วอลุ่มหายโมนิก้าและทีมงาน

*ทุกครั้งที่เข้าใกล้เทศกาลเฉลิมฉลอง และมีวันหยุดยาวทีไร บรรยากาศการลงทุนมักแห้งเหี่ยวเป็นประจำทุกปี การเคาะขวารัวๆ จะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นน้อยมาก ยกเว้นหุ้นบางตัวที่มีเจ้ามือคอยกำกับดูแลอย่างใกล้ชิด มักจะทะยานขึ้นแรงสวนทางชาวบ้านหน้าตาเฉย “โมนิก้า” ถึงชอบแนะนำให้แฟนคลับเริ่มปรับพอร์ตเพื่อความคล่องตัวสำหรับการลงทุนในปีหน้าไงล่ะค่ะ


*ทุกครั้งที่เข้าใกล้เทศกาลเฉลิมฉลอง และมีวันหยุดยาวทีไร บรรยากาศการลงทุนมักแห้งเหี่ยวเป็นประจำทุกปี การเคาะขวารัวๆ จะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นน้อยมาก ยกเว้นหุ้นบางตัวที่มีเจ้ามือคอยกำกับดูแลอย่างใกล้ชิด มักจะทะยานขึ้นแรงสวนทางชาวบ้านหน้าตาเฉย “โมนิก้า” ถึงชอบแนะนำให้แฟนคลับเริ่มปรับพอร์ตเพื่อความคล่องตัวสำหรับการลงทุนในปีหน้าไงล่ะค่ะ

*สาเหตุที่ทำให้น้องโมคิดเช่นนั้นมาจากประสบการณ์ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวร่วมทศวรรษ จึงรู้สึกชินกับเรื่องราวเดิมๆ ที่มักจะเกิดขึ้นในช่วงปลายปี ซึ่งบางปีอาจมีความแตกต่างกันบ้างนิดๆ หน่อยๆ แต่ภาพใหญ่ยังเป็นลักษณะขายหุ้นเพื่อไปเที่ยวเป็นหลัก และจะกลับเข้ามาซื้อหุ้นอีกครั้งในช่วงต้นปีหน้า จึงไม่ควรเล่นเกมรุกในจังหวะที่คนอื่นถอยไปตั้งรับกันหมดนะคะ

*เนื่องจากจะไม่มีใครตามไปเล่นเป็นเพื่อน และจะทำให้ตัวเองรู้สึกหงอยเหงา โดยเรื่องนี้เห็นได้จากอาการกวัดแกว่งไปมาของดัชนี ก่อนจะลงเอยที่ระดับ 1,508.57 จุด ลบไป 3.08 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.46 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นมูลค่าการซื้อขายที่เบาบางสุดในรอบ 1 เดือน เท่ากับเป็นการสะท้อนอารมณ์ “ง่วงเหงา…หาวนอน” กำลังปกคลุมตลาดหุ้นไทยในขณะนี้เจ้าค่ะ

*ด้วยเหตุนี้อย่าไปฝากความหวังอะไรทั้งสิ้นกับตลาดหุ้นไทย เพราะมันไม่มีตัวเร่งให้นักลงทุนอยากซื้อหุ้นจนตัวสั่น และผลดังกล่าวก็ทำให้หุ้นเคลื่อนตัวไปคนละทิศคนละทาง “โมนิก้า” ถึงอยากให้แฟนคลับเพิ่มความไวในการเคาะสักนิดหนึ่ง (หากต้องการเล่นตามกระแส) เพราะสเต็ปการขึ้นของหุ้นในเที่ยวนี้ค่อนข้างสั้น จึงไม่ควรทะเล่อทะล่าเข้าหุ้นที่ไม่รู้จักหัวนอนปลายตีนพะยะค่ะ

*เหมือนกับขบวนโหดอย่าง GL โดนลาก…โดนทุบ จนสังคมเบื่อหน่ายก็จริง แต่ทุกครั้งที่มีการไล่หุ้นกลับขึ้นมาอีกครั้ง ก็ไม่เห็นมีใครร้องทักสักแอะแบบนี้ “โมนิก้า” ถึงเชื่อว่า ในไม่ช้าก็คงโดนเรียกไปปรับทัศนคติอย่างแน่นอน เพราะเป็นเกมหุ้นที่โฉ่งฉ่างกันมากเกินไป แต่ถ้าทำถูกกฎกติกามารยาท อันนี้ลอยตัวอยู่เหนือความขัดแย้งกันเห็นๆ และทุกคนจะลืมอาการทรุดตัวลงมาที่ 50.25 บาท แล้วเด้งกลับขึ้นมาปิดที่ 59.25 บาท ลบไป 0.25 บาท ด้วยมูลค่า 4.97 พันล้านบาทในทันทีเจ้าค่ะ

