หุ้นเล็กวิ่งกระจาย! ในรอบ 10 เดือน
ความเคลื่อนไหวดัชนีตลาดเอ็ม เอ ไอ (mai) ระยะเวลา 10 เดือนแรกปี 2559 พบว่า ยังเป็นทิศทางบวก เพราะ ณ วันที่ 30 ธ.ค.58 ดัชนีปิดที่ระดับ 522.62 จุด แต่เมื่อวันที่ 31 ต.ค.59 ดัชนีปิดที่ระดับ 576.21 จุด ทำให้ดัชนีปรับตัวขึ้นไป 53.59 จุด หรือเปลี่ยนแปลง 10.26% แสดงว่า ระยะดังกล่าว หุ้นเล็กยังได้รับความสนใจจากนักลงทุนพอควร
–เส้นทางนักลงทุน–
ความเคลื่อนไหวดัชนีตลาดเอ็ม เอ ไอ (mai) ระยะเวลา 10 เดือนแรกปี 2559 พบว่า ยังเป็นทิศทางบวก เพราะ ณ วันที่ 30 ธ.ค.58 ดัชนีปิดที่ระดับ 522.62 จุด แต่เมื่อวันที่ 31 ต.ค.59 ดัชนีปิดที่ระดับ 576.21 จุด ทำให้ดัชนีปรับตัวขึ้นไป 53.59 จุด หรือเปลี่ยนแปลง 10.26% แสดงว่า ระยะดังกล่าว หุ้นเล็กยังได้รับความสนใจจากนักลงทุนพอควร
ส่วนหุ้นเล็กที่ยังได้รับความนิยมสูงสุดของกลุ่ม สามารถเคลื่อนไหวขึ้นแข็งแกร่ง จนมีการเปลี่ยนแปลงเกินกว่า 100% ไปได้นั้น อาทิ KOOL, QTC, YUASA, TVD, SALEE และ TACC สะท้อนต่อผลตอบแทนที่คุ้มค่าสำหรับนักลงทุนที่มีหุ้นอยู่ในพอร์ตนับตั้งแต่ต้นปี
บริษัท มาสเตอร์คูล อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ KOOLโดยวันที่ 30 ธ.ค.58 ราคาหุ้นปิดที่ระดับ 1.25 บาท แต่เมื่อวันที่ 31 ต.ค.59 ราคาหุ้นปิดที่ระดับ 5.55 บาท ทำให้ราคาหุ้นบวกไป 4.30 บาท หรือเปลี่ยนแปลง 344% อันมีแรงขับเคลื่อนจากผลประกอบการเติบโตดี ด้วยพัดลมไอเย็นที่เป็นผลิตภัณฑ์หลักมียอดขายที่เติบโตได้สูงในช่วงครึ่งปีแรก ซึ่งเป็นช่วงที่สภาวะอากาศร้อนจัด
ด้านนักวิเคราะห์คาดว่าพัดลมไอเย็นยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก ซึ่งยังช่วยการเติบโตอีก 3 ปีข้างหน้า โดยมีปัจจัยสนับสนุนการเติบโต เช่น 1.) สภาวะอากาศที่ร้อนมากขึ้นทุกปี ส่งผลให้ความต้องการพัดลมไอเย็นที่สูงขึ้น, 2.) การออกแบบและพัฒนาสินค้าใหม่อย่างต่อเนื่อง เช่น การพัฒนาพัดลมไอเย็นให้มีขนาดเล็กลงแต่ให้ความเย็นมากขึ้น รวมถึงระดับราคาที่ต่ำลง ทำให้เหมาะกับการใช้ในครัวเรือนมากขึ้น และในปีหน้าจะมีการออกสินค้าใหม่ที่เหมาะจะใช้กับร้านอาหาร ซึ่งสินค้าใหม่นี้มีหลักคิดที่จะออกแบบทำให้ไม่เปลืองพื้นที่ในการวางสินค้า,
3.) การเติบโตของช่องทางการจัดจำหน่ายผ่าน Modern Trade ปัจจุบันหลักๆ ที่ขายหลักๆ ได้แก่ โฮมโปร, แม็คโคร เป็นต้น และปัจจุบันอยู่ระหว่างเจรจากับเทสโก้ โลตัส และบิ๊กซี เพื่อนำสิ้นค้าไปเริ่มวางจำหน่ายอย่างเต็มที่ในปีหน้า, 4.) การเติบโตของการทำการตลาดร่วมกับ SINGER เพื่อเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้า ซึ่งจะช่วยเจาะตลาดรากหญ้าที่ KOOL ยังเข้าไม่ถึง และ 5.) ตลาดส่งออกยังมีโอกาสเติบโตได้ดี จากแผนการเพิ่มตัวแทนจำหน่ายในต่างประเทศ โดยเฉพาะในกลุ่ม AEC
บริษัท คิวทีซี เอนเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ QTCโดยวันที่ 30 ธ.ค.58 ราคาหุ้นปิดที่ระดับ 5.10 บาท แต่เมื่อวันที่ 31 ต.ค.59 ราคาหุ้นปิดที่ระดับ 20.80 บาท ทำให้ราคาหุ้นบวกไป 15.70 บาท หรือเปลี่ยนแปลง 307.84% ส่วนหนึ่งเป็นการเข้าเก็งกำไรตามสัญญาณเทคนิค และมีการเข้ามาถือหุ้นของกลุ่มนักลงทุนรายใหม่จะช่วยเสริมศักยภาพในการดำเนินธุรกิจให้กับบริษัทฯ หลังก้าวเข้าสู่ธุรกิจพลังงาน
