เน้นทำรอบโมนิก้าและทีมงาน
*ข้อมูลการลงทุนชุดหนึ่งที่ทุกคนรับรู้กันเป็นอย่างดีก็คือ นักลงทุนสถาบันเป็นตัวการที่ทำให้ดัชนี “ขึ้นแรง ลงแรง” โดยอาศัยตลาดหุ้นต่างประเทศเป็นตัวชี้นำว่า วันนี้ควรขาย หรือวันนี้ควรซื้อ ส่งผลให้ภาพการเคลื่อนตัวของดัชนีนับตั้งแต่ต้นปี ผันผวนอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งเป็นชนวนเหตุที่ทำให้เดี๊ยนยังคงยืนกรานให้แมงเม่าปีกแข็งเน้นหนักไปที่เรื่อง “เน้นทำรอบ” พร้อมกับพยายามท่องให้ขึ้นใจว่า “กำไรน้อยๆ แต่นานๆ” นะจ๊ะ
*ข้อมูลการลงทุนชุดหนึ่งที่ทุกคนรับรู้กันเป็นอย่างดีก็คือ นักลงทุนสถาบันเป็นตัวการที่ทำให้ดัชนี “ขึ้นแรง ลงแรง” โดยอาศัยตลาดหุ้นต่างประเทศเป็นตัวชี้นำว่า วันนี้ควรขาย หรือวันนี้ควรซื้อ ส่งผลให้ภาพการเคลื่อนตัวของดัชนีนับตั้งแต่ต้นปี ผันผวนอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งเป็นชนวนเหตุที่ทำให้เดี๊ยนยังคงยืนกรานให้แมงเม่าปีกแข็งเน้นหนักไปที่เรื่อง “เน้นทำรอบ” พร้อมกับพยายามท่องให้ขึ้นใจว่า “กำไรน้อยๆ แต่นานๆ” นะจ๊ะ
*เนื่องจากข้อมูลที่ปรากฏให้เห็นมันฟ้องว่า หากออกของไม่ทันนักลงทุนสถาบัน คงต้องรออีกหลายวันเลยทีเดียว “โมนิก้า” ถึงถามว่า วานนี้ดัชนีทะยานขึ้นไปถึง 1,486.45 จุด สุดท้ายอ่อนตัวลงมาปิดที่ 1,474.64 จุด ลบไป 1.82 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.68 หมื่นล้านบาท มันคือเกมโหดของพวกนักลงทุนสถาบันใช่ไหม? หากคิดว่าเป็นเช่นนั้นจริงๆ ก็ควรกำหนดกรอบทำกำไรในแต่ละวันให้แคบลงนะคะ
*งานนี้เดี๊ยนไม่ได้มีเจตนาปรักปรำ หรือให้ร้ายนักลงทุนสถาบัน เพราะข้อมูลทั้งหมดที่หยิบยกมาบรรยายให้ฟังในคราวนี้ มันเป็นการฉายมุขเดิมๆ ที่ถูกนำมาเล่นหลายครั้ง ซึ่งบางวันก็มีคำอธิบายออกมาพร้อมกันว่า ไม่มีอะไรเลวร้ายไปกว่านี้อีกแล้ว จึงไล่ซื้อหุ้นอย่างเอาเป็นเอาตาย พอคล้อยหลังแค่วันเดียว ก็มีคำอธิบายออกมาใหม่ว่า รู้สึกกังวลกับเรื่องนั้น เรื่องนี้…สุดท้ายเลยไม่รู้ว่า มั่นใจ หรือ ไม่มั่นใจ เจ้าค่ะ
*เหมือนกับในรายของ TRUE เด้งขึ้นสวนตลาดราวกับมีของดีเก็บไว้ในตัว “โมนิก้า” ถือเป็นแค่กิมมิคที่นักเล่นต้องอ่านจังหวะให้ขาด เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นเที่ยวนี้ ยังไม่ใช่จุดเปลี่ยนที่สำคัญของหุ้น แถมตัวแปรหลายอย่างยังส่อไปในทางลบ และการที่หุ้นขึ้นมายืนอยู่ที่ 7.35 บาท บวกไป 0.25 บาท หรือขึ้นไป 3.50% ด้วยมูลค่า 3.47 พันล้านบาท ย่อมตีความได้ว่า รีบาวด์! หากจะกลับทิศจริงๆ วันนี้ต้องมีแรงซื้ออัดเข้ามาอีกนะคะ
*สถานการณ์ดังกล่าวคล้ายคลึงกับ THAI คุ้มกับความเสี่ยงจริงไหม? หลังหุ้นลงมาทำ low ที่ระดับ 22.70 บาทไปเมื่อวันก่อน ล่าสุดดูเหมือนจะได้คำตอบอย่างเป็นทางการว่า คุ้มค่ากับผลตอบแทนที่จะได้รับ วานนี้ถึงดันหุ้นขึ้นมาปิดที่ 25.50 บาท บวกไป 1.50 บาท หรือขึ้นไป 6.25% ด้วยมูลค่า 1.55 พันล้านบาท ส่วนวันนี้ยังจะแรงต่ออีกไหม? ต้องติดตามดูกันต่อไปเจ้าค่ะ
