ปีหน้าดีแน่?ทายท้าวิชามาร
สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ประโคมความหวังเศรษฐกิจปีหน้าดีขึ้นแน่ เพราะทุกอย่างดีขึ้น ทั้งการลงทุนภาครัฐภาคเอกชน การส่งออก และการบริโภค รวมทั้งการเมืองที่เริ่มชัดเจนขึ้น ความไม่แน่นอนลดลง
ใบตองแห้ง
สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ประโคมความหวังเศรษฐกิจปีหน้าดีขึ้นแน่ เพราะทุกอย่างดีขึ้น ทั้งการลงทุนภาครัฐภาคเอกชน การส่งออก และการบริโภค รวมทั้งการเมืองที่เริ่มชัดเจนขึ้น ความไม่แน่นอนลดลง
ฟังแล้วก็สงสัย ถ้าไม่ดีอย่างที่คุย สมคิดจะรับผิดชอบกับประชาชนอย่างไร หรือพูดต่อไป ปีโน้นดีขึ้นแน่
ไม่อยากเถียงเรื่องเศรษฐกิจ เพราะไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญ แม้บางเรื่องที่สมคิดอ้างสวนความรู้สึกชาวบ้าน เช่น การบริโภคฟื้นตัว ลองถามแม่ค้าในตลาดหน่อยไหม ศาลยุติธรรมก็เพิ่งแถลง คดีแพ่ง คดีล้มละลาย คดีแรงงาน สูงกว่าปีที่แล้ว หนังสือพิมพ์เพิ่งพาดหัวข่าว ธุรกิจกัดฟันจ่ายโบนัส
กัดฟันขนาดนี้ ถ้าปีหน้าไม่ดีขึ้น หรือแย่ลง จะเหลืออะไร
เรื่องใหญ่ที่ขอถก คือการลงทุนภาครัฐกับ “การเมืองชัด” ว่าส่งผลดีแน่หรือ การลงทุนสาธารณูปโภคขนาดใหญ่ แน่ละครับ เป็นเรื่องดี แม้ผลประมูลก่อสร้างหลายหมื่นล้านจะออกมาประหลาดๆ บริษัทยักษ์สลับกันชนะประมูลต่ำกว่าราคากลางนิดเดียว
แต่ที่น่าจับตาคือการใช้งบปกติ ซึ่งขับเคลื่อนไม่ค่อยออก เมื่อต้น ธ.ค.มีข่าวมหาดไทยจี้ อปท. 7,851 แห่งทั่วประเทศเร่งเบิกจ่ายงบลงทุนแสนล้าน เพราะเป้าเบิกจ่าย 19% เพิ่งเบิกจ่าย 0.07%
อย่าตกใจนี่เป็นเรื่องปกติ อปท.ทั่วประเทศไม่กล้าทำอะไรมา 3 ปี ในกระแส “ปราบโกง” สตง. ป.ป.ช.เดินเพ่นพ่าน รัฐออกกฎระเบียบพันธนาการ จนนักการเมืองท้องถิ่นไม่ว่าเลวหรือดี ทำงานไม่ได้หมด เรื่องนี้ไม่ใช่แค่ อปท. ข้าราชการก็กลัวเหมือนกัน จะเซ็นอะไรต้องกางระเบียบ 1009 ข้อป้องกันตัว
ลุงตู่ถึงต้องใช้ ม.44 ยกเลิก คตร. แต่ก็ยังมี พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างรวบอำนาจไว้ที่กรมบัญชีกลาง ลองไปถามข้าราชการที่ทำหน้าที่ด้านนี้ดูสิ ยังอยากทำไหม
ไม่กี่วันก่อน กนง.เพิ่งชี้ความเสี่ยง 5 ประการ ข้อหนึ่งในนั้นคือ นักท่องเที่ยวจีนลดลง โดย กนง.เพิ่งบอกตรงๆ อย่างที่กอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร ไม่เคยบอก ว่าปีนี้นักท่องเที่ยวจีนลดลง 1.2 ล้านคน ปีหน้า 2.2 ล้านคน จากการปราบทัวร์ศูนย์เหรียญ
ฟังแล้วตกใจเรื่องเล็กกลายเป็นเรื่องใหญ่ เอ๊ะ ปราบทัวร์ฉ้อฉลโกงนักท่องเที่ยวน่าจะดีไม่ใช่หรือ มันไม่ใช่แค่นั้นสิ เพราะกลายเป็นการใช้อำนาจเกินกว่าเหตุ จะจับ จะฟ้อง ฉ้อโกง หนีภาษี ฯลฯ ก็ว่าไป แต่ไหงตั้งข้อหา “อั้งยี่” ตูมเดียวอายัดทรัพย์หมื่นกว่าล้าน กิจการเจ๊งทั้งที่ศาลยังไม่ตัดสิน เห็นแบบนี้ ทัวร์จีนก็หนีกระเจิง
นี่คือปัญหาบานปลายจากการใช้อำนาจเด็ดขาด “ยาแรง” จัดการประเทศ ซึ่งหน่วยงานต่างๆ ใช้กันมันมือ คนที่โดนไม่ใช่แค่นักการเมือง แต่ลามไปทั่ว ตั้งแต่ทัวร์จีนถึงรถตู้ หาบเร่แผงลอย
แต่ในขณะที่ปราบทัวร์จีน กลับยอมรับรถเมล์ NGV ย้อมแมวจากจีน ซึ่งชนะประมูลหลังล้มประมูลครั้งแรกอย่างน่ากังขา
นี่ไง อำนาจการเมืองที่เริ่มชัดเจน อย่างที่สมคิดพูด อำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดในมือทหาร ตำรวจ รัฐราชการ องค์กรต่างๆ มีเลือกตั้งก็ไม่มีความหมาย เปลี่ยนอำนาจนี้ไม่ได้ ถามจริง อำนาจอย่างนี้สร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุน?
ซ้ำร้าย ยังเป็นอำนาจที่ถือเอาภารกิจรักษาความมั่นคงสำคัญอันดับหนึ่ง เศรษฐกิจปากท้องอันดับสอง สิทธิเสรีภาพอันดับต่ำสุด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ที่ควรนำไปสู่เศรษฐกิจดิจิทัล ไทยแลนด์ 4.0 จึงทำให้ธุรกิจสตาร์ทอัพและอีคอมเมิร์ซต้องแบกภาระต้นทุนสูงขึ้นคอยดูเถอะ ปีหน้าจะมีกฎหมายแบบนี้อีกเยอะ
การเมืองที่ชัดเจนของสมคิด คือการเมืองดึกดำบรรพ์คุมอำนาจเบ็ดเสร็จแน่นอนมั่นคง ใครเห็นว่าเป็นผลดีกับเศรษฐกิจก็เชิญลงทุนตามสบาย