TNR ยิ่งสูง ยิ่งหนาว
วันนี้ดูเหมือนนักลงทุนรายย่อยจะหันมาสนใจข้อมูลที่เป็นอดีตมากกว่าข้อมูลอนาคต ส่งผลให้การเข้าลงทุนในแต่ละรอบมักเกิดความระแวงขึ้นมาในใจเป็นประจำ จนเริ่มสูญเสียความมั่นใจในการลงทุนอย่างรวดเร็วนั้น ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้นักลงทุนไม่ค่อยประสบความสำเร็จในการลงทุน
สภาแมงเม่า : ดร.สมชาย
คุณศิรินยา จากอ่อนนุช กรุงเทพฯ พูดถึงหุ้นน้องใหม่ที่เพิ่งเข้าตลาดหุ้นไปหยกๆ อย่าง TNR หรือ บริษัท ไทยนิปปอนรับเบอร์อินดัสตรี้ จำกัด (มหาชน) เป็นอะไรที่น่าตื่นเต้นสำหรับมือใหม่อย่างพวกหนู จึงมักจะคล้อยตามไปกับอารมณ์ของหุ้นใหม่ๆ เป็นประจำ แต่เผอิญมีกลุ่มเพื่อนที่เล่นหุ้นด้วยกันส่งข้อมูลชวนอึ้งมาให้ดูก็พบว่า 1. TNR เป็นหุ้นที่ “ไม่มี” โครงการในอนาคต 2. TNR ระดมทุนเพื่อนำเงินส่วนใหญ่ไป “ชำระหนี้” 3. เจ้าหนี้รายใหญ่ของ TNR คือ ธนาคารกสิกรไทย(บล.กสิกรไทยเป็นคนขายหุ้น) จึงเริ่มรู้สึกกังวลมากขึ้นเรื่อยๆ และอยากให้อาจารย์พูดถึงสถานการณ์ของหุ้นตัวนี้ในอนาคตด้วยค่ะ
วันนี้ดูเหมือนนักลงทุนรายย่อยจะหันมาสนใจข้อมูลที่เป็นอดีตมากกว่าข้อมูลอนาคต ส่งผลให้การเข้าลงทุนในแต่ละรอบมักเกิดความระแวงขึ้นมาในใจเป็นประจำ จนเริ่มสูญเสียความมั่นใจในการลงทุนอย่างรวดเร็วนั้น ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้นักลงทุนไม่ค่อยประสบความสำเร็จในการลงทุน
เนื่องจากหลงลืมคีย์หลักของการซื้อหุ้นที่ว่าด้วยการทำกำไรให้ได้ทุกสถานการณ์ ซึ่งประเด็นดังกล่าวครอบคลุมถึงการลงทุนในหุ้นน้องใหม่ TNR หรือ บริษัท ไทยนิปปอนรับเบอร์อินดัสตรี้ จำกัด (มหาชน) ก็ต้องรู้จักหาช่องทางในการทำกำไรให้ได้เช่นกันครับ
ด้วยเหตุนี้อาจารย์ถึงไม่กังวลกับข้อมูลเก่าๆ ที่มีการส่งต่อกันเป็นทอดๆ เพราะประเด็นดังกล่าวไม่ได้ทำให้ราคาหุ้นอ่อนตัวลงอย่างฮวบฮาบในช่วงที่เข้ามาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นวันแรก และไม่ได้เป็นอุปสรรคสำหรับการทะยานขึ้นแต่อย่างใด
ถึงกระนั้นก็อยากให้นักลงทุนหันมามอง TNR ในสภาพปัจจุบันที่เป็นอยู่ และอยากให้มองข้ามไปยังอนาคต เพื่อจะได้มีข้อมูลประกอบการลงทุนที่แม่นยำ เพราะถ้ายึดติดกับข้อสงสัยที่มีต่อกลุ่มผู้บริหาร ทุกคนคงมองหุ้นตัวนี้ไม่ดีสักเท่าไหร่ ทั้งที่ความจริงที่เกิดขึ้นคือ หุ้นตัวนี้ทำกำไรได้อย่างแข็งแกร่ง
เพียงแต่อัตราการเติบโตของกำไรคงไม่โดดเด่นเหมือนกับธุรกิจอื่นๆ และผลดังกล่าวก็ทำให้นักลงทุนเริ่มเทขายหุ้นทำกำไร หลังราคาหุ้นที่ซื้อขายในระดับ 26 เท่า เป็นการซื้อขายที่ค่า P/E 34 เท่า ซึ่งตีความได้ว่า หากราคาหุ้นไต่ระดับขึ้นไปสูงกว่านี้ ก็จะเป็นการซื้อขายที่ใกล้เคียงกับระดับ P/E 40 เท่า และจะทำให้หุ้นตัวนี้หมดความน่าสนใจลงไปในทันทีอย่างแน่นอน
เนื่องจากการเติบโตของผลกำไรวิ่งไม่ทันราคาหุ้นในกระดาน ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้อาจารย์ฟันธงลงไปในทันทีว่า “ยิ่งสูง ยิ่งหนาว” เพราะเมื่อวิเคราะห์ในมุมต่างๆ ที่เกิดขึ้นอย่างเป็นระบบจะเห็นว่า TNR คงไม่ใช่ทางเลือกที่ดีสำหรับการลงทุนในเที่ยวนี้นะครับ
โดยข้อสรุปในข้างต้นก็จะสัมพันธ์โดยตรงกับข้อสงสัยทั้ง 3 ข้อที่นักลงทุนถามอาจารย์ จึงอยากให้นักเล่นใช้วิจารณญาณส่วนตัวตัดสินกันเอาเองว่า “ควรสนใจ” หรือ “ควรเลิกสนใจ” หุ้นขายทุกยางรายนี้!
…
กราฟประกอบข่าว Aspen, ราคาปิด ณ วันที่ 9 ธ.ค.59