JMART มีเอี่ยวรับช้อปช่วยชาติ
คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจช่วงปลายปีแล้ว โดยเปิดให้ผู้เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสามารถนำใบเสร็จรับเงินเต็มรูปแบบจากการซื้อสินค้าและบริการตามที่ใช้จ่ายจริงระหว่างวันที่ 14-31 ธ.ค. 2559 มาหักลดหย่อนภาษีได้ไม่เกินมูลค่าจ่ายจริง 15,000 บาท (ช้อปช่วยชาติ)
–คุณค่าบริษัท–
คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจช่วงปลายปีแล้ว โดยเปิดให้ผู้เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสามารถนำใบเสร็จรับเงินเต็มรูปแบบจากการซื้อสินค้าและบริการตามที่ใช้จ่ายจริงระหว่างวันที่ 14-31 ธ.ค. 2559 มาหักลดหย่อนภาษีได้ไม่เกินมูลค่าจ่ายจริง 15,000 บาท (ช้อปช่วยชาติ)
ทั้งนี้ ไม่รวมถึงสินค้าและบริการที่ไม่เข้าข่ายยกเว้นภาษี อันได้แก่ สุรา เบียร์ ไวน์ เครื่องดื่มที่มีแอลกฮอล์ รถยนต์ รถจักรยานยนต์ ค่าเชื้อเพลิง ทั้งก๊าซและน้ำมัน ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ ค่าโรงแรมและที่พัก ค่าไกด์นำเที่ยว ซึ่งใน 2 ส่วนหลังได้รวมอยู่มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวซึ่ง ครม.ได้อนุมัติไปก่อนหน้านี้
ถือเป็นประเด็นบวกต่อ บริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) หรือJMARTโดยคาดว่ามาตรการดังกล่าวจะช่วยให้ธุรกิจหลัก คือ จำหน่ายโทรศัพท์มือถือ มียอดขายงวดไตรมาส 4 ปี 59 ที่เพิ่มขึ้นกว่าช่วงไตรมาสปกติ และยังน่าจะเติบโตขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มาตรการช็อปช่วยชาติครอบคลุมระยะเวลาราว 7 วัน เทียบกับปีนี้ที่ยาวถึง 18 วัน
นอกจากนี้ นักวิเคราะห์คาดว่าจะส่งผลบวกทางอ้อมต่อธุรกิจอื่นๆในกลุ่มด้วย อาทิ J Fin Tech (ถือหุ้น 90%) ผู้ให้บริการปล่อยสินเชื่อเพื่อการบริโภคที่คาดสามารถเพิ่มยอดให้กู้ยืมตามการขายที่มีมากขึ้นและน่าจะปล่อยสินเชื่อเป็นไปตามเป้าหมายสิ้นปีที่ 2.0 พันล้านบาทได้ไม่ยาก (เพิ่มขึ้นจาก 1.8 พันล้านบาท ณ สิ้นสุด ไตรมาส 3 ปี 59) ซึ่งคาดช่วยให้ธุรกิจดังกล่าวพลิกจากขาดทุนราว 25 ล้านบาทในงวดไตรมาส 3 ปี 59 มาอยู่ในระดับคุ้มทุนช่วงสิ้นปีนี้ได้
ขณะที่ผลการดำเนินงานในไตรมาส 3 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2559 บริษัทมีรายได้จากการขายและบริการรวมขยับขึ้นมาอยู่ที่ 2,600.86 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อน 2,369.11 ล้านบาท เป็นรายได้จากการขายสินค้าเพิ่มขึ้น รายได้จากการติดตามหนี้สินและบริการอื่นเพิ่มขึ้น และรายได้ค่าเช่าเพิ่มขึ้น ส่งผลให้บริษัทมีกำไรขยับขึ้นมาอยู่ที่ 108.63 ล้านบาท หรือ 0.17 บาทต่อหุ้น จากงวดเดียวกันของปีก่อน 88.22 ล้านบาท หรือ 0.14 บาทต่อหุ้น
ส่วนผลการดำเนินงานงวดเก้าเดือน สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2559 บริษัทมีรายได้จากการขายและบริการรวมขยับขึ้นมาอยู่ที่ 7,454.18 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อน 6,577.84 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทมีกำไรขยับขึ้นมาอยู่ที่ 299.75 ล้านบาท หรือ 0.48 บาทต่อหุ้น จากงวดเดียวกันของปีก่อน 211.64 ล้านบาท หรือ 0.34 บาทต่อหุ้น
ทั้งนี้ทั้งนั้น นักวิเคระห์ บล. เอเซีย พลัส จึงยังเชื่อว่ากำไรสุทธิปีนี้ของ JMART งวดไตรมาส 4 ปี 59 จะออกมาโดดเด่น หนุนทั้งปีนี้จะเติบโตได้ราว 36.5% และเพิ่มขึ้นอีก 18% ในปีหน้า (จากผลบวกของธุรกิจ J Fin Tech ที่คาดว่าจะพลิกมีกำไรในปีหน้า) กอปรกับ ราคาปัจจุบันยังมี Upside ลงทุนอีก 12% และยังคาดหวังอัตราส่วนเงินปันผลตอบแทนได้เกือบ 5% ต่อปี จึงยังคงคำแนะนำ “ซื้อ”ราคาเป้าหมาย 14 บาท
…
ผู้ถือหุ้นรายใหญ่
1.นายอดิศักดิ์ สุขุมวิทยา 77,925,618 หุ้น 14.86%
2.น.ส.ยุวดี พงษ์อัชฌา 61,338,205 หุ้น 11.70%
3.นายเอกชัย สุขุมวิทยา 49,450,000 หุ้น 9.43%
4.น.ส.จุฑามาศ สุขุมวิทยา 41,619,697 หุ้น 7.94%
5.นายจิตติพร จันทรัช 11,694,200 หุ้น 2.23%
รายชื่อกรรมการ
1.นาย พิศณุ พงษ์อัชฌา ประธานกรรมการ
2.นาย อดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
3.นาย อดิศักดิ์ สุขุมวิทยา กรรมการ
4.น.ส. ยุวดี พงษ์อัชฌา กรรมการ
5.นาง มณี สุนทรวาทิน กรรมการ