได้ลุ้นตลอดเวลา หุ้นถึงเดินหน้าขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเห็นขึ้นมาปิดที่ 11.60 บาท บวกไป 0.40 บาท หรือขึ้นไป 3.60% ด้วยมูลค่ากว่า 100 ล้านบาท “โมนิก้า” ขอเดาเล่นๆ น่าจะมีทีเด็ดอะไรซ่อนไว้แน่ๆ งานนี้ต้องตามไปดูกันเอาเองนะคะ

*ตบท้ายกันที่แรงซื้อซึ่งเข้ามาแบบกะปริดกะปรอย และแรงเทขายก็ออกมาในลักษณะแทงกั๊กสุดๆ มันเหมือนเป็นการส่งสัญญาณให้รู้ว่า กำลังฝืนธรรมชาติของการลงทุนอย่างไม่ต้องสงสัย จึงขอเตือนด้วยความหวังดีว่า การเล่นเที่ยวนี้อย่าหวังอะไรที่ไกลเกินตัว เพราะมันไม่มีอะไรช่วยหนุนให้หุ้นแรลลี่ยาว และเมื่อรู้ว่า หุ้นเริ่มไปไม่ไหวจริงๆ ต้องรีบสลัดตัวเองออกมาในทันที…ทราบแล้วบอกต่อด้วยค่ะ

Back to top button