โดยนอกเหนือจากการสนับสนุนด้านเงินทุนแล้ว ยังเป็นกลุ่มที่มีความรู้และประสบการณ์ในธุรกิจพลังงาน และเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงอย่างกว้างขวางเป็นที่ยอมรับใน หลากหลายด้าน ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่จะแนะนำลูกค้าหรือโครงการลงทุนที่น่าสนใจให้กับ QTC และบริษัทย่อย ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินธุรกิจ ในอนาคต ซึ่งจะทำให้บริษัทฯ มีการเติบโตอย่างแข็งแกร่งและสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นทุกคนได้อย่างแน่นอน
บริษัท ยัวซ่าแบตเตอรี่ ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) หรือ YUASA โดยวันที่ 30 ธ.ค.58 ราคาหุ้นปิดที่ระดับ 6.55บาท แต่เมื่อวันที่ 31 ต.ค.59 ราคาหุ้นปิดที่ระดับ 18.80 บาท ทำให้ราคาหุ้นบวกไป 12.25 บาท หรือเปลี่ยนแปลง 187.02% ว่าราคาหุ้นปรับตัวขึ้นเท่าที่ดูก็ยังไม่มีอะไรเป็นพิเศษ จะมีก็แต่เรื่องโครงการรถคันแรก โดยเฉพาะกลุ่มอีโคคาร์ ถึงเวลาที่จะต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่แล้ว เพราะแบตเตอรี่มีอายุแค่ 18-24 เดือน โดยคาดว่ารถยนต์จากโครงการรถคันแรกเหล่านี้จะมาทยอยเปลี่ยนแบตเตอรี่กันในปีนี้ไปจนถึงปีหน้า ตรงนี้อาจจะเป็นปัจจัยที่เข้ามาช่วยหนุนยอดขายแบตเตอรี่ได้ อีกทั้งผลประกอบการเติบโตแข็งแกร่งขึ้นชัดเจน
บริษัท ทีวี ไดเร็ค จำกัด (มหาชน) หรือ TVDโดยวันที่ 30 ธ.ค.58 ราคาหุ้นปิดที่ระดับ 1.16 บาท แต่เมื่อวันที่ 31 ต.ค.59 ราคาหุ้นปิดที่ระดับ 2.46 บาท ทำให้ราคาหุ้นบวกไป 1.30 บาท หรือเปลี่ยนแปลง 112.07% เนื่องจากราคาและปริมาณการซื้อขายหุ้นของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้นมากนั้นมีบริษัทต่างชาติแห่งหนึ่ง แจ้งว่าจะทำการเข้าถือครองหุ้นของบริษัทจำนวน 15% ของหุ้นทั้งหมดที่ออกและชำระแล้วของบริษัท และบางส่วนมีการเข้าเก็งกำไรตามสัญญาณเทคนิคด้วยแรงหนุนจากผลประกอบการในช่วงที่ผ่านมาเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง
ส่วนบริษัทฯคาดกำไรสุทธิปีนี้จะทำสถิติสูงสุดใหม่ หลังได้ปรับเป้ารายได้เพิ่มเป็น 3.68 พันล้านบาท จากเดิมที่ 3.21 พันล้านบาท เนื่องจากผลประกอบการช่วงที่ผ่านมาเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง และมีแผนเพิ่มรายได้จากธุรกิจดิจิตอลทีวีที่มีความเสถียรและมีคุณภาพมากขึ้น โดยกลุ่มผู้ชมจะเริ่มมีการกระจายตัวไปยังช่องต่าง ๆ ไม่กระจุกตัวเหมือนที่ผ่านมา ส่งผลให้การขายสินค้าทางทีวีจะขยายตัวเพิ่มขึ้นตามปริมาณมีเดีย
นอกจากนี้ผลของการโฆษณาที่เพิ่มขึ้นก็มีผลต่อช่องทางอื่น ๆ ของ ทีวี ไดเร็ค ไม่ว่าจะเป็นแคตตาล็อก ไดเร็คเมล์ เว็บไซต์ ช่องทางขายผ่านโซเชียลมีเดีย ร้านค้าปลีกทีวีไดเร็คโชว์เคส และขายผ่านร้านค้าปลีกทั่วไป ยิ่งกว่านั้นธุรกิจโฮมช้อปปิ้ง (TVDmono) ที่มีการเติบโตเหนือความคาดหมาย เชื่อว่าจะเป็นส่วนช่วยเหลือให้ภาพรวมธุรกิจเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งขึ้นในอนาคต
