BIZ คนซื้อไม่ได้ใช้ คนใช้…!?

แฉทุกวัน ทันเกมหุ้น

 

หากไม่คิดตัวเลขจำนวนเงินที่ทำกำไรสุทธิได้ไม่มากนัก เพียงแค่ 61.12 ล้านบาทแล้ว เอาสัดส่วนการเติบโตของกำไรสุทธิล้วนๆ มาคำนวณแทน ถือว่า บริษัทขายเครื่องฉายรังสีอัตราปริมาณรังสีสูงรักษามะเร็ง ที่เพิ่งเข้ามาในตลาดหุ้นกลางปีนี้ อย่าง บริษัท บิสซิเนส อะไลเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ BIZ กลายเป็นบริษัททอันดับหนึ่งที่ไร้คู่แข่งขันเลยทีเดียว

อัตราการเติบโตของกำไรสุทธิจากระดับกำไรไตรมาสสามปีก่อนที่ 0.15 ล้านบาท (1.5 แสนบาท) มาเป็น 61.12 ล้านบาท ถือว่ากำไรสุทธิเติบโตในอัตรามากถึง 40,833.03%

ไม่ใช่แค่ไตรมาสสามอย่างเดียว แต่หากคิดจากระดับ 9 เดือนแรกของปีนี้ ที่มีกำไรสุทธิมากถึง 69.60 ล้านบาท เทียบกับระยะเดียวกันปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 2.74 ล้านบาท ก็มีอัตราเติบโตของกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นถึง 2,640%

คนเห็นตัวเลขดังกล่าว ต้องพากันอิจฉาผู้บริหารบริษัทสูงสุดอย่าง นายสมพงษ์ ชื่นกิติญานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ที่ผลักดันกิจการให้เดินหน้าทำรายได้และกำไรกลับคืนสู่ผู้ถือหุ้นสวยงามอย่างยิ่ง แม้จะมีพนักงานในกิจการไม่เกิน 15 คน …แต่ก็เปี่ยมด้วยประสิทธิภาพกันทุกคน

บริษัทที่มีประสิทธิภาพ ไม่มีประเด็นให้ถกเถียงกันในเรื่อง เสมียนสันดานผู้บริหาร..หรือ ผู้จัดการสันดานเสมียน..ให้วุ่นวาย…ย่อมเดินหน้าได้ดี

กำไรที่ก้าวกระโดดของ BIZ ไม่ได้มาอย่างบังเอิญ หรือ บุญหล่นทับ แต่มีจากหลายปัจจัยด้วยกันที่ลงตัวพอดีคือ 1) เป็นธุรกิจขายสินค้าที่มีมูลค่าสูง และมีมาร์จิ้นการตลาดสูง เพราะคู่แข่งน้อย 2) เป็นธุรกิจที่เป็นขาขึ้นเพราะคนเป็นโรคมะเร็งในประเทศไทยนั้น นับวันจะมีอัตราเติบโตมากขึ้น ความต้องการของตลาดจึงไม่จำกัด 3) เทคโนโลยีของสินค้าเครื่องฉายรังสีอัตราปริมาณรังสีสูงจากแรงบีบอัดของไฟฟ้า เป็นเทคโนโลยีใหม่ที่ให้ผลการรักษาสูงกว่าการฉายรังสีแบบเดิมที่ใช้รังสีโคบอลท์แบบเก่าที่มีความเสี่ยงสูง 4) มีบริการต่อเนื่องทั้งก่อนและหลังการขายนับแต่ การออกแบบห้อง และการซ่อมบำรุง หรือการขายครุภัณฑ์ทางการแพทย์เกี่ยวเนื่อง รวมทั้งเครื่องเร่งอนุภาครังสี ชนิดครบวงจร

โมเดลธุรกิจที่มีโฟกัสชัดเจน ตามสูตร..จับปลาวาฬ…จึงไม่น่าประหลาดที่จะประสบความสำเร็จได้ทันทีนับแต่การเข้าระดมทุนในตลาดฯที่ช่วยให้ต้นทุนการเงินต่ำลงชัดเจน…ไมต้องระหกระเหินกับสภาพคล่องที่ฝืดเคืองเหมือนเดิมอีกต่อไป