*ส่วนในรายของน้องไก่ TFG อาศัยผลงานที่ประจักษ์แก่สายตาชาวโลกเป็นแรงผลัก หุ้นถึงทะยานขึ้นมาปิดที่ 5.60 บาท บวกไป 0.40 บาท หรือขึ้นไป 7.70% ด้วยมูลค่า 855 ล้านบาท ถึงกระนั้นถ้ามองให้ลึกซึ้งกว่าเดิมจะเห็นว่า หุ้นตัวนี้มีดีอยู่ในตัวของมันเองอยู่แล้ว “โมนิก้า” ไม่จำเป็นต้องไปโปรโมทอะไรให้มากความ เพราะแค่รายงานตามเนื้อผ้าที่เกิดขึ้น เพียงเท่านี้หุ้นก็แรลลี่ยาวแล้วล่ะค่ะ
*เช่นเดียวกับพวกม้าตีนปลาย FN กระชากขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ชนิดที่ทำให้นักลงทุนสไตล์คุณค่าต้องหันมามองกันอีกครั้ง “โมนิก้า” ถือเป็นเรื่องของไทม์ไลน์ที่เวียนมาบรรจบพอดี บวกกับมีเจ้าภาพใหญ่เข้ามาทยอยเก็บหุ้น ทุกอย่างเลยดูลงตัวแบบพอดิบพอดี พร้อมกับเกิดจินตนาการกว้างไกลไปถึงขั้นที่ว่า ราคาปิดวานนี้ที่ 5.45 บาท บวกไป 0.15 บาท หรือขึ้นไป 2.80% ด้วยมูลค่า 200 ล้านบาท มันเป็นเพียงบันไดขั้นแรกที่จะหนุนให้หุ้นทะยานขึ้นไปทำ new high อีกระยะหนึ่ง…จริงหรือไม่ ต้องดูกันต่อไป…อิอิอิ
*ส่วนหุ้นอีกหนึ่งตัวที่ทำให้เดี๊ยนรู้สึกงงกับท่าทีที่เกิดขึ้นในเที่ยวนี้ก็คือ BEAUTY ก็ของมันเห็นกันแบบจะๆ กองทุนมาขอปันหุ้นจากพี่หมอกับภรรยา แต่สังคมกลับตื่นตระหนกในวงกว้างว่า เจ้าของเตรียมสละเรือแบบนี้ “โมนิก้า” คงพูดได้แค่ว่า ต้องเร่งทำผลงานให้ดูเป็นขวัญตา เพื่อกู้ความเชื่อมั่นให้กลับมาดีเหมือนเดิม วันนี้ถึงได้แต่ทำใจกับการอ่อนตัวลงมาปิดที่ 11.30 บาท ลบไป 0.90 บาท หรือลงไป 7.40% ด้วยมูลค่า 1.27 พันล้านบาทนะคะ
*เหมือนกับในรายของ TTA หากดูอย่างผิวเผินย่อมตีความว่า การทะยานขึ้นมาปิดที่ 9.65 บาท บวกไป 0.40 บาท หรือขึ้นไป 4.30% ด้วยมูลค่า 550 ล้านบาทเป็นการเล่นรอบธรรมดาๆ แต่ถ้าเจาะลึกลงไปอีกนิดหน่อยจะเห็นว่า ในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา มีการดันหุ้นขึ้นไปถึง 10 บาททั้งหมด4 ครั้ง ต่อจากนั้นปล่อยให้ร่วงลงมายืนแถว 9 บาท “โมนิก้า” ถึงกล้าฟันธงว่า งานนี้มีเจ้ามืออย่างแน่นอน และเป็นของร้อนที่เหมาะเฉพาะพวกที่ถนัดทำเร็ว…เชื่อหัวน้องโมเถอะ
*อีกหนึ่งช็อตที่ควรค่าแก่การติดตาม “โมนิก้า” ขอแนะนำทีเด็ดอย่าง FSMART เป็นตัวเลือกอันดับแรก เหตุผลไม่มีอะไรมากมาย ก็แค่หุ้นที่ทำกำไรได้คงเส้นคงวา แวลูสูงขึ้นเรื่อยๆ ทุกปี แถมวานนี้ขึ้นมาปิดที่ 17.30 บาท บวกไป 0.60 บาท หรือขึ้นไป 3.60% ด้วยมูลค่า 260 ล้านบาท ซึ่งเป็นการทดสอบแนวต้าน 17.70 บาทเป็นครั้งที่ 3 จึงมีลุ้นว่า หุ้นจะผ่านไปได้แบบชิวๆ แบบนี้…น่าสนใจไม่ใช่น้อยนะคะ
*ส่วนในรายของTSF หากมองแบบไม่คิดอะไรมากมาย ต้องยอมรับว่า ประเด็นที่เป็นชนวนเหตุให้หุ้นทะยานขึ้นอย่างร้อนแรง ก็คงมาจากเรื่องเทิร์นอะราวด์ “โมนิก้า” ถึงต้องถามผู้เล่นทั่วสารทิศว่า คิดอย่างไรกับหุ้นตัวนี้ เพราะหุ้นย่ำฐานอยู่แถวๆ 0.16 บาทนานถึง 7 เดือน แถมวันก่อนมีการเคาะขวารัวๆ มาแล้วเที่ยวหนึ่ง…ล่าสุดก็เคาะหุ้นกันอุตลุดอีกครั้ง จนหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 0.26 บาท บวกไป 0.06 บาท หรือขึ้นไป 30% ด้วยมูลค่า 130 ล้านบาท เขาเม้าท์กันว่า แซ่บแค่ไหน…ต้องลองเองเจ้าค่ะ