บริษัท สาลี่อุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ SALEEโดยวันที่ 30 ธ.ค.58 ราคาหุ้นปิดที่ระดับ 0.91 บาท แต่เมื่อวันที่ 31 ต.ค.59 ราคาหุ้นปิดที่ระดับ 1.85 บาท ทำให้ราคาหุ้นบวกไป 0.94 บาท หรือเปลี่ยนแปลง 103.30% เป็นการเก็งกำไรหลังผลประกอบการของบริษัทฯได้ผ่านจุดต่ำสุดในปีที่แล้ว โดยภาพรวมในปีนี้ทั้งปีรายได้และกำไรจะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยได้รับปัจจัยหนุนจากธุรกิจของกลุ่ม SALEE กลับมาฟื้นตัว ขณะที่ SLP ก็ได้รับงานพิมพ์ฉลากแบบใหม่ที่มีมาร์จิ้นสูงเข้ามาเพิ่มขึ้น และที่สำคัญบริษัทฯเริ่มรับรู้รายได้จาก PST ซึ่งถือเป็นบริษัทย่อยน้องใหม่ ที่อนาคตยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก จากการเพิ่มโปรดักท์ใหม่ๆ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้า และขยายฐานลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ
บริษัท ที.เอ.ซี. คอนซูเมอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ TACCโดยวันที่ 30 ธ.ค.58 ราคาหุ้นปิดที่ระดับ 4.98 บาท แต่เมื่อวันที่ 31 ต.ค.59 ราคาหุ้นปิดที่ระดับ 10.10 บาท ทำให้ราคาหุ้นบวกไป 5.12 บาท หรือเปลี่ยนแปลง 102.81% เป็นการเล่นในปัจจัยพื้นฐานที่เติบโตโดดเด่น ในประเด็น มีโอกาสเติบโตไปตามการขยายสาขาของ Z-11 ที่ปัจจุบันไตรมาส 2/59 เป็น 9,252 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งมีเป้าหมาย 3 ปีข้างหน้าเป็น 12,000 สาขา (เพิ่มปีละประมาณ 700 สาขา) บริษัทเป็นพันธมิตรกับ Z-11 มาประมาณ 12 ปีแล้ว อีกทั้งบริษัทเปิดโอกาสทางธุรกิจตลอดเวลา เช่นจากข่าวข้างต้นคือ โดนัท “อะสไมลล์” เครื่องดื่มรุกตลาดจีน และสินค้าตามลิขสิทธิ์ Sanrio เข่น เครื่องสำอางค์ และเครื่องเขียนเป็นต้น ซึ่งเพิ่งวางจำหน่ายในปลาย ก.ย.59 นี้
ทั้งนี้นักวิเคราะห์มองว่าบริษัทสามารถเติบโตได้ดีในอนาคต โดยผลการดำเนินงานปี 60 จะโตจากการขยายตัวของทั้งธุรกิจเดิมและได้ส่วนหนุนจากธุรกิจใหม่รับรู้รายได้เต็มปี และหากเข้าไปทำตลาดในจีนได้สำเร็จจะมีรายได้เข้ามาอีกมาก
สำหรับราคาหุ้นที่ปรับตัวขึ้นกระจายทั้งหมดที่ปรากฏ มักเป็นการเก็งกำไรในส่วนของผลประกอบการที่ออกมาแข็งแกร่งต่อเนื่องในช่วงแต่ละไตรมาสของปี 2559 พร้อมทั้งมีแรงขับเคลื่อนจากธุรกิจที่ขยายตัวได้เป็นอย่างดีต่อไปในอนาคต
เรียกกันว่า ปฏิบัติการเล่นหุ้นดีพิมพ์นิยม!!
…
ข้อมูลราคาหุ้นที่ปรับตัวขึ้นเกิน 100% ในกลุ่มเอ็ม เอ ไอ ช่วงเวลา 10 เดือน (ระหว่าง 30 ธ.ค.58- 31 ต.ค.59)
หลักทรัพย์ | ราคาปิด | เปลี่ยนแปลง | ||
31-ต.ค.-59 | 30-ธ.ค.-58 | บาท | % | |
KOOL | 5.55 | 1.25 | 4.30 | 344.00 |
QTC | 20.80 | 5.10 | 15.70 | 307.84 |
YUASA | 18.80 | 6.55 | 12.25 | 187.02 |
TVD | 2.46 | 1.16 | 1.30 | 112.07 |
SALEE | 1.85 | 0.91 | 0.94 | 103.30 |
TACC | 10.10 | 4.98 | 5.12 | 102.81 |