VGI กับดักมายาแฉทุกวัน ทันเกมหุ้น

มีข้อสังเกตมาหลายไตรมาสแล้วว่า ผู้บริหารและฝ่ายประชาสัมพันธ์ของบริษัทผลิตสื่อโฆษณาใหญ่อันดับหนึ่งอย่าง บริษัท วีจีไอ โกลบอล มีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือ VGI มักจะเล่นเกมกับตัวเลขผลประกอบการ เลือกเอาแต่ข้อมูลที่เป็นบวกมานำเสนอ กลบเกลื่อนตัวเลขทางลบโดยไม่ยอมพูดถึง


มีข้อสังเกตมาหลายไตรมาสแล้วว่า ผู้บริหารและฝ่ายประชาสัมพันธ์ของบริษัทผลิตสื่อโฆษณาใหญ่อันดับหนึ่งอย่าง บริษัท วีจีไอ โกลบอล มีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือ VGI มักจะเล่นเกมกับตัวเลขผลประกอบการ เลือกเอาแต่ข้อมูลที่เป็นบวกมานำเสนอ กลบเกลื่อนตัวเลขทางลบโดยไม่ยอมพูดถึง

เข้าข่าย “พูดความจริงครึ่งเดียว”….เป๊ะเว่อร์

มาถึงวันนี้ ยามที่มีการเปลี่ยนตัวซีอีโอ หรือกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ จากนายมารุต อรรถไกวัลวที เป็นนายสุรเชษฐ์ บำรุงสุข พร้อมกับปรับโพสิชั่นเป็นธุรกิจที่มีชื่อยาวเหยียดว่า “ศูนย์กลางสื่อโฆษณาภายใต้ฐานข้อมูลแบบครบวงจรเพื่อตอบสนองความต้องการใช้สื่อได้อย่างมีประสิทธิภาพ (DCMH -Data Centric Media Hypermarket)”

ประเด็นสำคัญของ VGI ….ในฐานะบริษัทมหาชนจดทะเบียน ไม่ได้อยู่ที่ว่าชื่ออะไรหรือทำธุรกิจอะไร…แต่อยู่ที่ว่า สร้างผลตอบแทนให้ผู้ถือหุ้นมากน้อยแค่ไหน

ดูเหมือนว่า 2 ปีที่ผ่านมา  VGI จะสร้างความผิดหวัง (มากกว่าสมหวัง) ให้กับนักวิเคราะห์ และนักลงทุนลงไม่น้อย โดยเฉพาะหลังจากการแตกพาร์เป็นต้นมา…ต่างจากเมื่อครั้งที่เข้ามาระดมทุนในตลาดใหม่ๆ ในฐานะดาวรุ่งแห่งอนาคต ที่ได้ชื่อว่าเป็นธุรกิจที่มีอัตราส่วนกำไรสุทธิสูงระดับหัวแถวของตลาดหุ้นไทยเลยทีเดียว ไม่ต้องพึ่งพากำไรพิเศษมาช่วยกู้หน้าเหมือนปีหลังๆ นี้

ที่ว่าผิดหวังเพราะเป้าหมายที่ผู้บริหารต้องการให้เป็น กับข้อเท็จจริงของผลงาน มีช่องว่างเสมอมา…พูดอย่างนี้ เพื่อให้สุภาพมากกว่าคำที่ไม่รื่นหูว่า ทำผลงานได้ต่ำกว่าเป้า  ….กำไรวิ่งสวนรายได้มาหลายไตรมาส

ไตรมาสล่าสุด ซึ่งถือเป็นไตรมาสที่ 2 (มิถุนายน-กันยายน) ตามปฏิทินของงบการเงินบริษัทที่ไม่เหมือนบริษัททั่วไป VGI มีกำไรสุทธิ 197 ล้านบาท เพิ่มเล็กน้อย 3% ระหว่างไตรมาส แต่ลดลง 10% เทียบระหว่างปีก่อนหน้า (เทียบกับอุตสาหกรรมที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น +0.1% เทียบระหว่างช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า และปรับตัวลดลง -5% เทียบระหว่างปีก่อนหน้า )

กำไรที่ลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อน แม้ไตรมาสนี้จะได้รวมเอาผลการดำเนินงานของ MACO เข้ามาเต็มไตรมาส จนทำให้รายได้ดูขยายตัวดีมากถึง 29% เทียบระหว่างช่วงไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า และเพิ่มขึ้น 33% เทียบระหว่างปีก่อนหน้า

กำไรปกติที่ลดลงสวนกับรายได้ สรุปเป็นอย่างอื่นไม่ได้เลยว่า เกิดจากโครงสร้างการทำกำไรที่อ่อนแอลง เพราะนักวิเคราะห์ระบุว่า อัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวลงมาเหลือ 61.6% จาก 63.1% ในไตรมาสก่อน และ 64.3% ในปีก่อน มาจากค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่น่ากังวลเพราะเพิ่มขึ้นจาก 18.1% ในปีก่อน และ 20.6% ในไตรมาสก่อน มาเป็น 26.0% ในไตรมาสนี้ ซึ่งสะท้อนว่า โครงการซื้อกิจการเพื่อโตทางลัด หรือการขยายธุรกิจใหม่ๆ ยังไม่เชื่อมประสานในแง่การสร้างพลังผนึกเพื่อเพิ่มความสามารถในการทำกำไรดีพอ

