ชอบของแปลก?โมนิก้าและทีมงาน
*สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยในช่วงที่เหลือแต่แมงเม่าครองตลาด อาจเป็นช็อตที่ยากลำบากแสนเข็ญในการลงทุนก็จริง แต่อย่างน้อยก็เปิดโอกาสให้นักเล่นได้เห็นหุ้นหน้าตาแปลกๆ โผล่หัวขึ้นมาเยอะแยะไปหมดทุกจังหวะของการเคาะขวารัวๆ “โมนิก้า” บอกได้ทันทีว่า นี่เป็นจังหวะของนักโหนกระแสโดยไม่ต้องคิดอะไรให้มากความ เพราะผู้เล่นหลักอีกคนที่ยังหลงเหลืออยู่คือ กองทุนตัวแสบไงล่ะค่ะ
*สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยในช่วงที่เหลือแต่แมงเม่าครองตลาด อาจเป็นช็อตที่ยากลำบากแสนเข็ญในการลงทุนก็จริง แต่อย่างน้อยก็เปิดโอกาสให้นักเล่นได้เห็นหุ้นหน้าตาแปลกๆ โผล่หัวขึ้นมาเยอะแยะไปหมดทุกจังหวะของการเคาะขวารัวๆ “โมนิก้า” บอกได้ทันทีว่า นี่เป็นจังหวะของนักโหนกระแสโดยไม่ต้องคิดอะไรให้มากความ เพราะผู้เล่นหลักอีกคนที่ยังหลงเหลืออยู่คือ กองทุนตัวแสบไงล่ะค่ะ
*ฉะนั้น อย่าถามหาเหตุผลที่ดัชนีแกว่งตัวไปมา ก่อนจะลงเอยที่ระดับ 1,517.08 จุด บวกไป 1.85 จุด ด้วยมูลค่า 2.64 หมื่นล้านบาท เพราะมันไม่มีคำอธิบายที่ดีพอมาช่วยขยายความดังกล่าว “โมนิก้า” ถึงพยายามบอกให้นักเล่นทุกหมู่เหล่าได้ล่วงรู้ว่า อย่าหลงไปเล่นเกมคนอื่น และควรเล่นเฉพาะบนเกมที่ตัวเองถนัด เพราะเวลานี้ไม่มีใครพูดความจริงแบบหมดเปลือกหรอกค่ะ
*เหมือนกับกรณีของหุ้นร้อน IFEC ซึ่งสร้างความปั่นป่วนให้กับคนในวงการตลาดหุ้น “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องของมันนี่เกมเพียวๆ ไม่มีเรื่องอื่นเจอปน เพราะถ้าย้อนไปยังอดีตอันแสนหวาน ตอนนั้นมีนักลงทุนขาใหญ่เม้าท์ถึงหุ้นตัวนี้เยอะแยะไปหมด จนแทบจะกลายเป็นหุ้นเทวดาที่ไม่มีใครกล้าแตะต้อง พอคล้อยหลังได้สักระยะหนึ่งพวกขาใหญ่ก็เกิดรายการหักหลังกันเอง พร้อมกับสาดขี้ให้กันอย่างอุตลุด…จำได้ไหมค่ะ
*พอเสร็จจากเรื่องดังกล่าวก็เกิดประเด็น “ทอล์ค ออฟ เดอะ ทาวน์” หลังจากพวกกลุ่มผู้บริหารใช้เงินไปซื้อ “รร.ดาราเทวี” ซึ่งเป็นการผิดวัตถุประสงค์ของการระดมทุน พร้อมกับข้ออ้างแบบขอไปทีว่า เอาเงินไปพักในระหว่างรอโปรเจ็กต์โรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน แต่สุดท้ายดันกลายเป็นทีมผู้บริหารเกิดการแตกคอ ไม่มีเงินไปใช้หนี้ตั๋วบีอีหลายพันล้านบาทแบบนี้…จบไม่สวยแน่ๆ เจ้าค่ะ
