กระทิงโผล่ที่นิกเกอิพลวัต 2016
ความไม่มีเหตุผลของตลาดหุ้นคือความมีเหตุผลของทุนนิยมเพราะจากความกลัวทรัมป์ระหว่างรณรงค์หาเสียงและช่วงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสุ้มเสียงนักวิเคราะห์กับช่วงหลังรู้ผลเปลี่ยนชนิดกลับขั้วจากความหวาดวิตกเป็นการคาดเดาเชิงบวก
วิษณุ โชลิตกุล
ความไม่มีเหตุผลของตลาดหุ้นคือความมีเหตุผลของทุนนิยมเพราะจากความกลัวทรัมป์ระหว่างรณรงค์หาเสียงและช่วงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสุ้มเสียงนักวิเคราะห์กับช่วงหลังรู้ผลเปลี่ยนชนิดกลับขั้วจากความหวาดวิตกเป็นการคาดเดาเชิงบวก
ล่าสุดผู้จัดการกองทุนเก็งกำไรระบุว่าการทำนิวไฮหลังเลือกตั้งผ่านไปของดัชนีตลาดนิวยอร์กยังไม่ใช่จุดสิ้นสุดของภาวะกระทิงอย่างแน่นอนเนื่องจากมาตรการของทรัมป์จะทำให้ปีค.ศ. 2017
จะเป็นปีทองอีกปีของตลาดนิวยอร์ก
ผู้จัดการกองทุนเฮดจ์ฟันด์ในสหรัฐและนักกลยุทธ์ในวอลล์สตรีทเชื่อว่านโยบายของทรัมป์ที่ถอดแบบใหม่จากนโยบายเศรษฐกิจเรแกนโนมิกส์ในอดีตที่เป็นการเน้น “อุปทานสร้างอุปสงค์” จะทำให้ค่าดอลลาร์แข็งและทุนไหลกลับสหรัฐซึ่งคาดว่าจะทำให้ดัชนี S&P 500 บวกขึ้นในปี 2017 จากระดับปัจจุบันอีก 8% หรือที่ระดับเหนือ 2,300 จุด
การคาดเดาถึงภาวะกระทิงในอนาคตที่ยังมาไม่ถึงดังกล่าวอาจจะผิดหรือถูกได้ทั้งสิ้นและหากจะผิดก็มีคำแก้ต่างรอไว้ไม่มีปัญหาอะไรแต่สำหรับนักลงทุนทั่วไปแล้วภาวะกระทิงปัจจุบันที่กำลังเกิดกับตลาดหุ้นโตเกียวผ่านดัชนีขาขึ้นของดัชนีนิกเกอิน่าสนใจและจับต้องได้มากกว่า
เส้นกราฟของดัชนีนิกเกอิของตลาดโตเกียวที่เพิ่งทำจุดสูงสุดเหนือ17,850 จุดถือเป็นจุดสูดสุดในรอบ 10 เดือนมากกว่าจุดต่ำสุดที่ถือเป็นก้นกระทะเมื่อเดือนมิถุนายนปีนี้มากถึง 20% กลายเป็นตลาดที่ให้ผลตอบแทนสูงสุดในรอบ 5 เดือนถือเป็นภาวะกระทิงที่ไม่สามารถเถียงได้
ภาวะดังกล่าวเป็น “ของขวัญจากอเมริกา” ผ่านนโยบายเรแกนโนมิกส์กลายพันธุ์โดยโดนัลด์ทรัมป์และมาตรการเตรียมขึ้นดอกเบี้ยของเฟดที่ชัดเจน
ของขวัญชิ้นสำคัญจากอเมริกาคือดอลลาร์แข็งทำให้ค่าเยนอ่อนส่งผลทางจิตวิทยาและต่อธุรกิจส่งออกข้ามชาติขนาดใหญ่ของญี่ปุ่นรวมทั้งต้นทุนสินค้าวัตถุดิบนำเข้าจากการที่ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ถดถอยลงทำให้ราคาหุ้นในตลาดโตเกียวรับอานิสงส์เต็มที่
ที่สำคัญค่าเงินเยนที่อ่อนลงทำให้ธนาคารกลางญี่ปุ่นลดแรงกดดันจากขีดจำกัดของมาตรการ QE และอัตราดอกเบี้ยติดลบสบายใจไปอีกเปลาะนานพอสมควรนับจากนี้ไป
ค่าเงินเยนอ่อนทำให้เศรษฐกิจญี่ปุ่นที่เผชิญกับภาวะเงินฝืดเรื้อรังเริ่มดีขึ้นอย่างชัดเจนในระยะต่อไปอย่างน้อยนโยบายของโดนัลด์ทรัมป์ ระยะต่อไปน่าจะส่งผลให้ดอลลาร์แข็งในระยะครึ่งแรกของปีหน้าซึ่งจะทำให้โอกาสทำกำไรจากการดำเนินงานและกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนของบริษัทญี่ปุ่นโดดเด่นมากขึ้นอย่างน้อยก็นานมากถึง 3 ไตรมาส