ที่ร้ายไปกว่านั้น หากพิจารณาเฉพาะกำไรปกติด้วยแล้ว จะเห็นว่ายังไม่มีพัฒนาการอย่างมีนัยสำคัญ…นี่ก็พูดกันแบบให้เลิศหรูเช่นกัน…

ใครเลยจะหาญกล้าบอกว่า…เป็นเพราะผู้บริหารยังไม่ “เขี้ยวลากดิน” เพียงพอ

ที่ผ่านมา VGI พยายามลดการพึ่งพารายได้จากการโฆษณาบนรถไฟฟ้า (คิดเป็น 78% ของรายได้รวม) ที่นับวันจะถดถอยลง มาสู่ธุรกิจอื่นๆ เช่น รายได้จากการโฆษณาภายในอาคาร หรือโฆษณาสื่อกลางแจ้งอื่นๆ (รวมทั้งการเพิ่มสัดส่วนใน Aero Media และเข้าซื้อ Multi Sign ผ่าน MACO ด้วยวงเงินเกือบ 3,000 ล้านบาท) ที่แม้จะเติบโตดีพอสมควร แต่ยังไม่สามารถชดเชยหรือขึ้นมาเป็นรายได้หลักได้ดีพอ 

ความพยายามเมื่อเร็วๆ นี้เพื่อโตทางลัด ด้วยการเข้าซื้อกิจการของเครือบีทีเอส 2 รายคือ ซื้อหุ้น 90% ในบริษัท บางกอก สมาร์ทการ์ด ซิสเทม จำกัดหรือ BSS และ 90% ในบริษัท บีเอสเอสโฮลดิ้งส์ จำกัด หรือ BSSH เพื่อจัดพอร์ตใหม่ เปิดทางเข้าสู่ 1)ธุรกิจเงินอิเล็กทรอนิกส์ 2)ธุรกิจ e-wallet 3)ธุรกิจออนไลน์อื่นๆ ผ่าน เว็บไซต์คอนเทนต์แรบบิทเดลี่ (Rabbit Daily) และแรบบิทไฟแนนซ์ (Rabbit Finance) ก็เพื่อผ่าทางตันของการเติบโตที่เชื่องช้าให้ทันใจมากขึ้น… กลับไม่ปรากฏผลเป็นชิ้นเป็นอันในงบการเงินงวดนี้

ตัวเลขไม่เคยโกหก…ยืนยันสัจธรรมอีกครั้ง

บนความน่าผิดหวัของการเติบโตของกำไร…แม้จะไม่มีใครยืนยันว่าเป็นความถดถอย…กลับมีความน่าผิดหวังที่ร้ายแรงกว่า แทรกตัวอยู่ในวัฒนธรรมองค์กรของ VGI อย่างชัดเจน ชนิดปิดเท่าใดก็ไม่มิด

นั่นคือวิธีการนำเสนอข้อมูลของฝ่ายบริหารต่อสาธารณะ (ซึ่งก็คือ ต่อนักลงทุน นั่นแหละ) ยังเหมือนเดิม เพราะเต็มไปด้วยปฏิบัติการ “เต่าใหญ่ไข่กลบ” ที่เต็มอิ่ม

ในเอกสารแถลงข่าวของ VGI  ล่าสุด ภาษาของการโฆษณาชวนเชื่อเห็นได้ตั้งแต่บรรทัดแรกของพาดหัวเลยว่า “….วีจีไอ โชว์รายได้ไตรมาส 2 ปี 59/60 เติบโต 33% ระบุแข็งเกร่งทุกธุรกิจ และรับรู้รายได้มาสเตอร์แอดช่วยหนุน กันทั้งปีกำไรพุ่ง 40-50%…” จากนั้นก็ตามมาด้วยข้อความที่มีแต่เรื่องดีๆ ไม่มีเรื่องร้ายแม้แต่เรื่องเดียวปรากฏ

เหมือนกันทั้งฉบับภาษาไทยและภาษาอังกฤษ

ข้อมูลที่เจตนาสร้างภาพให้ดูดีมาก…ตามที่ผู้บริหารต้องการนำเสนอเช่นนี้ ต่างจาก มุมมองที่นักวิเคราะห์หุ้นทุกสำนักแกะรอยออกมา ชนิดหน้ามือเป็นหลังเท้า…ทำให้เกิดคำถามว่า ข้อมูลชุดเดียวกัน ทำไมจึงต่างมุมมองกันเช่นนี้

คำตอบน่าจะเป็นเพราะ “วัฒนธรรมองค์กร” ที่ติดกับมายาของตัวเลขจนเคยชิน ชนิด..ตายด้าน…ทำอย่างอื่นไม่เป็นเสียมากกว่า

“อิ อิ อิ”

 

 

                

Back to top button