ตอฟางผุดตอไม้โผล่ทายท้าวิชามาร
ชั่วเวลาไม่กี่วัน รัฐบาล คสช.เจอปัญหาประดัง ทั้งเศรษฐกิจ การเมือง การบริหารราชการ ที่พยายามบอกว่ารัฐบาลทำดีที่สุดแล้ว ไม่ใช่ความรับผิดของรัฐบาล เป็นความผิดคนอื่น หรือสาเหตุอื่น แต่ยิ่งพูดก็ยิ่งเข้าเนื้อ
ใบตองแห้ง
ชั่วเวลาไม่กี่วัน รัฐบาล คสช.เจอปัญหาประดัง ทั้งเศรษฐกิจ การเมือง การบริหารราชการ ที่พยายามบอกว่ารัฐบาลทำดีที่สุดแล้ว ไม่ใช่ความรับผิดของรัฐบาล เป็นความผิดคนอื่น หรือสาเหตุอื่น แต่ยิ่งพูดก็ยิ่งเข้าเนื้อ
อยู่ๆ ก็ใช้ ม.44 เด้งปลัดหญิงกระทรวงดิจิทัล โดยไม่มีต้นสายปลายเหตุ จนอดีตปลัดโพสต์เฟซ Feeling Heartbroken “นี่หรือคือรางวัลที่ได้รับ” น่ากังขาสิครับ เพราะรัฐบาลตั้งเองกับมือ ตั้งมาแทนปลัดหญิงคนแรกของกระทรวงไอซีที ที่ตั้งเองแล้วก็ใช้ ม.44 ปลดเองเหมือนกัน
นี่ไม่ใช่ครั้งแรก แต่หลายรายแล้วที่รัฐบาลทหารจับข้าราชการเล่นเก้าอี้ดนตรี ตั้งเองเปลี่ยนเอง โดยไม่รู้ว่าไม่ถูกใจ ไม่มีประสิทธิภาพ หรือขัดแย้งกับใคร รู้แต่ว่าถ้าเป็นนักการเมืองคงโดนถล่มแหลกไปแล้ว
ขณะเดียวกันพอเจอปัญหาราคาข้าวตกต่ำ ถ้าโอดครวญโทษกลไกตลาดโลกยังพอฟัง แต่กลับไปโทษโรงสีกับนักการเมือง ทำให้สมาคมโรงสีประกาศยุติบทบาท กรรมการยกทีมลาออก นักการเมืองก็ย้อนศร “ดราม่า” ยิ่งลักษณ์ซื้อข้าว ขายข้าว รู้เต็มอกว่าดราม่า แต่ทำไงได้ ทีใครทีมัน มีแต่หมอวรงค์ ปชป. ดิ้นพล่าน หาว่าซื้อมา 20 บาทขาย 20 บาทเป็นการ “ตัดราคา” ยิ่งพูดยิ่งน่าขัน
อะไรก็ไม่ร้ายเท่าชาวนาผูกคอตาย ยังปากไวหาว่าไม่ใช่ชาวนา เป็นช่างแอร์ในตำนาน โห พลาดพลั้งไปกล่าวหาชาวบ้าน เมีย ญาติ เขายัวะจนตัวสั่น ทีอย่างนี้ไม่ยักโดน ม.44 ปลดจากอธิบดี
ปัญหาเศรษฐกิจการเมืองกลับมาร้อนแรง หลังสังคมอยู่ในช่วงโศกเศร้าไว้อาลัย รัฐบาลอย่าโทษใคร ต้องยืดอกรับผิดชอบเอง เพราะช่วงที่ผ่านมา รัฐบาลก็ไม่หยุดทำหลายเรื่อง ยังชิงความได้เปรียบทางการเมือง จนผู้สนับสนุนบางรายพร่ำเพ้อว่านับแต่นี้บ้านเมืองจะราบคาบ ที่ไหนได้ พอสะดุดตอฟางข้าว ผู้คนที่อัดอั้นก็ได้โอกาสช่วงชิงพลิกสถานการณ์
ราคาข้าวน่าจะเป็นแค่คลื่นลูกแรก หลังจากนี้ปัญหาปากท้องที่เป็นประเด็นทางการเมืองจะปะทุอีกหลายเรื่อง ตัวเลขเศรษฐกิจต่างๆ ก็ไม่ดีอย่างที่คุย รัฐมนตรีท่องเที่ยวอวดตัวเลข 9 เดือนแรกไม่ลด แต่สมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยวบอกเดือน ต.ค.หดหายไป 40% อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม ก็เพิ่งเผยตัวเลขขอใบอนุญาตประกอบกิจการ และขยายกิจการช่วง 10 เดือนแรกว่า มูลค่าการลงทุนลดลงจาก 5 แสนล้าน เหลือ 3.8 แสนล้าน หรือลดลง 24.15% ทั้งที่คุยกันจังว่ามีตัวเลขขอ BOI ล้นหลาม
สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ยังจะใช้เงิน 30 ล้านจ้างเวิลด์แบงก์มาเป็นที่ปรึกษา หลังจัดอันดับความยากง่ายในการประกอบธุรกิจ ให้ไทยเลื่อนจากที่ 49 ขึ้นมาที่ 46 (อ้าว ดีใจจนใช้เงินจ้าง)
ตลกนะครับ ไหนว่าชื่นชมภูมิปัญญาไทย นักวิจัยไทยเก่งๆ เยอะไป เช่น TDRI ซึ่งไปเป็นพยานในศาล ให้การกล่าวหาอดีตนายกฯ ผู้ถูกรัฐประหาร ทั้ง 2 พี่น้อง 2 ยุค 2 สมัย ทำไมไม่ปรึกษามั่ง
หลังสัปดาห์นี้ไป ปัญหาปากท้อง การเมือง การวิพากษ์วิจารณ์ จะกลับมาร้อนแรงกว่าก่อน เพราะช่วงปลายปี เป็นช่วงพิสูจน์ผลงานเศรษฐกิจ ขณะที่ถ้ารัฐธรรมนูญประกาศใช้ ผู้คนก็จะรู้สึกว่า อยากให้มีเลือกตั้งเสียเร็วๆ เผื่ออะไรๆ จะดีขึ้น ซึ่งก็ยิ่งกดดัน คสช. เพราะช่วงเวลาที่ กรธ.กำหนดไว้ยาวนานเกินไป นานกว่ารัฐประหารทุกครั้งที่ได้รัฐธรรมนูญแล้วเลือกตั้งทันที แต่นี่ยังต้องอยู่อีกปีกว่า ต้องแบกรับปัญหา ที่ไม่สามารถโทษรัฐบาลก่อนอีกแล้ว