ฟันด์โฟลว์เริ่มกลับลูบคมตลาดทุน
วานนี้แม้นักลงทุนต่างชาติจะขายสุทธิอีก 692 ล้านบาท
ธนะชัย ณ นคร
วานนี้แม้นักลงทุนต่างชาติจะขายสุทธิอีก 692 ล้านบาท
และนับเป็นวันที่ 23 ติดต่อกันแล้วที่ฟันด์โฟลว์ขาย หรือรวมขายเบ็ดเสร็จในรอบนี้แล้วกว่า 3.70 หมื่นล้านบาท
แต่หากพิจารณาดูดีๆ แรงขายเริ่มแผ่วเบา และกระจุกตัวอยู่ในบางโบรกเกอร์ เท่านั้น
2-3 วันก่อนหน้านี้ นักวิเคราะห์บางคนก็บอกไว้เช่นเดียวกันว่า แรงขายของฟันด์โฟลว์จะเริ่มเบาบางลง และเริ่มมีการซื้อกลับเข้ามาบ้างแล้ว
และหุ้นในกลุ่ม SET50 ก็คือเป้าหมายเช่นเดิม
จากข้อมูลของโบรกเกอร์ต่างชาติ จะพบว่า แรงซื้อเข้ามายังโบรกฯ เช่น CLSA UOBKHT และ CS ค่อนข้างมาก
และเป้นตัวเลขการ “ซื้อสุทธิ” มากกว่า “ขายสุทธิ”
ทว่า ผลของการซื้อขายภาพรวมที่ออกมาว่าขายสุทธินั้น เป็นเพราะ ยังมีแรงขายออกมาจากบางโบรกเกอร์ต่างชาติเท่านั้น เช่น เจพีมอร์แกน และฝั่งของยูบีเอส
อย่างวานนี้ ของ CLSA ที่มีสัดส่วนลูกค้าต่างชาติกว่า 98%
โดยพบว่ามียอดซื้อสุทธิกว่า 683.67 ล้านบาท
สอดคล้องกับที่ “ปริญญ์ พานิชภักดิ์” กรรมการผู้จัดการของ CLSA บอกก่อนหน้านี้ว่า นักลงทุนต่างชาติจะเริ่มทยอยกลับข้ามาซื้อในช่วงปลายปี และไปถึงต้นปีหน้า
พร้อมกับบอกว่า ต่างชาติยังมองหุ้นไทยในเชิงบวก
ยังให้ระดับน้ำหนักการลงทุนที่ดี
และผลตอบแทนของตลาดหุ้นไทยยังน่าสนใจ
มาดูตัวเลขซื้อขายของ บริษัทหลักทรัพย์เครดิต สวิส (ประเทศไทย) จำกัด หรือ CS
ก็พบเช่นกันว่า มียอด “ซื้อสุทธิ” เมื่อวานนี้กว่า 440 ล้านบาท
ส่วนรายของโบรกฯ UOBKHT ก็มียอดซื้อสุทธิ 124 ล้านบาท
ในรายของ CLSA และ CS หรือเครดิต สวิสฯ นั้น ถือเป็นโบรกฯต่างชาติรายใหญ่ในประเทศไทย จึงถือเป็นสัญญาณเชิงบวกของการกลับเข้ามาของฟันด์โฟลว์
วานนี้หุ้นในกลุ่ม SET 50 หลายตัวปรับขึ้นในช่วงท้ายตลาด
หุ้นธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ทั้ง แบงก์ไทยพาณิชย์(SCB) แบงก์กสิกรไทย(KBANK) และแบงก์กรุงเทพ(BBL) ราคาต่างดีดขึ้นกันพร้อมหน้า
สะท้อนให้เห็นว่า มีแรงซื้อเข้ามา ซึ่งน่าจะมีจากทั้งฝั่งของนักลงทุนสถาบัน ประเภทกองทุน
และรวมถึงแรงซื้อของฟันด์โฟลว์
หุ้นอย่าง ADVANC และ IVL ที่อยู่ในเป้าหมายของฟันด์โฟลว์ก่อนหน้านี้ ราคาก็ปรับขึ้นย่างมีนัยสำคัญ
โดยเฉพาะ IVL ที่ราคากระโดดขึ้นมา 1.00 บาท มาที่ 33.50 บาท เปลี่ยนแปลงถึง 3.08%
ส่วนหุ้นในกลุ่มน้ำมัน ก็มีแรงซื้อเข้ามาค่อนข้างมากเช่นกัน
และน่าจะเข้ามาเก็งกำไร ก่อนการประชุมของประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ หรือ กลุ่มโอเปกที่จะประชุมกันอย่างเป็นทางการในวันที่ 30 พ.ย.นี้ เพื่อหาข้อยุติการปรับลดเพดานการผลิตน้ำมันดิบ
มีประเด็นที่น่าสนใจหลังต่างชาติขายหุ้นไทยมา 23 วันติดต่อกัน หรือเริ่มจากวันที่ 21 ต.ค.59
ในวันนั้น ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวในกรอบแคบมาก
และดัชนีลงมาปิดที่ 1,500 จุด พอดี
และในรอบ 23 วันดังกล่าว ดัชนีเคยปิดตลาดลงไปต่ำสุดที่ระดับ 1,469 จุด หรือปรับลดลงไปเพียง 2%
ส่วนวานนี้ดัชนีปิดตลาดที่ 1,496.36 จุด หรือใกล้เคียงกับระดับดัชนีที่ฟันด์โฟลว์เริ่มเทขายวันแรกในรอบล่าสุด
ทว่า ราคาหุ้นในหลายตัวที่อยู่ในกลุ่ม SET50 และน่าจะเป็นหุ้นที่ต่างชาติขายออกมา ราคายังขยับขึ้นมาไม่มากนัก และหุ้นกลุ่มนี้ก็น่าจะเป็นเป้าหมายที่ต่างชาติน่าจะซื้อกลับ
เช่น SCB, KBANK, ADVANC, SCC และ AOT
และก็วานนี้อีก ที่มีข้อมูลข่าวดีของตลาดหุ้นไทย
ตลาดหลักทรัพย์ฯ โชว์ข้อมูลว่า ตลาดหุ้นไทยยังคงสร้างผลตอบแทนสูงสุดใน ASEAN-5 โดยปรับเพิ่มขึ้น 15%