สะสมแรงซื้อโมนิก้าและทีมงาน
*สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยเป็นเหมือนกับที่ “โมนิก้า” เกริ่นนำไว้เมื่อปลายสัปดาห์ก่อนไม่ผิดเพี้ยน (ขอโม้สักนิดหนึ่ง) จึงไม่หนักใจกับการอ่อนตัวของดัชนีลงมาอยู่ที่ 1,494.53 จุด ลบไป 19.73 จุด ด้วยมูลค่า 7.67 หมื่นล้านบาท เพราะรูปแบบการเคลื่อนตัวก็เป็นเหมือนกับที่คาดการณ์ไว้ จึงเชื่อเหลือเกินว่า ดัชนีจะพยายามไต่ระดับขึ้นไปหาเป้า 1,550 จุดอีกครั้งเจ้าค่ะ
*สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยเป็นเหมือนกับที่ “โมนิก้า” เกริ่นนำไว้เมื่อปลายสัปดาห์ก่อนไม่ผิดเพี้ยน (ขอโม้สักนิดหนึ่ง) จึงไม่หนักใจกับการอ่อนตัวของดัชนีลงมาอยู่ที่ 1,494.53 จุด ลบไป 19.73 จุด ด้วยมูลค่า 7.67 หมื่นล้านบาท เพราะรูปแบบการเคลื่อนตัวก็เป็นเหมือนกับที่คาดการณ์ไว้ จึงเชื่อเหลือเกินว่า ดัชนีจะพยายามไต่ระดับขึ้นไปหาเป้า 1,550 จุดอีกครั้งเจ้าค่ะ
*สาเหตุที่ทำให้ “โมนิก้า” มีความมั่นใจสุดติ่งกระดิ่งแมวมันมาจากเหตุการณ์ในช่วง 2 เดือนครึ่ง ดัชนีแกว่งตัวไปมาในกรอบ 1,480-1,520 จุด แม้ในบางจังหวะจะทรุดตัวลงไปลึกกว่าระดับดังกล่าวเยอะ แต่ก็เด้งกลับขึ้นมาเคลื่อนไหวในบริเวณนี้เป็นประจำ และถ้ามองในแง่ของการเทคตัวทดสอบแนวต้านดังกล่าวบ่อยๆ มันเหมือนเป็นการสะสมแรงซื้อนะจะบอกให้
*วันนี้ถึงยืนยันว่า การที่ฝรั่งตาน้ำข้าวเทขายหุ้นทิ้งกว่า 3.74 พันล้านบาท มันเป็นเหตุผลทางเทคนิค ซึ่งคล้ายคลึงกับยุทธวิธีซื้อๆ ขายๆ ของกองทุนตัวแสบ ก็มาจากการเขย่าพอร์ตให้มีความคล่องตัว เพื่อรอรับหุ้นชุดใหม่ในช่วงขายกองทุน LTF และ RMF ซึ่งเป็นการเปิดช่องให้เกิดข่าวลือในตลาดหุ้นเยอะแยะไปหมด แถมนักเล่นรายใหญ่ก็อาศัยจังหวะบรรยากาศเป็นใจดันหุ้นสุดโต่งกันอย่างเมามันไงล่ะค่ะ
*เหมือนกับในรายของ ESSO พวกขาใหญ่อุตสาห์บิวด์อารมณ์ พร้อมกับเต้าข่าวผ่านพวกแมงลือกันอุตลุด พอประกาศงบไตรมาส 3 ตัวแดงโร่ บรรดามิตรรักแฟนเพลงถึงกับโยนหุ้นทิ้งกันอย่างหนักหน่วง จนหุ้นลงมานอนอยู่ที่ระดับ 12 บาท ลบไป 1.60 บาท หรือลงไป 11.80% ด้วยมูลค่า 2.84 พันล้านบาท มันเป็นการดับกระแสต่างๆ ได้อย่างอยู่หมัด พร้อมกับทำให้ทุกอย่างจบลงในทันทีค่ะ
*ส่วนที่ยังยืดเยื้อกันอยู่ในเที่ยวนี้กลายเป็น DTAC หลังจากเกิดกระแสข่าวเม้าท์ว่า เปิดบ้านต้อนรับผู้มาเยือนด้วยความเต็มใจ (Appraisal) พร้อมกับมีการหยิบยื่นข้อเสนอบางอย่างที่ไม่อาจปฏิเสธได้ ปฏิบัติการไล่ราคาหุ้นก็เลยบังเกิดขึ้นตอนกลางวันแสกๆ ส่งผลให้ราคาหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 37.50 บาท บวกไป 1.75 บาท หรือขึ้นไป 4.90% ด้วยมูลค่า 5.14 พันล้านบาท มันเป็นเกมที่ต้องดูกันต่อไป เพราะไม่รู้ว่า คุณหลอกดาวหรือเปล่า?
