เจาะรายตัวโมนิก้าและทีมงาน
*วานนี้เป็นอีกครั้งที่บรรยากาศการลงทุนมีลักษณะแห้งเหี่ยวลงไปเรื่อยๆ จนผู้เล่นเริ่มผละหน้าหนีจากกระดานหุ้นไปทีละรายสองราย จนในที่สุดดัชนีก็ทำได้แค่เพียงประคองตัวปิดที่ 1,504.12 จุด ลบไป 4.45 จุด ท่ามกลางมูลค่าการซื้อขาย 2.70 หมื่นล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นเรื่องที่นักลงทุนคงเริ่มชินตากันบ้างแล้ว และในสัปดาห์หน้าก็คงเห็นบรรยากาศที่ซบเซาเช่นนี้อีกครั้งนะจ๊ะ
*วานนี้เป็นอีกครั้งที่บรรยากาศการลงทุนมีลักษณะแห้งเหี่ยวลงไปเรื่อยๆ จนผู้เล่นเริ่มผละหน้าหนีจากกระดานหุ้นไปทีละรายสองราย จนในที่สุดดัชนีก็ทำได้แค่เพียงประคองตัวปิดที่ 1,504.12 จุด ลบไป 4.45 จุด ท่ามกลางมูลค่าการซื้อขาย 2.70 หมื่นล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นเรื่องที่นักลงทุนคงเริ่มชินตากันบ้างแล้ว และในสัปดาห์หน้าก็คงเห็นบรรยากาศที่ซบเซาเช่นนี้อีกครั้งนะจ๊ะ
*ด้วยเหตุนี้ถึงต้องคัดหุ้นที่จะเล่นเป็นรายตัว หลังเห็นกันอย่างแจ่มแจ้งแดงแจ๋ว่า ช่วงนี้มีแรงขายออกมาอย่างต่อเนื่อง จนดัชนีอาจต้านทานไว้ไม่ไหว และมีสิทธิ์ที่รูดหลุดแนวรับ 1,500 จุดทุกเมื่อ “โมนิก้า” ถือเป็นเรื่องที่ต้องทำใจยอมรับโดยไม่มีข้อแม้อีกครั้ง เพราะองค์ประกอบหลายอย่างไม่เอื้อต่อการลงทุน การเทขายหุ้นเพื่อลดความเสี่ยง จึงเป็นทางออกที่สุดในเวลานี้ไงล่ะค่ะ
*ที่สำคัญเมื่อดูจากอาการร้อนรนของเหล่านักเล่นจะเห็นว่า ทุกคนพร้อมจะถอยฉากเพื่อไปทำอย่างอื่นเป็นการฆ่าเวลาชั่วคราว ผู้เล่นก็ไม่จำเป็นต้องฝืนอะไรอีกต่อไป เพราะจังหวะนี้เป็นช็อตของการขายไปเที่ยวแบบไม่ต้องคิดหน้าคิดหลัง เพราะการลงทุนทุกอย่างถูกเซ็ทไว้เป็นปี 60 และรายละเอียดดังกล่าวจะแจ่มชัดขึ้นเรื่อยๆ หลังจากผ่านช่วงกลางเดือนม.ค. นะจะบอกให้
*ประเภทมาแรงแซงทางโค้ง แถมทุกคนให้ความสนใจเป็นพิเศษ คงต้องยกให้ LPN ไต่ระดับขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนสุดท้ายขึ้นมายืนอยู่ที่ 11.90 บาท บวกไป 0.30 บาท หรือขึ้นไป 2.60% ด้วยมูลค่า 300 ล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นการแหวกกระแสขึ้นมาโชว์เพาเวอร์ที่น่าสนใจ และถ้ามองตามสัญญาณเทคนิคก็บอกได้ทันทีว่า แนวต้านถัดไปอยู่ที่ 12.40 บาท จึงเป็นช็อตที่ตามน้ำสั้นๆ ได้อีกนิดหนึ่งค่ะ
*ส่วนในรายของ TISCO ถือเป็นทีเด็ดที่แบบ ชุดใหญ่…ไฟกระพริบ หุ้นถึงไต่ระดับขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนสุดท้ายมาปิดที่ 58 บาท บวกไป 1.25 บาท หรือขึ้นไป 2.20% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 750 ล้านบาท ซึ่งเป็นการซื้อขายบน P/E 10 เท่า มองจากมุมไหน ด้านไหน ก็ยังอยู่ในโหมดของการยกตัวสูงขึ้นอย่างถาวร “โมนิก้า” ถึงเชื่อว่า หุ้นจะไต่ระดับขึ้นไปอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ
