กรณีหุ้น ESSOลูบคมตลาดทุน
กลับมาเขียนอีกครั้งสำหรับหุ้น ESSO
ธนะชัย ณ นคร
กลับมาเขียนอีกครั้งสำหรับหุ้น ESSO
เพราะราคายังไม่หยุดวิ่งง่ายๆ
แต่ก็เชื่อว่า ราคาไม่น่าจะวิ่งเกินจากระดับ 12–13 บาทไปมากนัก
ก่อนหน้านี้ ได้เขียนเรื่อง ESSO แบบทิ้งท้ายไว้
ด้วยการบอกว่า หากเรื่องการที่ทางกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ของ ESSO ซึ่งอาจเป็นกลุ่มเอ็กซอนโมบิล (ถือหุ้น 69.55%) ขายหุ้นออกมาเป็นจริง
นั่นหมายความว่าเรื่องนี้มีการ “อินไซเดอร์” หุ้นกัน
และไม่น่าเชื่อว่า ดีลใหญ่ๆ แบบนี้ เหตุใดจึงปล่อยให้หลุดมาได้ง่ายๆ เพราะคนที่เกี่ยวข้องไม่น่าจะมีมากฝ่ายนัก
ผู้จะขาย ผู้จะซื้อ และที่ปรึกษาทางการเงิน (FA)
แต่หากไม่มีดีลการซื้อขายหุ้นจริงๆ
นั่นก็หมายความว่า มีการปล่อยข่าว (ลือ) ออกมา เพื่อสร้างราคาหุ้น หรือ “ปั่นหุ้น” นั่นแหละครับ
ส่วนตัวนั้น ก็พยายามเช็กข่าวว่า ดีลขายหุ้นโรงกลั่นเอสโซ่นั้น มีข้อเท็จจริงมากแค่ไหน และหากมีการซื้อขายกันจริง จะเป็นรูปแบบใด
คำตอบที่ได้รับจากแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือได้มากสุดคนหนึ่งบอกว่า “ตอบไม่ได้”
และบอกอีกว่า “คนที่รู้ข้อเท็จจริงเรื่องนี้ ก็ตอบไม่ได้เช่นกัน”
ฟังคำตอบแบบนี้แล้ว
ทำให้ชวนเชื่อได้ว่า น่าจะมีการซื้อขายหุ้นกันจริงๆ
แหล่งข่าวอีกคนบอกว่า หากเอสโซ่ขายจริง ก็อาจมีความเป็นไปได้ที่จะแยกขายในส่วนของสถานีบริการน้ำมันออกมา เพราะมีข่าวว่า หุ้น PTG หรือ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) สนใจอยู่
เพราะหาก PTG ซื้อไปเฉพาะปั๊มน้ำมันนั้น
PTG อาจไม่ต้องเพิ่มทุนอะไรมาก
และคาดว่าจะใช้เงินเพียง 1,500–2,000 ล้านบาท เท่านั้น
แต่หากจะซื้อโรงกลั่นน้ำมันด้วย PTG จะต้องเพิ่มทุนอย่างมหาศาล และแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย
ข่าวดังกล่าว สอดคล้องกับผู้ถือหุ้นรายใหญ่ใน PTG รายหนึ่ง ได้เข้าเก็บหุ้น ESSO มาโดยตลอดก่อนหน้านี้ เสมือนมีนัยสำคัญอะไรบางอย่าง
ทว่า เรื่องนี้ก็ขัดแย้งกับข้อเท็จจริงในช่วง 2-3 ปีก่อนหน้านี้
เพราะเอสโซ่ได้มีการทุ่มงบประมาณออกมาจำนวนมาก เพื่อพัฒนาปั๊มน้ำมันที่มีอยู่กว่า 500 แห่ง
และที่ผ่านมาก็ได้ดำเนินการไปบ้างแล้วบางส่วน โดยใช้งบประมาณในการพัฒนาเฉลี่ยสถานีบริการละ 1 ล้านบาท
ในด้านค้าปลีกน้ำมัน เอสโซ่มีส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับ 2 หรือประมาณ 16% รองจาก ปตท.
ปั๊มน้ำมันของเอสโซ่ส่วนใหญ่จะอยู่ในทำเลที่ค่อนข้างดี
แต่อย่างว่าแหละครับ ที่ผ่านมาค่าการตลาดน้ำมันขายปลีกค่อนข้างอยู่ในระดับต่ำ จนไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่ายต่างๆ
ล่าสุด เอสโซ่ แจ้งผลประกอบการไตรมาส 3/59 มีผลขาดทุน 433 ล้านบาท แต่ก็ถือว่าดีขึ้นหากเทียบกับไตรมาส 3/58 ที่มีผลขาดทุน 1,737 ล้านบาท
เมื่อดูจากสาเหตุที่ขาดทุนแล้วก็มาจากหลายส่วน
ทั้งค่าการตลาดที่ต่ำ ค่าการกลั่นก็อยู่ระดับต่ำ การขาดทุนจากสต๊อกน้ำมัน ธุรกิจปิโตรเคมีก็ขาดทุน ฯลฯ
มีนักวิเคราะห์บอกถึงกรณีหุ้นเอสโซ่ว่า หากมีคนมาซื้อโรงกลั่น ก็ไม่รู้ว่าคิดอย่างไร เพราะธุรกิจนี้ผลการดำเนินงานไม่ค่อยจะดีนัก เผชิญกับความผันผวนมาโดยตลอด
ขณะที่พลังงานทางเลือก ก็จะเข้ามามีบทบาทมากขึ้น
รถยนต์ไฟฟ้าเริ่มมีการทยอยผลิตกันออกมา
อย่างประเทศเยอรมนี ก็มีการวางโรดแมปแล้วว่า จะมีการยกเลิกการผลิตรถยนต์ที่ใช้น้ำมัน และจะหันมาผลิตรถยนต์ที่ใช้ไฟฟ้าแบบ 100%
ล่าสุด ความเคลื่อนไหวหุ้นเอสโซ่ บวกอีก 0.80 บาท มาที่ 12.80 บาท เปลี่ยนแปลง +6.67%
ท่ามกลางข่าวที่ว่า บรรดาขาใหญ่ทั้งหลาย
ที่เข้ามาซื้อหุ้นเอสโซ่กันก่อนหน้านี้
ขายหุ้นทำกำไร หรือทิ้งกันเกือบหมดแล้ว