พาราสาวะถี อรชุน

เวทีรับฟังความเห็นของพรรคการเมืองต่อกฎหมายลูกว่าด้วยพรรคการเมืองของกรธ.ที่จัดกันไปวันวาน เป็นด่านวัดใจว่า มีชัย ฤชุพันธุ์ จะทำเป็นแค่พิธีกรรมหรือเป็นบทพิสูจน์ว่าเสียงของพรรคการเมืองโดยเฉพาะพรรคขนาดเล็กมีความหมายหรือไม่ในสายตาของคนในเรือแป๊ะ ขณะที่พรรคการเมืองซึ่งไม่ได้เข้าร่วมคงไม่ได้มีเจตนาเหมือนอย่างที่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้สัมภาษณ์สื่อหลังประชุมครม.และตอกย้ำอีกครั้งวันพรุ่งขึ้นในการมอบนโยบายจัดทำงบประมาณต่อหัวหน้าส่วนราชการ


เวทีรับฟังความเห็นของพรรคการเมืองต่อกฎหมายลูกว่าด้วยพรรคการเมืองของกรธ.ที่จัดกันไปวันวาน เป็นด่านวัดใจว่า มีชัย ฤชุพันธุ์ จะทำเป็นแค่พิธีกรรมหรือเป็นบทพิสูจน์ว่าเสียงของพรรคการเมืองโดยเฉพาะพรรคขนาดเล็กมีความหมายหรือไม่ในสายตาของคนในเรือแป๊ะ ขณะที่พรรคการเมืองซึ่งไม่ได้เข้าร่วมคงไม่ได้มีเจตนาเหมือนอย่างที่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้สัมภาษณ์สื่อหลังประชุมครม.และตอกย้ำอีกครั้งวันพรุ่งขึ้นในการมอบนโยบายจัดทำงบประมาณต่อหัวหน้าส่วนราชการ

หัวหน้าคสช.บอกว่าปลดล็อกพรรคการเมืองให้ทำกิจกรรมไม่ได้ เพราะพรรคการเมืองไม่ปลดล็อกตัวเอง ยังพูดจาให้ความขัดแย้ง ขนาดกรธ.เชิญมาแสดงความคิดเห็นยังไม่ยอมเข้าร่วม สรุปแล้วนี่ท่านพูดเอาแต่ได้อย่างนี้เลยหรือ ในเมื่อต้องการความเห็นของพรรคการเมือง ทั้งๆ ที่ยังติดล็อกประชุมหรือทำกิจกรรมไม่ได้ แล้วสิ่งที่เสนอไปมันจะเป็นมติของพรรคได้อย่างไร

กลายเป็นตรรกะวิบัติอีกประการ ยิ่งเถียงไปมาก็ไม่มีวันจบ ด้วยกฎหมายพิเศษอันเด็ดขาดท่านก็ทุบโต๊ะว่าจะให้ยึดความมั่นคงหรือความถูกต้องที่ให้พรรคการเมืองประชุมแล้วมาเสนอกรธ. ของพรรค์นี้มันอยู่ที่เจตนาและความจริงใจ หากเชื่อมั่นว่าตนเองมีอำนาจสั่งการได้ทุกอย่าง ก็สามารถเปิดพื้นที่ในบางเรื่อง เพื่อให้เกิดกระบวนการการมีส่วนร่วมมากที่สุด

ในเมื่อเลือกที่จะปิด (ปาก) อันเห็นได้เด่นชัดตั้งแต่การทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญ ดังนั้น หากมีใครถามเรื่องปลดล็อกก็อย่าได้โมโหหรือใช้อาการแถ แล้วโยนความผิด โทษนั่นโทษนี่ เพราะพฤติกรรมเช่นนั้นปล่อยให้นักการเมืองที่พวกท่านรังเกียจใช้ไปดีกว่า เมื่ออาสาที่จะเข้ามาเป็นกรรมการ เป็นคนเคลียร์ทุกปัญหา ก็ต้องทำใจให้กว้าง ปล่อยวางให้มาก แต่สิ่งที่เห็นและเป็นไปมันกลับตรงข้ามทั้งหมด