*หุ้นอีกหนึ่งตัวที่มีแบ็คกราวด์เรื่องกลุ่มทุนใหม่เข้ามาช่วยเสริมความแข็งแกร่ง “โมนิก้า” คงต้องหันไปมองหุ้นทีเด็ดอย่าง TICON หลังแอบขึ้นมาเรื่อยๆ จนวานนี้ขึ้นมายืนอยู่ที่ 17.10 บาท บวกไป 0.60 บาท หรือขึ้นไป 3.60% ด้วยมูลค่า 250 ล้านบาท มันเป็นเรื่องของความเชื่อมั่นที่มีต่อกลุ่มเบียร์ช้างล้วนๆ แถมที่ผ่านมาหุ้นในเครือนี้ก็กระฉูดทุกรายนะจะบอกให้
*ส่วนในรายของหุ้นสุดเลิฟอย่าง FN ยังคงเป็นช็อตที่น่าตามไปดูเหมือนเดิม หลังหุ้นยกตัวสูงขึ้นเรื่อยๆ จนล่าสุดขึ้นมายืนอยู่ที่ 8.20 บาท บวกไป 0.45 บาท หรือขึ้นไป 5.80% ด้วยมูลค่า 150 ล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นสถานการณ์ที่ไม่ได้อยู่เหนือความคาดหมาย เพราะของมันเห็นกันอย่างทนโท่อยู่แล้วว่า ตั้งแต่เริ่มเปิดรายการช้อปช่วยชาติ ตัวเลขรายได้เติบโตอย่างมีนัยสำคัญขนาดไหนนะซี
*สำหรับในรายของ WICE ถือเป็นด่านทดสอบสำหรับพวกมือไวใจกล้า ที่สำคัญยังพร้อมลุยแม้วันมามาก หลังหุ้นทะยานขึ้นมายืนอยู่ที่ 3.74 บาท บวกไป 0.28 บาท หรือขึ้นไป 8% ด้วยมูลค่า 195 ล้านบาท ซึ่งอาจเป็นระดับที่ค่อนข้างสูง แถมรอบก่อนหน้านี้ก็ไม่สามารถฝ่ากระแสขึ้นไปปิดเหนือแนวต้าน 4 บาท เที่ยวนี้ถึงเป็นการวัดกำลังภายในว่า แข็งจริงอ่ะป่าวตัวเอง
*เหมือนกับในรายของ SPACK กระชากขึ้นแรงมาระยะหนึ่ง แต่ยังไม่เฉลยให้ชาวหุ้นได้รู้ว่า มีอะไรในกอไผ่หรือเปล่า? “โมนิก้า” ถึงอยากให้แฟนคลับลองคิดตามอีกสักครั้งว่า จากหุ้นที่ต่ำเรียด 2 บาทนานเป็นปี จู่ๆ ดันมีการไล่ราคาอย่างหูดับตับไหม้ พร้อมกับเกิดปรากฏการณ์ “ลากๆ ทุบๆ” จนวานนี้หุ้นขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ 3.16 บาท สุดท้ายอ่อนตัวลงมาปิดที่ 2.80 บาท บวกไป 0.22 บาท หรือขึ้นไป 8.50% ด้วยมูลค่า 125 ล้านบาท มันมีอะไรผิดปกติไหมล่ะค่ะ
*ส่วนในรายของ AS ออกมาประกาศชัดว่า ปี 60 กลับมาทำกำไร หลังเกมที่เปิดตัวในต่างประเทศได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม จนติดท็อปชาร์ตอันดับ 2 แบบชิวๆ คือตัวแปรที่ทำให้หุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 3.14 บาท บวกไป 0.44 บาท หรือขึ้นไป 16.30% ด้วยมูลค่า 89 ล้านบาท พร้อมกับเปิดแก๊ปไว้ค่อนข้างกว้าง ทั้งที่สัปดาห์ก่อนยืนซึมแถว 1.50 บาท “โมนิก้า” มองเป็นจังหวะของการ take profit ออกไปบางส่วนแล้วล่ะค่ะ
*เช่นเดียวกับในรายของ JMART วิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่กลางเดือนพ.ย. จนวานนี้ยังขยับขึ้นมาปิดที่ 14.90 บาท บวกไป 0.60 บาท หรือขึ้นไป 4.20% ด้วยมูลค่า 160 ล้านบาท ทั้งที่ก่อนหน้านี้ยืนอยู่แค่ 10.50 บาท พร้อมกับให้รีเทิร์น 40% น้องโมคิดว่า น่าจะถึงเวลาเทขายหุ้นทำกำไรออกไปบางส่วนเช่นกัน เพราะคติของการลงทุนในช่วงนี้ต้องยึดหลักกำไรน้อยๆ แต่กำไรนานๆ นะคะ
*ป.ล.วันนี้มีหุ้นให้เลือกเล่นหลากหลายก็จริง แต่ต้องรู้จักรักษาระเบียบวินัยในการลงทุน เพื่อจำกัดความเสี่ยงในการลงทุนด้วยนะคะ