“คนใน” กับ หุ้นแฉทุกวัน ทันเกมหุ้น

พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฉบับแก้ไขใหม่ที่มีวัตถุประสงค์หลักมุ่งแก้ปัญหาอินไซเดอร์เทรดดิ้ง หรือการใช้ข้อมูลวงในหากำไรจากราคาหุ้น ทั้ง "ปั่นหุ้น" หรือ "ทุบหุ้น" หรือ อื่นๆ เพื่อเอาเปรียบนักลงทุนรายอื่นๆ โดยมีเนื้อหาสาระที่เข้มข้นกว่าเดิม (แต่ยิ่งคลุมเครือมากกว่าเดิม เพราะเปิดทางให้ใช้ดุลยพินิจมากเหลือเกิน) มีผลใช้บังคับตั้งแต่วานนี้แล้ว หลังจากประกาศในราชกิจจานุเบกษาไปเรียบร้อย โรงเรียน ก.ล.ต.


พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฉบับแก้ไขใหม่ที่มีวัตถุประสงค์หลักมุ่งแก้ปัญหาอินไซเดอร์เทรดดิ้ง หรือการใช้ข้อมูลวงในหากำไรจากราคาหุ้น ทั้ง “ปั่นหุ้น” หรือ “ทุบหุ้น” หรือ อื่นๆ เพื่อเอาเปรียบนักลงทุนรายอื่นๆ โดยมีเนื้อหาสาระที่เข้มข้นกว่าเดิม (แต่ยิ่งคลุมเครือมากกว่าเดิม เพราะเปิดทางให้ใช้ดุลยพินิจมากเหลือเกิน) มีผลใช้บังคับตั้งแต่วานนี้แล้ว หลังจากประกาศในราชกิจจานุเบกษาไปเรียบร้อย โรงเรียน ก.ล.ต.

จากนี้ไปก็คงต้องรอว่าใครจะเป็นเหยื่อรายแรกของพ.ร.บ.หลักทรัพย์แก้ไขใหม่ 2559 ที่มีเนื้อหาบางส่วนพาดพิงไปถึงพ.ร.บ.แก้ไขฉบับ 2552 บางส่วนด้วย

งานนี้ คนที่หนาวๆ ร้อนๆ หนีไม่พ้นผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนทั้งหลายนั่นเอง ที่จะต้องระวังมากขึ้นกว่าเดิม เพราะอาจจะถูกข้อหา “ปากสว่าง” ที่ผิดกฎหมายนี้เข้าได้ง่ายๆ

ส่วนคนที่ยังทำตัวเป็น “ขอมดำดิน” ที่ชอบ “ทำโดยไม่ต้องพูด”  โดยเฉพาะผู้ถือหุ้นใหญ่ที่ชอบซื้อๆ ขายๆ หุ้นตัวเอง โดยไม่ยอมพูดอะไร เข้าข่าย “คนใน” ที่ซื้อขายหุ้นตัวเอง โดยอ้างว่าไม่ได้ใช้ “ข้อมูลที่ไม่ได้เปิดเผยกับสาธารณะ” (nonpublic information) เพื่อหาประโยชน์อย่างมิชอบ ก็ยังคงลอยนวลต่อไป…. เพราะไม่เข้าข่าย ผิดกฎหมายตามนิยามของ ก.ล.ต.

เป็นซะยังงั้น

ดังนั้น เราก็จะได้เห็นรายงานผู้ถือหุ้นรายใหญ่หรือผู้บริหารซื้อและขายหุ้นตัวเองต่อไปตามปกติ … ยกเว้น ผุ้บริหารของเครือ ป.ต.ท. ที่เคยประกาศกฎเหล็กหลายเดือนก่อนว่า ห้ามซื้อขายหุ้นบริษัทในเครือ ปตท.ทั้งหมด แต่ให้ไปซื้อขายหุ้นบริษัทอื่นแทน… ทำนอง ธรรมาภิบาลจ๋าาาาาา

กรณีศึกษาการซื้อขายหุ้นของตัวเองของผู้บริหารทั้ง 3 รายที่ยกมาให้เห็นต่อไปนี้ เป็นกรณีน่าสนใจว่า เป็นการซื้อขายอย่างเอาเป็นเอาตายอย่างมาก

นายขจรศิษฐ์ สิ่งสรรเสริญ ซื้อหุ้น MAX เมื่อ 2 ปีเศษด้วยต้นทุน 0.05 บาทต่อหุ้น แต่ไม่เคยประสบความสำเร็จจากการพยายามเทริ์นอะราวด์บริษัท จนล่าสุด หุ้นในมือโดยพฤตินัยเปลี่ยนมือไปสู่รายอื่นแล้ว พร้อมกับเปลี่ยนตัวผู้บริหาร ทำให้กลับมามีกำไรในไตรมาสสามจากกำไรพิเศษ แม้ว่ากำไรจากการดำเนินงานยังต้อง…. ร้องเพลงรอ

การขายหุ้นครั้งล่าสุด 2 ครั้งต่อเนื่อง รวม 1,025.39 ล้านหุ้น (ไม่บอกราคา) ของนายขจรศิษฐ์ แม้ได้ทำเหมือนเดิมก่อนหน้าที่เคยประกาศว่า “จะไม่ขายอีกแล้ว” (ซึ่งไม่มีความหมายอะไรเลย) จึงเป็นโจทย์ที่นักลงทุนรายอื่นที่ถือหุ้นMAX ต้องนำมาถอดรหัสกันเอาเอง

ส่วนนายสิทธิชัย (เสี่ยอ๋า) พรทรัพย์อนันต์ ที่หาทางออกจากความขัดแย้งกับหุ้นส่วนสำคัญ หมอวิชัย ถาวรวัฒนยงค์ ใน IFEC ตลอดปี 2559 ด้วยการทั้งซื้อ ขาย และ โอนออก  แต่รวมแล้วขายออกมากกว่าซื้อเข้า ก่อนจะมีข่าวลาออกจากตำแหน่งซีอีโอ ก็เป็นการจบตำนาน “ผีพุ่งไต้” อีกกรณีที่ทำให้แมงเม่าน้ำตาตกตามไปด้วยนับหมื่นแสนหยด

สุดท้าย.ล.ศานติดิศ ดิศกุล ที่นับแต่เดือนพฤศจิกายนเป็นต้นมา มีรายการโอนหุ้นออกให้ภรรยาคนสวย (ลูกสาวเสี่ยไมค์) และรับโอนกลับจำนวนเท่าเดิม กับซื้อแหลกต่อเนื่องชนิด “รักบริษัทมาก” กว่า 800 ล้านหุ้น แม้กิจการ TRITN (ที่รับตกทอดมาจากมือเสี่ยสอง วัชรศรีโรจน์ เจ้าเก่า) ยังขาดทุน ไม่ฟื้นง่าย น่าจะไม่ได้สะท้อนอะไรมากไปกว่า  “โชว์พาว” ของคนหนุ่มไฟแรง

ปรากฏการณ์อย่างนี้ ใครอยากสงสัยก็เชิญกันตามสบาย… แต่ไม่เกี่ยวกับผลประกอบการหรือราคาหุ้นเลย

การซื้อขายหุ้นตัวเองของ “คนใน” กับ การซื้อขายโดยให้ข้อมูลวงใน … ต่างกันด้วยประการฉะนี้

ทราบแล้วเปลี่ยน…. “อิ อิ อิ”

 

Back to top button