ยิ่งธุรกิจของ BIZ เป็นธุรกิจที่คนซื้อ (โรงพยาบาล) ไม่ได้ใช้…ส่วนคนใช้ (คนป่วยมะเร็ง) ไม่ต้องซื้อ (จริงแท้คือ ถูกบังคับให้ต้องซื้อ)…ทุกอย่างก็ลงตัวมากขึ้น

ในไตรมาสสาม BIZ มีรายได้รวมอยู่ที่ 359.44 ล้านบาท เพิ่มขึ้นมากจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้แค่ 33.37 ล้านบาท เนื่องจากรับรู้รายได้จากส่งมอบงาน 3 โครงการ ตามกำหนดที่ได้วางแผนไว้ ได้แก่ งานโครงการลูกค้าโรงพยาบาลรัฐหลายแห่ง อย่างโรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ มูลค่า 72.75 ล้านบาท โรงพยาบาลมะเร็งลพบุรี มูลค่า 143.93 ล้านบาท และ โรงพยาบาลมะเร็งชลบุรี มูลค่า 108.88 ล้านบาท

ไม่เพียงเท่านั้น เมื่อมีการเร่งส่งมอบผลงานมาก รายได้จากการให้บริการก็เพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว ทั้งติดตั้งและบำรุงรักษาทั้งใหม่ และต่ออายุของเดิม มีกำไรขั้นต้นจากการบริการอยู่ที่ 5.52 ล้านบาท โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นจากการบริการอยู่ที่ 19.55% ของรายได้จากการบริการ แม้ว่าจะลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่เคยได้รับ 26.18% แต่ค่าเฉลี่ยยังใกล้เคียงกับระดับค่าเฉลี่ยปกติที่อยู่ประมาณ 20-25%

กำไรที่สุดสวยในไตรมาสสาม ทำให้มีคำถามว่า ในไตรมาสสี่ หรือทั้งปี จะสวยต่อไปอีกหรือไม่ คำเฉลยจากซีอีโอใหญ่ อย่างนายสมพงษ์ คือ ยังมั่นใจว่าจะเดินหน้าต่อไปได้มั่นคง เพราะ BIZ ยังคงเป้ารายได้ในปี 2559 เติบโตไม่ต่ำกว่า 50-60% จากปีก่อนที่มีรายได้รวม 311 ล้านบาท เนื่องจากมีมูลค่างานในมือเมื่อสิ้นเดือนตุลาคม อยู่ที่ 376.45 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้ในปีนี้ ประมาณ 42% และส่วนที่เหลือจะทยอยรับรู้ในปี 2560

กำไรสวยอย่างนี้ นักลงทุนที่ถือหุ้น “เล็กดี รสโต” อย่าง BIZ ก็ยังใจชื้นมากขึ้น เพราะหลายรายยังคงติดหุ้นที่ราคามากกว่า 4.50 บาท ก็ยังมีให้เห็นอยู่…ตราบใดที่ยังมีความหวังและพันธะสัญญาจากซีอีโอจอมขยันอย่างนี้ …ไม่ลำบากใจที่จะถัวเฉลี่ยซื้อหุ้นเพิ่มเติมเข้าในพอร์ต

ช่องว่างของตลาดที่โรงพยาบาลเอกชนที่เปิดมากขึ้นในอนาคต ซึ่งปัจจุบันยังไม่ได้เป็นลูกค้าสำคัญ และ ข้อเท็จจริงที่ว่า ความต้องการเพิ่มสูงขึ้นในเครื่องฉายรังสีที่มีคุณภาพสูง เพราะทุกปีจะมีผู้ป่วยโรคมะเร็งเพิ่มขึ้น 1,300,000 ต่อปี (เฉพาะในประเทศไทย)  และในอนาคตอีก 10 ปี อาจจะเพิ่มเป็น 200,000 รายต่อปี ตลาดของ BIZ ย่อมเปิดกว้างให้ทำรายได้ต่อเนื่อง ….ไม่ถึงทางตันง่ายๆ

ยกเว้นเรื่องเดียว คนขาย…จะถูกชะตากรรมล่นงาน กลายเป็นคนใช้เครื่องฉายรังสีก้าวหน้านี้….เสียเอง

“อิ อิ อิ”