เหมือนกฎหมายพรรคการเมือง ดิเรก ถึงฝั่ง อดีตสมาชิกสปช.และอดีตส.ว.นนทบุรี สะท้อนภาพได้ตรงจุด ตรงประเด็น โดยหลักพรรคการเมืองต้องตั้งง่าย ให้ประชาชนมีส่วนร่วมทุกภูมิภาค ทุกระดับสาขาอาชีพ แต่หลายมาตราในร่างกฎหมายนี้ขัดหลักการ เช่น การกำหนดต้องให้สมาชิกพรรคจ่ายเงิน 100 บาทต่อปี เพิ่มสมาชิกพรรคให้ได้ 20,000 คนภายใน 4 ปี

มิหนำซ้ำ ทั้งมีชัยและกรธ.อย่าง ปกรณ์ นิลประพันธุ์ ยังพูดในลักษณะมองไม่เห็นหัวประชาชนคนมีรายได้น้อยว่า เงินร้อยบาทหากจ่ายให้กับค่าสมาชิกพรรคไม่ได้ก็คงอยู่ยากกันแล้ว ขณะที่ประธานกรธ.ก็บอกว่าเงิน 2 พันบาทไม่ได้มากมายอะไร ถ้ามองในมุมของคนที่รับเงินหลายทางและมีอันจะกินอย่างมีชัยและปกรณ์อาจใช่

แต่ในฐานะประชาชนหาเช้ากินค่ำหรือตาสียายมียายมา หากประสงค์จะตั้งพรรคการเมืองเพราะถือเป็นสิทธิที่จะทำได้เงินจำนวน 2 พันบาทถามว่ามากเกินไปไหม เช่นเดียวกับเงิน 100 บาทสำหรับคนจนมีความสำคัญและจำเป็นมาก ไม่ใช่ใช้ตรรกะมักง่ายเหมือนอย่างปกรณ์เปรียบเทียบว่าทีไปซื้อเบียร์ 3 ขวดร้อยยังทำได้ จะเอาคนที่สนใจมีส่วนร่วมกับพรรคการเมืองไปเปรียบเทียบกับคนประเภทนั้นหรือ

ถูกต้องแล้วในมุมของดิเรกในฐานะอดีตผู้ว่าราชการจังหวัดที่คลุกคลีกับประชาชนมาโดยตลอด ที่จะช่วยสะท้อนว่า เงินจำนวนนี้เหมือนจะไม่มาก แต่คนที่ไม่มีคือไม่มี ต้องเข้าใจว่าคนจนก็มีอุดมการณ์ แต่แค่ไม่มีเงิน ถ้าเอาเงินเป็นตัวตั้ง พรรคการเมืองจะมีสมาชิกคนรวย แต่ขาดกลุ่มชาวบ้านภูธรในพื้นที่ เป็นพรรคขัดหลักการมีส่วนร่วมของประชาชน ขจัดนายทุนครอบงำพรรคไม่ได้

ต้องให้ประชาชนเข้ามาร่วมด้วยนโยบายพรรคโดนใจ ได้ประโยชน์อะไรเมื่อสนับสนุนพรรคคุณเป็นรัฐบาล เป็นผู้ปกครองประเทศ ถ้าคนระดับล่างยังยากเข็ญ ประเทศพัฒนาไม่ได้ นี่คือหัวใจสำคัญและเป็นความเข้าใจประชาชนในฐานะคนที่สัมผัสกับปัญหาและความเดือดร้อนมาตลอดชีวิตการรับราชการ ไม่ใช่จินตนาการหรือวาดฝันเอาแบบพวกทำงานในห้องแอร์

ส่วนการกำหนดโทษรุนแรงนั้น ดิเรกเห็นว่ายิ่งแรงยิ่งดีสำหรับพวกทำทุจริต แต่ไม่ควรเหมารวมรุนแรงถึงขนาดทำผิดรายคนแต่ยุบทั้งพรรคเหมือนอดีต จะไม่มีใครได้ผุดได้เกิด จะเกิดการกลั่นแกล้งมีคดีให้สอบสวนกันไม่หวาดไหว วันนี้คนไทยยังแย่งอำนาจกันอยู่ การกลั่นแกล้งมันต้องเกิดแน่ คนอิจฉาริษยาจะมีวิธีกลั่นแกล้งแยบยลทุกที

