เกมยังไม่นิ่ง!โมนิก้าและทีมงาน
*หน้าแหก..หน้าแตก..หน้าเสีย..หน้ามึน ล้วนเป็นอาการที่ “โมนิก้า” พบเห็นได้ตั้งแต่ช่วงก่อนเปิดตลาดวานนี้ ซึ่งแสดงให้เห็นว่า นักลงทุนอินกับการเลือกข้างมากเกินไป ส่งผลให้จังหวะในการเก็บหุ้นไว้ในพอร์ตเกิดอาการชะงักงัน เพราะเชื่อว่า อาจมีของดีราคาถูกให้ช้อนซื้ออีกไม่อั้น ส่งผลให้ในระหว่างวันของการซื้อขายภาคเช้า ดัชนีรูดลงไปเกือบ 24 จุดไงล่ะค่ะ
*หน้าแหก..หน้าแตก..หน้าเสีย..หน้ามึน ล้วนเป็นอาการที่ “โมนิก้า” พบเห็นได้ตั้งแต่ช่วงก่อนเปิดตลาดวานนี้ ซึ่งแสดงให้เห็นว่า นักลงทุนอินกับการเลือกข้างมากเกินไป ส่งผลให้จังหวะในการเก็บหุ้นไว้ในพอร์ตเกิดอาการชะงักงัน เพราะเชื่อว่า อาจมีของดีราคาถูกให้ช้อนซื้ออีกไม่อั้น ส่งผลให้ในระหว่างวันของการซื้อขายภาคเช้า ดัชนีรูดลงไปเกือบ 24 จุดไงล่ะค่ะ
*หลังจากนั้นเริ่มมีคนเตือนสติเหล่านักเล่นออกมาเป็นระลอก พร้อมกับยกเหตุผลในการเข้าซื้อหุ้นเยอะแยะไปหมด กลายเป็นตัวแปรที่ทำให้มีแรงซื้อกลับเข้ามาในตลาดหุ้นเป็นจำนวนมาก จนดัชนีวิ่งขึ้นมาปิดที่ 1,509.43 จุด ลบไป 0.41 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 9.33 หมื่นล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นเรื่องที่ค่อนข้างแฮปปี้สุดๆ เพราะทุกอย่างไม่ได้เลวร้ายเหมือนที่กูรูกล่าวไว้น่ะสิ
*ถึงกระนั้นเมื่อย้อนกลับมาดูยอดซื้อขายสุทธิของนักลงทุนแต่ละกลุ่มก็พบว่า ฝรั่งตาน้ำข้าวเทขายหุ้นออกมาอีก 2.62 พันล้านบาท ผสมโรงกับกองทุนตัวแสบโยนหุ้นออกมาอีก 656 ล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นความย้อนแย้งในตัวของมันเองพอสมควร เพราะคนที่ควรขายจริงๆ น่าจะเป็นพวกฝรั่งหัวทอง จู่ๆ กลายเป็นพวกหัวดำแอบขายหุ้นออกมา มันเป็นเกมที่นักเล่นต้องคิดหนักนิดหนึ่งนะคะ
*เนื่องจากหนึ่งในฮีโร่ที่ช่วยประคองดัชนีจนหยดสุดท้ายกลายเป็นปอบผีฟ้า ซึ่งเป็นคนที่เข้ามาไล่เก็บหุ้นไป 1.77 พันล้านบาท บวกกับแมงเม่าเข้ามาช่วยช้อนหุ้นอีก 1.50 พันล้านบาท ภาพรวมของการลงทุนถึงดูดีขึ้นในระยะสั้นๆ เพราะสิ่งที่ต้องประเมินกันอีกทอดในเที่ยวนี้คือ แรงเทขายจากนักลงทุนสถาบันจะเบาลงไหม? ซึ่งจะทำให้บรรยากาศการลงทุนในวันนี้ผันผวนพอสมควรนะตัวเอง
*ในเมื่อสถานการณ์หลายอย่างยังไม่นิ่งพอสำหรับการลงทุนระยะยาว วันนี้ถึงต้องกระโจนเข้าใส่เฉพาะหุ้นที่มีข่าวดีรองรับเต็มประตูหน้าต่าง เพราะราคาหุ้น ณ บริเวณนี้ยังไม่สะท้อนราคาในอนาคต “โมนิก้า” ถึงโฟกัสเฉพาะหุ้นที่ถีบตัวขึ้นแรงเป็นไม้แรก เพราะวันนี้มีโอกาสเคาะขวาหนักๆ เพื่อไล่ราคากันอีกยก นักเล่นต้อง “เตรียมกาย เตรียมใจ” ให้พร้อมนะจะบอกให้
