บาทอ่อน…หุ้นร่วง โมนิก้าและทีมงาน

*สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยตลอดทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมาเต็มไปด้วยความไม่แน่นอนหลายอย่าง ทำให้นักลงทุนออกอาการลังเลใจอย่างเห็นได้ชัดนั้น “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องปกติที่มักจะเกิดขึ้นเป็นประจำในยามที่ตลาดหุ้นเต็มไปด้วยเรื่องร้ายๆ ซึ่งเป็นตัวแปรที่กัดกร่อนความมั่นใจในการลงทุนไปวันละนิด ก่อนจะเกิดอาการวิตกจริตอย่างหนัก และนำไปสู่การเทขายหุ้นทิ้งอุตลุดไงล่ะค่ะ


*สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยตลอดทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมาเต็มไปด้วยความไม่แน่นอนหลายอย่าง ทำให้นักลงทุนออกอาการลังเลใจอย่างเห็นได้ชัดนั้น “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องปกติที่มักจะเกิดขึ้นเป็นประจำในยามที่ตลาดหุ้นเต็มไปด้วยเรื่องร้ายๆ ซึ่งเป็นตัวแปรที่กัดกร่อนความมั่นใจในการลงทุนไปวันละนิด ก่อนจะเกิดอาการวิตกจริตอย่างหนัก และนำไปสู่การเทขายหุ้นทิ้งอุตลุดไงล่ะค่ะ

*งานนี้บอกได้ทันทีว่า “โมนิก้า” ไม่อะไรต้องคล้อยตามไปกับอารมณ์ของตลาดหุ้น เพราะของมันเห็นกันเต็มลูกตาอยู่แล้วว่า เงินบาทอ่อนค่าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นการย้ำหัวหมุดตัวเดิมว่า นักลงทุนต่างชาติยังคงเทขายหุ้นไทยอย่างไม่ลดละ จนฉุดดัชนีหลุดแนวรับสำคัญลงมาครั้งแล้วครั้งเล่า พร้อมกับมีการตั้งประเด็นคำถามว่า ดัชนีควรจะลงไปถึงระดับไหน?

*โดยคำตอบที่ได้รับจากประเด็นดังกล่าวมีหลายแขนงด้วยกัน บางคนก็ว่า 1,450 จุด คือที่รับของ บางคนก็แนะนำให้ไปรอช้อนที่บริเวณ 1,420 จุด หรือแม้กระทั่งบางคนบอกให้รอถึงสิ้นเดือน ต่อจากนั้นค่อยคิดกันอีกทีว่าจะเอาอย่างไร? “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องของแนวความคิดที่มีประโยชน์ทั้งนั้น เพราะมันทำให้รู้ว่า ทุกคนพร้อมจะซื้อหุ้นเมื่อลงมาถึงจุดที่เล็งไว้พะยะค่ะ

*ฉะนั้น การที่ดัชนีดีดกลับขึ้นมาปิดที่ 1,473.86 จุด บวกไป 0.01 จุด ด้วยมูลค่า 4.93 หมื่นล้านบาท ทั้งที่ตอนแรกถูกถล่มลงไปกองอยู่ที่ 1,465.90 จุด มันเป็นสถานการณ์ที่กลับไปกลับมาตลอดเวลา แต่อาการแกว่งตัวจะลดลงเป็นลำดับ เพราะเม็ดเงินก้อนใหม่จากกองทุน LTF และ RMF น่าจะเข้ามาช่วยพยุงตลาดหุ้น ซึ่งเป็นจังหวะของการทำรอบอีกครั้งหนึ่งนะคะ

*เหมือนกับในรายของ BANPU ก่อนหน้านี้โดนถล่มอย่างหนักหน่วงเป็นเวลา 4 วันติด แถมช่วงเช้าวันศุกร์โดนกดลงมาอยู่ที่ 17.50 บาท แต่สุดท้ายเด้งขึ้นมาปิดที่ 18.40 บาท บวกไป 0.20 บาท ด้วยมูลค่า 4 พันล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นช็อตซื้อคืนของพวกกองทุนสั้นๆ ซึ่งวันนี้ต้องติดตามดูให้ดีว่า ยังมีแรงหนุนเข้ามาเพิ่มไหม? เพื่อเป็นการพิสูจน์การกลับทิศไงล่ะค่ะ

*เช่นเดียวกับในรายของปูนใหญ่ SCC ก่อนหน้านี้ประมาณ 3 เดือนหุ้นยังก๊อกๆ แก๊กๆ อยู่ที่บริเวณ 540 บาท ล่าสุดเห็นหุ้นลงมากองอยู่ที่ 464 บาท ลบไป 8 บาท ด้วยมูลค่า 1.90 พันล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็น benchmark ที่ยืนยันอย่างหนักแน่นว่า ฝรั่งทิ้งหุ้นไทยได้เป็นอย่างดี! รอบนี้ถึงต้องดูให้ดีว่า รักษาฐานแนวรับแรกที่ 450 บาทอยู่ไหม? หากเอาไม่อยู่จะลงไปถึง 400 บาท สัญญาณเทคนนิคบอกไว้อย่างนั้นเจ้าค่ะ