บทสรุปของดิเรกยิ่งน่าสนใจ คำพูดพลเอกประยุทธ์ที่อยากให้ร่างรัฐธรรมนูญเป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์และสากลเป็นเรื่องดี แต่เมื่อดูรายละเอียดกฎหมายพรรคการเมืองคงไม่ได้ดั่งใจหัวหน้าคสช.แน่ ผิดมาตั้งแต่ร่างรัฐธรรมนูญแล้ว ที่อำนาจไม่ได้มาจากประชาชนอย่างแท้จริง ถ้าเปรียบเหมือนตัวคน มีหู ตา จมูก แขน ขา ลำตัวสมบูรณ์แบบหมดแต่หัวใจมันรั่ว

หัวใจคืออำนาจที่มาจากประชาชน มันไม่ได้มาจากประชาชนอย่างแท้จริง พอหัวใจรั่ว เป็นโรคหัวใจก็ตายไม่รอดแน่ มีชีวิตอยู่ไม่ได้นานหรอก มาวางยาแรงไล่หลัง ถ้าไม่ถูกหลัก ก็เข้าวังวนเกิดรัฐประหารอยู่ดี นี่คือความเห็นของคนที่มองปัญหาอย่างเข้าใจ ไม่ได้วิจารณ์ในมิติของความเป็นนักการเมือง เพียงแต่ว่า ผู้คนในเรือแป๊ะและแป๊ะ เห็นปัญหาอย่างนั้นหรือไม่ หรือว่าเห็นแล้วแต่อคติบังตามันเลยทำให้ต้องทำอะไรที่ผิดเพี้ยน บิดเบี้ยวไปจากโลกแห่งความเป็นจริง

ติดค้างกันไว้ว่าด้วยประเด็นพรรคเพื่อไทย อะไรก็คือปัจจัยที่จะทำให้พรรคแตกสลาย ไม่ใช่เรื่องพลังดึงดูดจะด้วยถูกอำนาจบางอย่างบังคับขู่เข็ญหรือผลประโยชน์เป็นตัวล่อใจ หากแต่ตัวชี้วัดที่สำคัญอยู่ที่การเลือกผู้นำ ตามการข่าวที่ยืนยันค่อนข้างจะแน่ชัดวันนี้ ทักษิณ ชินวัตร ได้ชี้นิ้วเลือกไปที่ สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ จะให้ขึ้นมากุมบังเหียนสู้ศึกเลือกตั้งครั้งหน้า

เท่านั้นแหละ สัญญาณวงแตกเริ่มกระหึ่มภายในพรรคนายใหญ่ มีข่าวว่าแกนนำหลายมุ้งเริ่มคิดถึงการตั้งพรรคการเมืองใหม่ แต่ที่เจ็บใจและไม่น่าจะยอมรับคงเป็นกลุ่มของ เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ เนื่องจากรับรู้กันทั้งภายในและภายนอกว่าสองเจ๊รับประทานเกาเหลากันอยู่ เมื่อเป็นเช่นนั้น จึงขึ้นอยู่กับว่า นายใหญ่จะใช้อะไรมาหว่านล้อมทั้งน้องสาวและเหล่าแกนนำมุ้งให้อยู่ร่วมกันให้ได้

นั่นหมายความว่าสองพรรคการเมืองคู่แค้น ที่ว่ากันว่ามีความพร้อมสำหรับการสู่สนามเลือกตั้งมากที่สุด แต่เอาเข้าจริง จะต้องเขย่าขยับและปรับเปลี่ยนกันขนานใหญ่ หนึ่งพรรคต้องปรับเพราะเกิดการแบ่งขั้วที่เห็นต่างกันอย่างสิ้นเชิง อีกหนึ่งพรรคไม่ได้เห็นต่างแต่มากไปด้วยผลประโยชน์ที่แต่ละกลุ่มละมุ้งต้องจัดสรรปันส่วนกันให้ลงตัว นี่ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ผู้มีอำนาจและบริวารมองเห็น เพียงแต่ว่าจะใช้กลยุทธ์ใดดึงคนที่จะไม่สมประโยชน์เหล่านั้นมาเป็นพวก เพื่อก้าวไปสู่เป้าหมายสืบทอดอำนาจให้ดูสง่างาม

Back to top button