*เช่นเดียวกับในรายของ JAS หุ้นที่มาด้วยกระแสเพียวๆ ไม่มีอะไรซับซ้อน แถมมีรายใหญ่เป็นคนเคาะนำเป็นประจำ “โมนิก้า” ถือเป็นเรื่องที่นักเล่นส่วนใหญ่เข้าใจกันเป็นอย่างดี จึงไม่ขออธิบายเหตุผลที่ทำให้หุ้นรูดลงมาปิดที่ 8.25 บาท ลบไป 1 บาท หรือลงไป 10.80% ด้วยมูลค่า 6 พันล้านบาท เพราะในความเป็นจริงหุ้นควรยืนนิ่งๆ อยู่ที่บริเวณ 7.25 บาทมากกว่านะซี
*สำหรับม้ามืดอย่าง MCS สะสมแรงซื้อมาระยะหนึ่ง ก่อนจะคึกเป็นม้าดีดกะโหลก มันมาจากผลกำไรงวด 9 เดือนโตเท่าตัว และเมื่อเจาะลึกลงไปที่ค่า P/E 10 เท่า โดยที่หุ้นตัวนี้วิ่งขึ้นมาปิดที่ 18.40 บาท บวกไป 1.40 บาท หรือขึ้นไป 8.25% ด้วยมูลค่า 800 ล้านบาท มันเป็นเรื่องที่นักเล่นต้องประเมินแวลูของหุ้นตัวนี้กันเอาเองว่า ต่ำกว่าราคาเหมาะสมหรือเปล่า?…ราคาหุ้นควรจะไปเท่าไหร่?…ถ้าคิดไม่ออกน้องโมใบ้กำไรต่อหุ้น 2 บาทให้เป็นชอยส์แรก ต่อจากนั้นค่อยไปเทียบหาราคาเป้ากันเอาเองนะจ๊ะ
*ส่วนอีกหนึ่งทีเด็ดสำคัญ และอยู่ในใจเสมอ “โมนิก้า” ขอโฟกัสไปที่ EA หุ้นพิมพ์นิยมสำหรับนักลงทุนที่มีสไตล์แวลูอินเวสเม้นท์ โดยเฉพาะในแง่ของการเติบโตของตัวเลขกำไรในช่วง 2 ปีข้างหน้า มันเป็นอะไรที่ตื่นเต้นเร้าใจสุดๆ เมื่อรวมกับการเข้าลงทุนในธุรกิจใหม่ ย่อมเป็นการต่อยอดธุรกิจที่ยอดเยี่ยมกระเทียมดอง บวกกับกำลังจะย้ายไป SET อย่างเป็นทางการอีกด้วยแบบนี้…สงสัยราคาปิดที่ 29.75 บาทจะเป็นบันไดให้หุ้นก้าวขึ้นไปอย่างมั่นคงนะคะ
*เม้าท์ถึงหุ้นที่มีผลประกอบการแจ่มแจ๋วขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” ขอย้อนกลับไปดูหุ้นเครื่องมือแพทย์ BIZ ของคุณพี่ “สมพงษ์” ก่อนดีกว่า เพราะการทะยานขึ้นมาปิดที่ 4.08 บาท บวกไป 0.18 บาท หรือขึ้นไป 4.60% ด้วยมูลค่า 44 ล้านบาท มันเป็นการขึ้นที่น้อยเกินไปเมื่อเทียบกับตัวเลขกำไรโต 4 เท่าตัว และเมื่อนำกำไรต่อหุ้นงวด 9 เดือนที่ 0.25 บาทเทียบกับค่า P/E 25 เท่า ราคาเป้าหมายน่าจะอยู่แถว 6 บาทนะจะบอกให้
*ก่อนจากกันขอทิ้งท้ายกันที่หุ้นน้องใหม่ FN เพื่อเสนอไว้เป็นทางเลือกสำหรับคนที่ต้องการลงทุนระยะกลาง ถึงระยะยาว เพราะคอนเซ็ปต์ที่ “เฮียปรีชา” วางแนวทางทำธุรกิจไว้ในเที่ยวนี้ มันเป็นการเติบโตแบบมั่นคงยั่งยืน จึงอย่าสงสัยว่า ทำไมเดี๊ยนไม่ยอมพูดถึงราคาเป้าของหุ้นตัวนี้ เพราะแวลูจริงๆ ที่จะทำให้หุ้นขยับขึ้นไปในอนาคต มันอยู่ที่ผลของงานออกมาในระดับไหน?
*หากมองประเด็นดังกล่าวไม่ออก “โมนิก้า” ขอแนะนำให้แฟนคลับหันมาดูโมเดลของ GLOBAL ซึ่งแสดงตัวเลขกำไรงวด 9 เดือนเติบโต 87% ขณะที่ราคาหุ้นในกระดานยืนอยู่ที่ 15.70 บาท แถมมีผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 เป็นบริษัทลูกปูนใหญ่ มันเป็นกิมมิคของคนที่สามารถอ่านแผนธุรกิจออกก่อน ก็เห็นสามารถมองเห็นพัฒนาการที่สำคัญได้อย่างทะลุปรุโปร่ง…วันนี้ไม่ต้องการชี้นำเยอะไปมากกว่านี้แค่อยากให้ทุกคนลองกลับไปคิดกันจ้า…