พาราสาวะถี อรชุน
นั่งดูผู้ใหญ่ทะเลาะกันก็สนุกไปอีกแบบ ทำให้เราเห็นและเข้าใจว่าอำนาจมันไม่เข้าใครออกใครจริงๆ วันก่อน นรชิต สิงหเสนี ตอบคำถามนักข่าวไปว่า ถูกต้องที่กกต.ตามรัฐธรรมนูญใหม่ต้องมีคุณสมบัติเคยดำรงตำแหน่งหัวหน้าส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจเทียบเท่าระดับอธิบดี อัยการ ผู้พิพากษา 10 ปี ถ้าใช้สเปกนี้อดีตผู้ช่วยหรือรองอธิการบดีก็ต้องพ้นสภาพ
นั่งดูผู้ใหญ่ทะเลาะกันก็สนุกไปอีกแบบ ทำให้เราเห็นและเข้าใจว่าอำนาจมันไม่เข้าใครออกใครจริงๆ วันก่อน นรชิต สิงหเสนี ตอบคำถามนักข่าวไปว่า ถูกต้องที่กกต.ตามรัฐธรรมนูญใหม่ต้องมีคุณสมบัติเคยดำรงตำแหน่งหัวหน้าส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจเทียบเท่าระดับอธิบดี อัยการ ผู้พิพากษา 10 ปี ถ้าใช้สเปกนี้อดีตผู้ช่วยหรือรองอธิการบดีก็ต้องพ้นสภาพ
แต่โฆษกกรธ.ก็ไม่ได้ตอบคำถามว่า หากยึดกติกาดังกล่าว จะมีผลทำให้ สมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.จะต้องขาดคุณสมบัติไปด้วย ทว่าเท่านั้นก็เพียงพอที่จะทำให้กกต.เจ้าของวลี “ทำการใหญ่ให้ต้องเอียง” แสดงความไม่พอใจออกมาวิจารณ์การทำงานของกรธ.อย่างดุเด็ดเผ็ดมัน โดยพูดถึงแนวคิดการยุบกกต.จังหวัดแล้วมีคณะผู้ตรวจการเลือกตั้งแทนว่า “ฟุ้งซ่าน”
สมชัยชี้ว่าแนวคิดดังกล่าวถือเป็นเจตนาดี แต่กระบวนการคิดเป็นนวัตกรรมฟุ้งซ่าน จะหาคน 500-600 กว่าคนที่พร้อมปฏิบัติหน้าที่ทุกจังหวัดได้อย่างไร เพราะแต่ละคนก็มีงานประจำทำอยู่แล้ว การให้ไปทำงานอยู่จังหวัดอื่นเกือบ 2 เดือนเป็นไปไม่ได้ และถ้าจับสลากได้จังหวัดที่ไม่อยากไปจะทำอย่างไร รวมถึงงบประมาณทั้งค่ารถ ค่าที่พัก ค่าสวัสดิการ เบี้ยเลี้ยงต่างๆ รวมกันใช้งบประมาณกว่า 150 ล้านบาท
ก่อนจะตามมาด้วยคำถามเรื่องความเป็นธรรมต่อการบังคับใช้คุณสมบัติดังกล่าวว่า ใช้กับองค์กรอิสระทุกแห่งหรือไม่ ขณะนี้มีการพูดถึงแต่กกต.เพียงอย่างเดียว อยากได้ยินคำพูดตรงๆ เต็มปากเต็มคำ จาก มีชัย ฤชุพันธุ์ ว่าหลักการดังกล่าวจะมีการบังคับใช้กับองค์กรอิสระทุกแห่ง รวมทั้งศาลรัฐธรรมนูญด้วย โดยกกต.ไม่มีปัญหาที่จะปฏิบัติตามกฎหมาย แต่ขอให้เป็นกฎกติกาที่มีความเป็นธรรม
ส่วนอีกหนึ่งปุจฉาของสมชัยไม่รู้ว่าหาพวกหรือสร้างศัตรู ด้วยการยกตัวอย่างกรณีคุณสมบัติของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญตามรัฐธรรมนูญใหม่ กำหนดให้มาจากผู้เชี่ยวชาญสายนิติศาสตร์และรัฐศาสตร์อย่างละ 1 คน แต่ขณะนี้มีอยู่สายละ 2 คนต้องจับสลากออกสายละ 1 คนหรือไม่ เช่นเดียวกับที่กำหนดคุณสมบัติเรื่องการดำรงตำแหน่งศาสตราจารย์ไม่น้อยกว่า 5 ปี
