การเมืองเรื่องปากท้องทายท้าวิชามาร
การเมืองเป็นเรื่องปากท้อง ฮิลลารีจึงหงายท้อง เพราะมัวมองปมผู้ชายผู้หญิง “เรือนกระจก” แต่สอบตกเรื่องผลประโยชน์ประชาชน กระนั้น การเมืองก็ต้องมีเรื่องของเสรีภาพ สิทธิมนุษยชน เพราะถ้าสังคมไม่เป็นธรรม แตกแยก เกลียดชัง ก็ไม่เป็นอันทำมาหากิน เช่นที่ทรัมป์ถูกประท้วงรายวัน
ใบตองแห้ง
การเมืองเป็นเรื่องปากท้อง ฮิลลารีจึงหงายท้อง เพราะมัวมองปมผู้ชายผู้หญิง “เรือนกระจก” แต่สอบตกเรื่องผลประโยชน์ประชาชน กระนั้น การเมืองก็ต้องมีเรื่องของเสรีภาพ สิทธิมนุษยชน เพราะถ้าสังคมไม่เป็นธรรม แตกแยก เกลียดชัง ก็ไม่เป็นอันทำมาหากิน เช่นที่ทรัมป์ถูกประท้วงรายวัน
การเมืองไทยดีอกดีใจ ทรัมป์ชนะ อเมริกาไม่มายุ่ง แต่เสียดายสายไปหน่อย โรดแมปมาไกลจนนับถอยหลังสู่เลือกตั้ง ฝรั่งวิจารณ์รัฐประหารหรือไม่วิจารณ์ก็แทบไม่ต่างกัน สถานการณ์เปลี่ยนมาเป็นเรื่องปากท้องสำคัญกว่า แถมทรัมป์ชนะ ทำเศรษฐกิจโลกปั่นป่วน ก็ยิ่งซ้ำเติมปัญหาปากท้องคนไทย
ใครนะ ยังปลอบใจ ทรัมป์ยกเลิกทีพีพีเป็นผลดีกับไทย มุ่งหน้าไปสู่อาร์เซพ แล้วเราจะเปลี่ยนโลกได้ แหม ทำยังกับอาร์เซพไม่สะเทือน เพราะแนวโน้มที่จะเกิดต่อไปคือ เศรษฐกิจโลกแบบ “ตัวใครตัวมัน” ไม่ใช่แค่อังกฤษ อเมริกา แต่คาดว่าผลเลือกตั้งยุโรป ฝรั่งเศส เยอรมนี ก็จะเป็น “โดมิโน” ไปตามๆ กัน อย่างน้อยก็ต้องให้คำมั่นแก้ปัญหาภายใน ทุกประเทศต้องทบทวนนโยบาย ปิดกั้น กีดกัน การค้าโลกจะปั่นป่วน แล้วประเทศไทยซึ่งพึ่งการส่งออกเป็นเส้นเลือดใหญ่ จะไม่กระทบได้อย่างไร
แค่ทุกวันนี้ ประเทศครัวของโลกก็ต้องกุมขมับ เพราะโลกมีอาหารล้นตู้เย็น พืชผลการเกษตรราคาตกต่ำ ข้าว ข้าวโพด มันสำปะหลัง ฯลฯ มองไม่เห็นว่าราคาจะดีได้อย่างไร
พูดอย่างนี้ไม่ใช่จะโทษรัฐบาล ใครจะบังอาจโทษ ในเมื่อเป็นกลไกตลาดโลก เพียงแต่เมื่อข้าวราคาตก รัฐบาลก็ไม่ควรโทษคนอื่นเหมือนกัน โทษโรงสี นักการเมือง สุดท้ายก็เป็นเรื่องย้อนเข้าตัว ปัญหาราคาข้าวกลายเป็นเรื่องดราม่า พากันไปซื้อข้าวขายข้าวเกี่ยวข้าวช่วยชาวนา ซึ่งมีข้อดีว่า สังคมได้แสดงน้ำใจ แต่ความเป็นจริงช่วยอะไรไม่ได้ ได้เท่าที่รัฐบาลเข้าไปรับจำนำ
โถ ข้าวหอมมะลิ 9.5 ล้านตัน จะช่วยซื้อช่วยกินยังไงหมด แต่ยังไม่วายมีคนโทษอดีตนายกฯ ขายข้าวเท่าทุนแค่ 10 ตันว่า “ตัดราคาชาวนา” ซื้อมา 20 บาทขาย 20 บาท คงทำให้ตลาดโลกปั่นป่วน ถ้าซื้อมา 20 บาทขาย 30 บาท ก็คงหาว่า “อีปูหน้าเลือดค้ากำไร” ทำนาบนหลังชาวนา ฯลฯ
ดราม่าก็แก้ด้วยดราม่า ราชการ ทหาร ประชารัฐ ช่วยซื้อข้าวเกี่ยวข้าวคึกคัก รัฐบาลจริงใจไม่ใช่จิงโจ้ แต่ของจริงที่จะตามมานี่สิครับ เศรษฐกิจจริง นอกจากราคาพืชผลทำให้เกษตรกรไม่มีกำลังซื้อ การลงทุนภาคเอกชน รัฐบาลก็บ่นเหมือนเดิมว่าไม่มีใครลงทุน การส่งออกก็ทำท่าจะติดลบอีกปี ตัวเลข NPL ก็พุ่งสูง การท่องเที่ยวที่ว่าดีๆๆๆ หลังปราบ “ทัวร์ศูนย์เหรียญ” ก็มีตัวเลขสวนกลับว่าทัวร์จีนลดฮวบ ประกอบกับภาวะโศกเศร้าทำให้การบริโภคซบเซาไปร่วมเดือน นี่ยังจะเจอความผันผวนเรื่องเงินทุนไหลกลับ
เปล่า ไม่ได้บอกว่าจะวิบัติ แต่ปลายปีนี้ต้นปีหน้าคงซึมยาว การเมืองเรื่องปากท้องจะระอุ ในขณะที่การเมืองเรื่องโครงสร้าง นิ่งแหงแก๋ ทุกคนในประเทศนี้รู้ดีว่า มีเลือกตั้งก็ไม่มีความหมาย ระบอบ คสช.จะแปลงร่างอยู่ต่อไปอีก 5 ปี โดยหนึ่งปีถัดจากนี้ จะยิ่งมีการวางกลไกลดอำนาจเลือกตั้งทุกระดับ ยิ่งรวบอำนาจสู่รัฐราชการ
ภาวะ 2 ด้านแบบนี้จะบีบคั้น ถ้าแก้ปากท้องได้ อยู่นานไปเลยครับ แต่ถ้าปากท้องยากลำบาก แล้วการเมืองก็อึดอัด ประชาชนไม่สามารถเปลี่ยนได้ ยิ่งสั่งสมความกดดัน