อาฟเตอร์ ยู (AU)ลูบคมตลาดทุน

ร้อนแรงจริงๆ สำหรับหุ้น อาฟเตอร์ ยู หรือ AU


ธนะชัย ณ นคร

                

ร้อนแรงจริงๆ สำหรับหุ้น อาฟเตอร์ ยู หรือ AU

เปิดเทรดวันแรกเมื่อวันศุกร์ที่ 23 ธ.ค. ราคาไอพีโอ 4.50 บาท แต่ปิดตลาด 13.50 บาท

หรือเพิ่มขึ้น 200% ชนซิลลิ่งเลย

ส่วนวานนี้ราคาช่วงเปิดตลาดภาคเช้าก็ใช่ย่อยนะ

เพราะในช่วงราคาพรีโอเพ่นขึ้นมาแถวๆ 16 บาทกว่าๆ จะไปแตะ 17 บาท ก็นึกว่าจะซิลลิ่งต่อเนื่อง (+30% หรือราคา 17.55 บาท)

ทว่าก็ไปไม่ถึง

ราคาเปิดตลาดวานนี้ 14.60 บาท

ดูจากกราฟ (แท่ง) การซื้อขาย พบว่า มีนักลงทุนกระโดดเข้าในช่วงราคาเปิดตลาดมากที่สุด

กระทั่งราคาขึ้นไปแตะระดับสูงสุดของวันที่ระดับ 15.20 บาท แล้วก็ลงไปวนเวียนอยู่แถวๆ 14 บาท และลงไปปิดตลาดระดับ 13.00 บาท ลดลง 0.50 บาท จากเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา

ส่วนมูลค่าการซื้อขาย 4,648 ล้านบาท

ทำวอลุ่มของตลาดหลักทรัพย์ mai โป่งพองทันที

AU มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด หรือมาร์เก็ตแคปกว่า 9,787 ล้านบาท นับว่าสูงมากสำหรับหุ้นขนมหวาน

มีข่าวมาตั้งแต่ต้นแล้วว่า จะมีการดันหุ้นตัวนี้ให้ชนซิลลิ่งในช่วงของการเทรดวันแรก

มีนักลงทุนมาบอกว่า เขาจะขายหุ้นตัวนี้ตั้งแต่ช่วงราคาเปิดของการเทรดวันแรก แต่มีคนมาบอกว่า อย่าเพิ่งขาย เพราะราคาจะขึ้นไปซิลลิ่ง (13.50 บาท)

แล้วก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ

ทำให้มีการวิจารณ์กันไปว่า หุ้น AU นั้น มี “เจ้ามือ” แน่ๆ แต่ก็จับมือใครดมไม่ได้ ตามหากันให้ควัก

หุ้น AU หากดูจากราคาที่ปิดเมื่อวันศุกร์ (13.50 บาท) จะได้ค่าพี/อีที่ระดับ 102.68 เท่า

AU มีราคาไอพีโอ 4.50 บาท พี/อี อยู่ที่ประมาณ 34.50 เท่า (คิดเป็นพี/อี ปี 2560 23.2 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มที่ 15 เท่า และมี PE/G เพียง 0.6 เท่า)

ถามว่าค่าพี/อี ที่พุ่งเกินมากว่า 100 เท่า แพงไหม

คำตอบก็คือ “แพง”

แต่นักลงทุนหลายคนไม่ค่อยจะสนใจเรื่อง พี/อี มากนัก เพราะจะมองว่า ราคาจะวิ่งไปต่อหรือไม่ หรือไปถึงไหนมากกว่านัยว่า เป้าหมายมีไว้พุ่งชน

และอาจจะมั่นใจว่ากระโดดลงจากรถไฟทัน

ตลาดหุ้นก็เป็นแบบนี้ อย่าไปถามหาเหตุผล เพราะ “ไม่มี”

ร้าน อาฟเตอร์ ยู ส่วนตัวนั้น ผมไม่เคยเข้าไปใช้บริการ หรือเป็นลูกค้าเลย

แต่ก็เคยเห็นว่า ร้านนี้ลูกค้าเขาเยอะจริงๆ มีคนเข้าไปอุดหนุนกันแน่นร้าน และยังนั่งคอยกันหน้าร้านอีกจำนวนมาก

งบการเงินนั้น ก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหล่อะไร มีรายได้ และกำไรเพิ่มขึ้นมาตลอดทุกไตรมาสในช่วงของปี 2559

ในช่วง 9 เดือนแรก AU มีรายได้  440.9 ล้านบาท และกำไรสุทธิ  75 ล้านบาท

ส่วนปี 60 เห็นว่า ตั้งงบลงทุนไว้ 200 ล้านบาท เพื่อใช้ในการขยายสาขา และการขยายเครื่องจักรในโรงงาน ส่วนเป้ารายได้คาดว่าจะเติบโต 40%

ธุรกิจของอาฟเตอร์ ยู จะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน

นั่นคือ ร้านขนมหวาน “อาฟเตอร์ ยู” และร้านน้ำแข็งใส “เมโกริ” และยังมีธุรกิจรับจัดงานนอกสถานที่ รวมถึงรับผลิตสินค้าภายใต้เครื่องหมายการค้าของอาฟเตอร์ ยู

บทวิเคราะห์ของนักวิเคราะห์จากโบรกฯ 3 แห่ง

ต่างบอกตรงกันว่า AU เป็นหุ้นที่ดี

แต่ราคาเป้าหมายนั้น ไล่มาตั้งแต่ บล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ให้ไว้ 7.84 บาท

บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ให้เป้าหมาย 5.75 บาท

และ บล.บัวหลวง ที่เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน (FA) ให้กับหุ้น AU วางราคาเป้าหมายปี 2560 ไว้ 9.00 บาท

ในปี 2558 มีหุ้นที่เข้าเทรดวันแรกและชนซิลลิ่ง เช่น ไดอิ กรุ๊ป (DAII) ไอพีโอ 4 บาท และชนซิลลิ่งที่ 12 บาท ส่วนวันนี้ราคาอยู่ที่  4.86 บาท

หุ้น บมจ.แอลดีซี เด็นทัล หรือ LDC ราคาไอพีโอ 1.50 บาท ชนซิลลิ่งที่ 4.50 บาท ส่วนตอนนี้อยู่ที่ 1.51 บาท

หุ้น เอส 11 กรุ๊ป หรือ S11 ราคาไอพีโอ 5.30 บาท และชนซิลลิ่งที่ 15.90 บาท ส่วนตอนนี้ราคา 8.20 บาท

หรือหากย้อนกลับไปในปี 2557 ก็มีหุ้นบางตัวที่ชนซิลลิ่ง (200%) เช่น NCL และ RWI แต่วันนี้ ราคาก็ลงมาต่ำกว่าที่เคยขึ้นไปซิลลิ่งทุกตัว

ยกเว้นหุ้น SPA ที่ราคาชนซิลลิ่ง 5.10 บาท

แต่ปัจจุบัน (หรือผ่านมากว่า 2 ปี หลังเข้าตลาดหุ้น) ราคาอยู่ที่ 13.50 บาท (พี/อี 55 เท่า)

ก็ต้องมาดูกันว่า

“หุ้นน้ำแข็งใส” จะเดินรอยตาม SPA ได้หรือไม่

 

 

 

 

 

 

Back to top button