อยากถามว่าคนที่เป็นศาสตราจารย์ไม่ถึง 5 ปีจะถูกตัดออกหรือไม่ รวมถึงตำแหน่งศาสตราจารย์พิเศษจะถือเป็นศาสตราจารย์หรือไม่ กรธ.ต้องตอบสังคมให้เกิดความชัดเจน รัฐธรรมนูญใหม่มีการกำหนดคุณสมบัติของป.ป.ช. ผู้ตรวจการแผ่นดินและคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติที่สูงขึ้นเช่นกัน จึงอยากได้คำตอบว่าจะดำเนินการอย่างไร และหากมีการดำเนินการก็ควรทำในระยะเวลาพร้อมกันด้วย
เมื่อถูกพาดพิงตรงๆ เต็มๆ เช่นนี้ โฆษกกรธ.อย่างนรชิตจึงออกมาตอบโต้ทันที กรธ.คิดว่าตัวเองไม่ฟุ้งซ่าน เพราะการพิจารณารัฐธรรมนูญและพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญทั้งหมด พิจารณาด้วยเหตุผล รับฟังมาจากฝ่ายต่างๆ เท่าที่ทำได้เพื่อแก้ปัญหาอุปสรรคที่รับฟังความคิดเห็นมา การเลือกตั้งการเมืองไทยโดยรวมบริสุทธิ์ ยุติธรรม คือหลักการที่กรธ.ใช้ทำงานตั้งแต่วันแรก
กรธ.ไม่ได้คิดขึ้นเพียงเพื่อสนุกๆ หรือฟุ้งซ่าน แต่พยายามแก้ปัญหา ได้ยินมาเรื่องความไม่เป็นกลางของ กกต.จังหวัด อยู่ภายใต้อิทธิพลของพรรคการเมือง นักการเมือง ผู้ที่มีอิทธิพลในจังหวัด รับเงินเดือนประจำ มีสำนักงานถาวร มีค่าใช้จ่ายมากแต่ปฏิบัติหน้าที่เพียง 4 ปีต่อครั้งในช่วงมีเลือกตั้งหรืออาจบ่อยกว่าถ้ามีเลือกตั้งท้องถิ่น ดังนั้น ในแง่งบประมาณน่าจะเป็นผลพลอยได้ ถ้าประหยัดเงินของรัฐและภาษีประชาชนได้น่าจะลองทำ
ส่วนที่สมชัยบอกว่าให้กรธ.ใช้มาตรฐานเดียวกับการกำหนดคุณสมบัติองค์กรอิสระนั้น อย่าเอาตัวเองเป็นตัวตั้งเสมอ หลักการคือกรธ.คิดจะทำอะไรจะมีความเสมอภาคทุกองค์กรอิสระ สรุปคือใช้มาตรฐานเดียวกัน โดยถ้าจะเซตซีโร่ทั้งหมด ประธานกรธ.บอกแล้วว่าไม่ทำ จะวุ่นวายไม่เป็นธรรม หรือถ้าจะให้ใช้ตามรัฐธรรมนูญ 2550 เดิมทั้งหมดก็คงไม่ได้
ทุกองค์กรอิสระต้องดูคุณสมบัติข้อห้ามตามรัฐธรรมนูญใหม่ เราไม่ได้เลือกปฏิบัติกับใคร องค์กรใดหรือกรรมการคนใดคนหนึ่ง ใครคุณสมบัติครบก็อยู่ต่อไป ใครไม่ครบก็ต้องพ้น คำว่าพ้นให้อยู่ปฏิบัติหน้าที่จนกว่าจะมีการแต่งตั้งคนใหม่มาแทน ซึ่งหน่วยงานราชการหรือประชาชนก็ไม่เสียหาย ล่าสุดมีชัยก็ยืนยันกรรมการองค์กรอิสระคนใดขาดคุณสมบัติตามร่างรัฐธรรมนูญต้องพ้นจากตำแหน่งโดยไม่มีข้อยกเว้น