*เช่นเดียวกับในรายของ STA ทำท่าอ่อนเป็นขี้ผึ้งลนไฟได้ไม่ทันไร วานนี้กลับแสดงอาการฟิตปึ๋งปั๋งผิดปกติ พร้อมกับกระโจนขึ้นมาปิดที่ 21 บาท บวกไป 0.90 บาท หรือขึ้นไป 4.50% ด้วยมูลค่า 492 ล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นสถานการณ์ที่ต้องทำความเข้าใจกันอีกสักนิดหนึ่งว่า ราคายางที่ขึ้นมาแถว 70-80 บาท เพิ่มแวลูให้หุ้นตัวนี้มากขนาดไหน? หุ้นก็จะไปเท่านั้นแหละค่ะ

*เม้าท์ถึงหุ้นตัวเดิมๆ “โมนิก้า” เริ่มรู้สึกเบื่อๆ เซ็งๆ จึงขอกระชากอารมณ์ด้วยการเม้าท์ถึงหุ้นนอกกระแสอย่าง EASON เพื่อบอกเล่าการไล่ราคาหุ้นแบบสุดลิ่มทิ่มประตู จนหุ้นขึ้นมาปิดที่ 3.70 บาท บวกไป 0.22 บาท หรือขึ้นไป 6.30%  ด้วยมูลค่า 214 ล้านบาท เขาเชื่อกันว่า การเข้าไปถือหุ้น APCON (บริษัทนอกตลาดหุ้น) ในสัดส่วน 14.28% ด้วยเงินลงทุน 300 ล้านบาท จะทำให้กำไรเพิ่มขึ้นในทางอ้อม และจะทำให้แวลูของหุ้นเพิ่มขึ้นนะจะบอกให้

*ส่วนในรายของ POLAR ถือเป็นช็อตที่นักลงทุนต้องตามไปดูกันเอาเองเช่นกัน เพราะการที่หุ้นกระชากขึ้นมาปิดที่ 0.16 บาท บวกไป 0.03 บาท หรือขึ้นไป 23% ด้วยมูลค่า 143 ล้านบาท มันเป็นผลพวงมาจากการปลด SP หุ้นถึงมีอาการลิงโลดสุดๆ บวกกับผลงานก็ออกมาค่อนข้างดี ทุกอย่างเลยดูเป็นสีเขียวไปหมด ส่วนจะยืนระยะได้นานขนาดไหน?…อันนี้ต้องว่ากันไปทีละช็อตเจ้าค่ะ

*ประเด็นดังกล่าวคล้ายคลึงกับอาการของ KSL กลับมาได้รับความสนใจอีกรอบนั้น มันเกิดจากราคาน้ำตาลในตลาดโลกสูงขึ้น หุ้นถึงขยับออกจากฐานแนวรับ 4 บาท ขึ้นไปทำจุดสูงสุดไว้ที่ 6 บาท ต่อจากนั้นก็โรยตัวลงมาต่ำกว่า 5 บาท จนวานนี้เด้งกลับขึ้นมาปิดที่ 5.30 บาท บวกไป 0.25 บาท ขึ้นไป 5% ด้วยมูลค่า 260 ล้านบาท มันเป็นเกมที่ต้องดูกันแบบวันต่อวัน ไม่จำเป็นต้องคิดเยอะ…น้องโมขอร้อง!

*เหมือนกับในรายของ SR หากดูแพทเทิร์นการทำราคาให้อยู่บนเส้น 200 วัน ตั้งแต่ต้นเดือนพ.ย. ที่บริเวณ 2.14 บาท เรื่อยมาจนวานนี้หุ้นขึ้นมาปิดที่ 3.24 บาท บวกไป 0.24 บาท หรือขึ้นไป 8% ด้วยมูลค่า 180 ล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นกิมมิคที่น่าสนใจไม่ใช่น้อย แถมเส้นแนวรับดังกล่าวยังตั้งชันแบบ 45 องศา จึงเชื่อได้ว่า ยังมีโอกาสเคาะขวาตามไปเรื่อยๆ นะจ๊ะ

*ไหนๆ ก็เล่นกันบนความหวาดเสียว “โมนิก้า” ขอแถมหุ้นต่ำบาทขาแว้นอย่าง TSF ไว้เป็นทางเลือกในยามเหงาก็แล้วกัน ล่าสุดเห็นหุ้นวิ่งขึ้นมายืนอยู่ที่ 0.36 บาท บวกไป 0.02 บาท หรือขึ้นไป 5.90% ด้วยมูลค่า 88 ล้านบาท มันเป็นเกมที่ล่อแมงเม่าให้เข้ามาดีเหลือเกิน เพราะสเต็ปการขึ้นค่อนไปในลักษณะ “ดันแรง ปล่อยร่วง” จึงกลายเป็นช็อตที่เร้าใจดีเหลือเกิน…อิอิอิ

Back to top button