ยามนี้นักลงทุนขนาดใหญ่ในญี่ปุ่นและต่างประเทศพากันลบความจำเก่าและลืมภาวะหมีของตลาดหุ้นโตเกียวเมื่อต้นปีไปสนิทเบ็ดเสร็จความมั่นใจในการเข้าซื้อมีความสมเหตุสมผลไม่ได้เกิดจากภาวะฟองสบู่อย่างแน่นอนเหตุผลหลักคือธุรกิจใหญ่ที่เป็นบลูชิพในตลาดหุ้นโตเกียวส่วนใหญ่ที่คำนวณในดัชนีนิกเกอินั้นมีรายได้จากการค้าระหว่างประเทศส่งออกหรือนำเข้าเพื่อส่งออกเป็นสำคัญการอ่อนตัวของเยนจึงเป็นตัวช่วยที่มีนัยสำคัญอย่างยิ่ง
ค่าเงินดอลลาร์ 110 เยนต่อดอลลาร์นั้นถือเป็นคุณูปการสำคัญยิ่งที่ทำให้กำไรพิเศษเกิดขึ้นในบริษัทจดทะเบียนในตลาดโตเกียวปลุกความหวังให้นักลงทุนพากันเข้าซื้ออย่างต่อเนื่องไม่มีใครบอกได้ว่านานเท่าใดแต่ในช่วงโอกาสทองที่ไม่ได้เกิดขึ้นนานแล้วเช่นนี้ถือเป็นจังหวะลงทุนที่ต้องเร่งฉกฉวยเอาไว้ก่อนที่จะผ่านเลยไป
สถานการณ์ขาขึ้นยาวนานของตลาดหุ้นโตเกียวและดัชนีนิกเกอิอาจจะเป็นสถานการณ์จำเพาะของญี่ปุ่นที่แตกต่างจากตลาดหุ้นเอเชียอื่นๆรวมทั้งจีนด้วยเพราะโครงสร้างการลงทุนในตลาดหุ้นญี่ปุ่นนั้นแตกต่างจากตลาดอื่นๆนั่นคือกองทุนต่างชาติมีบทบาทต่อตลาดโตเกียวต่ำกว่านักลงทุนในประเทศมากประเด็นเรื่องของฟันด์โฟลว์ไหลเข้าและออกของญี่ปุ่นจึงมีเรื่องของกองทุนต่างชาติต่ำ
บางช่วงที่เงินเยนย่ำแย่ยาวนานกระแสฟันด์โฟลว์ญี่ปุ่นไม่ได้เกิดจากทุนต่างชาติแต่เกิดจากกองทุนในประเทศขนเงินออกไปทำเยนแครี่เทรด นอกญี่ปุ่นอย่างจริงจังและยามนี้การทำเยนแครี่เทรดไม่จำเป็นอีกแล้วเงินทุนญี่ปุ่นจึงไหลกลับบ้านแทน
ที่สำคัญหลายปีมานี้ญี่ปุ่นไม่ได้มีบทบาทแข็งขันในตลาดพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐเหมือนกับจีนดังนั้น จึงไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับความผันผวนของตลาดตราสารหนี้สหรัฐที่ราคาร่วงหนักสวนทางอัตราผลตอบแทนที่สูงขึ้น
ภาวะกระทิงของตลาดโตเกียวยามนี้และต่อไปจะหยุดยั้งด้วยปัจจัยหลักเดียวคือทางการของญี่ปุ่นเกิด”สัญชาตญาณอยากตาย” ขึ้นมาเองเพราะกินยาผิดซองเท่านั้นซึ่งหากเป็นจริงขึ้นมาคงโทษใครไม่ได้
ปัญหาญี่ปุ่นจึงต่างกับจีนและชาติในเอเชียอื่นๆที่ได้รับผลทางลบจากดอลลาร์แข็งเต็มที่ที่หลายเดือนนี้ธนาคารกลางจีนทำการทุ่มขายพันธบัตรสหรัฐในมือออกนับแสนๆ ล้านหรืออาจจะล้านล้านเพื่อปกป้องเศรษฐกิจของตนเองจากการที่ค่าเงินหยวนอ่อนค่ารุนแรงทำจุดต่ำสุดลงต่อเนื่อง มีโอกาสที่จะแตะ 7.00 หยวนต่อดอลลาร์ได้ หากไม่สามารถรับมือกับการไหลออกของทุนจีนได้ดี
ในขณะที่ธนาคารกลางอีกหลายประเทศคงต้องหาทางหยิบยกเอาประเด็นเรื่องแทรกแซงตลาดเงินตรามาใช้เพื่อหยุดยั้งขาลงของค่าเงินท้องถิ่นลง
ภาพรวมของภาวะกระทิงในตลาดหุ้นโตเกียวยามนี้ จึงเป็นสถานการณ์ที่พิเศษน่าจับตาถึงพลวัตทุนนิยมโลกครั้งสำคัญอีกครั้ง และไม่อาจปฏิเสธได้ว่าเป็นผลสะเทือนจากโดนัลด์ ทรัมป์โดยตรง