อย่างไรก็ตาม ฝั่งกรธ.ดูเหมือนจะมีลูกคู่กองเชียร์ โดย วันชัย สอนศิริ ที่ช่วยออกมาตอกสมชัยหน้าหงายด้วยคำพูดที่ว่า ในฐานะเป็นผู้มีส่วนได้เสียโดยตรงควรปล่อยให้เป็นหน้าที่ของกรธ.และสนช.เขียนกฎหมายลูก ไม่ควรที่จะออกมาแสดงความคิดเห็น จะเสียหายกระทบไปถึงกกต.ทั้งหมด กกต.คนอื่นเขาสงบเสงี่ยมเจียมปากเจียมคำ ยิ่งพูดยิ่งโวยวายยิ่งเข้าตัวเปล่าๆ ในสถานการณ์เยี่ยงนี้ควรให้คนอื่นแสดงความคิดเห็นมากกว่า ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นเหมือนกล่องเลือกตั้งที่โยนแล้วแตกเสียของไปเปล่า
กระแทกใจดำกันอย่างนี้ มีหรือที่สมชัยจะปล่อยให้ถูกกินฟรี จึงย้อนศรทันทีว่า วันชัยคงใช้วิธีสงบเสงี่ยมเจียมตัวต่อผู้มีอำนาจเพื่อให้ตัวเองได้ดิบได้ดีมาโดยตลอด แต่ตนคงไม่รับข้อเสนอแนะเพราะไม่ใช่คนที่มีพฤติกรรมเช่นวันชัย ก่อนจะเปรียบพฤติกรรมของวันชัยต่อว่าเหมือนปลาในบ่อสปาที่เห็นอะไรก็ตอด ต้องบอกว่าคนดีเขาด่ากันแรงแบบนี้นี่เอง จะว่าไปแล้วเห็นพฤติกรรมลักษณะนี้ มันมีอะไรต่างจากนักการเมืองไหมเล่า
ความจริงอีกประการที่เป็นปัญหามาตั้งแต่การร่างรัฐธรรมนูญแล้ว คงเป็นเรื่องของการเปิดกว้างรับฟังความเห็น ยิ่งในมุมของคนรุ่นใหม่แล้วเรียกได้ว่า ไม่มีพื้นที่ยืนหรือห้ามสะเออะกันเลยทีเดียวสำหรับองคาพยพของแม่น้ำ 5 สาย บทสัมภาษณ์ของ พริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน อดีตเลขาธิการกลุ่มการศึกษาเพื่อความเป็นไท ที่ระบุถึงพื้นที่ความคิดซึ่งถูกปิดกั้นเป็นเรื่องที่ชวนให้คิดไม่ใช่น้อย เด็กไทยไม่ใช่คิดไม่ได้ แต่เด็กไทยไม่ได้รับอนุญาตให้คิด โดยเฉพาะในสังคมที่มองว่าการคิดต่างเป็นเรื่องผิด เป็นเรื่องที่พูดออกมาไม่ได้ ถ้าอย่างนั้นจะคิดไปทำไมในเมื่อคิดไปก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี
เพนกวินมองว่ากำแพงอายุเป็นกำแพงที่ใหญ่มากในสังคมไทย แต่ถ้าพูดถึงเรื่องของความเฉื่อยชาที่เกิดขึ้น มันอาจไม่ใช่เรื่องของกำแพงอายุอีกต่อไป แต่เป็นเรื่องของการไม่อนุญาตให้มีพื้นที่ของความแตกต่างทางความคิด ซึ่งปรากฏการณ์นี้ไม่ได้เกิดขึ้นแต่เฉพาะกับเด็ก แต่เกิดขึ้นทั่วไปในสังคมที่คิดต่างไม่ได้
เมื่อเป็นเช่นนั้นทำให้เรามีความต้องการที่จะขยายกรอบความคิดแคบลง เพราะเราไม่สามารถเรียนรู้ความคิดของผู้อื่นได้มากนัก เด็กระดับชั้นม.ปลายคิดได้ถึงขนาดนี้ แต่คนที่อ้างว่าแก่กว่าเก่งกว่ากลับคิดแบบมีอคติ คิดแล้วมีแต่คนมองว่าไม่ได้นำพาประเทศชาติเดินไปข้างหน้า อนาคตที่วาดไว้ว่าจะต้องเดินต่อไปอีก 20 ปีนั้น มันคือความล้าหลังมากกว่าจะเดินตามหรือก้าวทันโลกที่เขาก้าวไปไกลกันแล้ว