*เหมือนกับในรายของ TRUE เคาะขวาเรื่อยๆ เป็นวันที่ 2 จนหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 7.60 บาท บวกไป 0.15 บาท หรือขึ้นไป 2% ด้วยมูลค่า 1.12 หมื่นล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นหุ้นที่ตรงตามสูตรการ เคาะ 3 ขาย 1 เท่ากับเป็นการตอกย้ำว่า วันนี้หุ้นจะขยับขึ้นไปอีกช็อต และหากตัวเลขผลงานไตรมาส 3 ออกมาเป็นที่ประทับใจจอร์จ หุ้นจะเปลี่ยนโมเมนตัมไปอีกแบบ และจะเห็นหุ้นวิ่งแรงอีกครั้งนะคะ
*เช่นเดียวในรายของ MTLS กระชากขึ้นมาปิดที่ 22.50 บาท บวกไป 3.10 หรือขึ้นไป 16% ด้วยมูลค่า 4.54 พันล้านบาท มันมาจากกำไรในไตรมาส 3 ออกมาเลิศสะแมนแตน นักลงทุนพวกเงินถุงเงินถังเลยกระโดดเข้าใส่สุดตัว เพราะมองมุมไหน ด้านไหน ก็ไม่เห็นหุ้นบลูชิพตัวไหนเด่นกว่าตัวนี้อีกแล้ว จึงมองราคาเป้าหมายด้านบนแถว 25 บาทได้เลย…โบรกเกอร์รายหนึ่งเคยเขียนเปเปอร์ไว้ค่ะ
*อีกหนึ่งตัวเลือกที่โผล่ขึ้นมาแบบตั้งใจให้เป็น คงต้องชำเลืองมองหุ้น BANPU หลังหุ้นทะยานขึ้นมาปิดที่ 20.50 บาท บวกไป 1.20 บาท หรือขึ้นไป 6.20% ด้วยมูลค่า 6.21 พันล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นช็อตที่ผู้เล่นต้องอ่านเกมกันเอาเอง เพราะความรู้สึกส่วนตัวบอกไม่ไว้ใจหุ้นถ่านหินสักเท่าไหร่? อีกทั้งช่วงนี้กองทุนตัวแสบกระหน่ำขายหุ้นหนักๆ ยิ่งรู้สึกหวั่นใจอย่างบอกไม่ถูกเจ้าค่ะ
*เม้าท์ถึงหุ้นใหญ่ๆ มาเยอะพอสมควร “โมนิก้า” ขอชำเลืองตามอง PDI ซึ่งเป็นหุ้นที่ขึ้นมาติดในกระดาน most gainer เป็นลำดับที่ 2 พร้อมกับกระชากขึ้นมาปิดที่ 17.30 บาท บวกไป 2.60 บาท หรือขึ้นไป 17.70% ด้วยมูลค่า 420 ล้านบาท มันเป็นจังหวะที่น่า follow buy เป็นอย่างยิ่งก็จริง…ถ้าให้ดีควรหากรอบการขายทำกำไร และหาจุดที่ต้องเผ่นด้วยนะคะ
*แรงจนน่ากลัวต้องยกให้ YUASA หลังประกาศกำไรโตเท่าตัว ราคาหุ้นก็วิ่งระเบิดระเบ้อ จนวานนี้ขึ้นมายืนอยู่ที่ 30 บาท บวกไป 5.60 บาท หรือขึ้นไป 23% ด้วยมูลค่า 1.33 พันล้านบาท พร้อมกับทำ new high ด้วยวอลุ่มซัพพอร์ตเข้ามาอย่างเต็มที่แบบนี้ “โมนิก้า” ถือเป็นหุ้นที่เหมาะสำหรับเหล่าผู้กล้า เพราะจังหวะนี้พูดกันไปถึงขั้นที่ว่า กำไรต่อหุ้นที่ 1 บาท เทียบกับ P/E 40 เท่า ได้ราคาเป้า 40 บาทกันแล้วนะจ๊ะ
*เช่นเดียวกับในรายของ AUCT ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 3 น่าผิดหวัง จนทำให้นักลงทุนสาดหุ้นทิ้งลงไปกองอยู่ที่ 9.80 บาท แต่ทำไปทำมากลับมีแรงซื้อเข้ามาเรื่อยๆ จนหุ้นตีตื้นขึ้นมายืนอยู่ที่ 10.80 บาท ลบไป 0.30 บาท หรือลงไป 2.70% ด้วยมูลค่า 630 ล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นความเชื่อมั่นที่มีต่อผู้บริหารว่า ในไตรมาส 4 จะทำกำไรได้ดีขึ้นกว่าเดิม…ส่วนจะจริงเท็จอย่างไร?…ต้องดูกันต่อไปนะคะ