*สำหรับในรายของ PTT พอดำเนินการปลดเปลื้องพันธนาการ พร้อมกับยกระดับเป็นโฮลดิ้งอย่างเต็มตัว พร้อมกับโอนธุรกิจน้ำมันและค้าปลีกมาให้บริษัทลูก PTTOR เป็นคนรับผิดชอบดูแล และเตรียมดันเข้าตลาดหุ้นในไม่ช้าแบบนี้ ทำให้ทุกคนวาดฝันในทันทีว่า นี่จะเป็นหุ้นปันผลยอดนิยม เพราะนับตั้งแต่นี้จะเป็นหุ้นที่รับรู้เฉพาะเงินปันผลจากบริษัทลูกๆ ภาระต้นทุนเกี่ยวกับการอุ้มพลังงานจะหมดไป ส่งผลให้ช่วงครึ่งชั่วโมงสุดท้ายมีแรงซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง จนหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 344 บาท บวกไป 4 บาท ด้วยมูลค่า 1.88 พันล้านบาทไงล่ะค่ะ

*ส่วนในรายของ BPP กลายเป็นหุ้นอยู่ภายใต้อาณัติของกองทุนตัวแสบอย่างเต็มตัว ราคาหุ้นถึงกวัดแกว่งจนน่าตกใจ และถ้าย้อนกลับไปดูจุดเริ่มต้นที่วิ่งจาก 24.70 บาท ต่อจากนั้นไต่ระดับขึ้นไปถึง 29 บาทอย่างแข็งแกร่ง แต่ก็ยืนที่ระดับดังกล่าวได้ไม่นาน และหุ้นก็เริ่มไหลลงมาเรื่อยๆ จนลงมาทำจุดต่ำสุดที่ 24 บาท ก่อนจะเด้งกลับขึ้นมาปิดที่ 25.75 บาท บวกไป 1.55 บาท หรือขึ้นไป 6.40% ด้วยมูลค่า 1.70 พันล้านบาทแบบนี้…เคลื่อนตัวแบบ w-shape ชัดๆ นะคะ

*เม้าท์ถึงหุ้นตัวใหญ่ๆ มาเยอะพอสมควรแล้ว “โมนิก้า” ขอพูดถึงหุ้นทางเลือกตัวแม่อย่าง ALT สักนิดหนึ่งดีกว่า เพราะสตอรี่ที่จะทำให้หุ้นวิ่งระเบิดเถิดเทิงมีอยู่ด้วยกันหลายเรื่อง และแต่ละเรื่องก็ส่งผลอย่างมีนัยสำคัญ เดี๊ยนถึงอยากให้แฟนคลับหันมามองราคาหุ้นที่ขึ้นมาปิดที่ 7.75 บาท บวกไป 0.25 บาท หรือ 3.33% ด้วยมูลค่า 57 ล้านบาท เมื่อเทียบกับราคาก่อนหน้าที่บริเวณ 9 บาท…น่าสนไหมล่ะค่ะ

*ไหนๆ ก็เม้าท์ถึงหุ้นวางระบบสื่อสารขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” ขอแวะเข้าไปดู ITEL ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ ILINK สักนิดหนึ่ง และเหตุผลที่ขอพูดถึงแม่ลูกคู่นี้ก็ไม่มีอะไรมากมาย แค่อยากจะบอกให้รู้ว่า ทั้งคู่มีข่าวดีซัพพอร์ต แถมจังหวะนี้ยังไม่มีการเคาะขวาแบบหนักๆ จึงเป็นโอกาสของการทยอยสะสมหุ้นอย่างไม่ต้องสงสัย เดี๊ยนถึงต้องถามว่า หุ้นลูกยืนอยู่ที่ 10.50 บาท บวกไป 0.30 บาท ส่วนหุ้นแม่ยืนอยู่ที่ 20.60 บาท ลบไป 0.10 บาท ผู้เล่นชอบหุ้นตัวไหนมากกว่ากันเจ้าค่ะ

*พูดถึงเรื่องความชอบ “โมนิก้า” ขอเอ่ยถึงหุ้นร้อน TSF อีกสักนิดหนึ่งว่า วันนี้หุ้นมาด้วยกระแสความเชื่อล้วนๆ และดูเหมือนน้ำหนักความน่าจะเป็นจะออกไปโทนบวก จึงมีพวกขาใหญ่เคาะเลี้ยงกระแสไว้ตลอดเวลา ขนาดเมื่อวันศุกร์ทำท่าจะกลับบ้านเก่าอยู่รอมร่อ สุดท้ายก็เด้งขึ้นมาปิดที่ 0.30 บาท บวกไป 0.01 บาท หรือขึ้นไป 3.45% ด้วยมูลค่า 95 ล้านบาทแบบนี้…บอกได้แค่ว่า ถ้าใจถึง…ก็ตามไปดูแล้วกัน…อิอิอิ

Back to top button