*ประกอบกับเที่ยวนี้มีชื่อของ บลจ.โซลาริส เข้ามามีเอี่ยวกับการขายตั๋วบีอี “โมนิก้า” ย่อมเกิดอาการคันปากคะเยอขึ้นมาอีกครั้ง เพราะผู้รู้หลายคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ตัวแสบ จนกลายเป็นที่หมายหัวของทางการมาระยะหนึ่ง “โมนิก้า” ถึงไม่แปลกใจที่เริ่มปรากฏชื่อ บลจ. แห่งนี้ไปพัวพันกับหลายดีลที่มีปัญหาผิดนัดชำระหนี้ ขณะที่ราคาหุ้นไอเฟะก็รูดรับข่าวลงมาอยู่ที่ 3.74 บาท ลบไป 0.28 บาท หรือลงไป 7% ด้วยมูลค่า 300 ล้านบาทไงล่ะค่ะ
*มาต่อกันที่หุ้นร้อนในช่วงที่หลายคนเผลออย่างเช่น PERM กันสักหน่อย (อันดับ 1 บนกระดาน most active) ว่ากันว่า งานนี้มีกลุ่มขาใหญ่โยนหุ้นกันอย่างเมามัน พร้อมกับดันหุ้นขึ้นไปทำจุดสูงสุดของวันที่ 4.88 บาท ก่อนจะปล่อยให้ร่วงลงมายืนอยู่ที่ 4.34 บาท บวกไป 0.32 บาท เหลือขึ้นไปแค่ 8% ด้วยมูลค่า 896 ล้านบาท มันเป็นเกมหุ้นที่ใช้งบการเงินมาบิวด์อารมณ์ล้วนๆ จึงอยากจะบอกแค่ ต้องกำหนดจุดขายทำกำไร พร้อมกับจุดหนีไปพร้อมกันนะคะ
*เช่นเดียวกับในรายของ SRICHA กระชากขึ้นมาปิดที่ 21.20 บาท บวกไป 1.20 บาท หรือขึ้นไป 6% ด้วยมูลค่า 893 ล้านบาท พร้อมกับขึ้นมาติดอันดับ 2 บนกระดาน Most Active “โมนิก้า” พูดได้ทันทีว่า เรื่องนี้ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน เพราะร้อยวันพันปีไม่เคยเห็นหุ้นมาแรงเบอร์ใหญ่ขนาดนี้ จนพวกนกรู้บางตัวพูดเหมือนกันว่า น่าจะมีของดีซ่อนไว้ แต่ยังไม่เปิดเผยอะไรทำนองนี้แหละมั้ง
*คล้ายคลึงกับกรณีของ SCN หลายคนพูดไปในทางเดียวกันว่า ธุรกิจก๊าซ NGV ไม่ได้โตโดดเด่นอะไรมากมาย แต่กลับมีแรงซื้อเข้ามาเป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นวันที่ประจวบเหมาะกับกองทุนตัวแสบไล่ซื้อหุ้น 1.80 พันล้านบาท ทำให้ตรรกะเรื่องดันหุ้นออกของมีน้ำหนักมากขึ้นในทันที และการที่หุ้นวิ่งขึ้นมายืนอยู่ที่ 9.30 บาท บวกไป 0.70 บาท หรือขึ้นไป 8% ด้วยมูลค่า 580 ล้านบาท แถมเป็นการซื้อขายบน P/E 37 เท่า มันทำให้เสี่ยงมากขึ้นนะคะ
*อีกหนึ่งรายที่ไม่ค่อยโผล่มาให้เห็นอย่าง LH ถือเป็นช็อตที่ต้องเน้นเคาะสั้นๆ พร้อมกับทำชิ่งหนึ่งสอง แล้วรีบจบสกอร์อย่างรวดเร็ว เพราะก่อนหน้านี้เคยเคลื่อนตัวขึ้นมาทดสอบตรงบริเวณใกล้กับ 10.50 บาท หลังจากนั้นก็รูดลงมาพักแถว 9 บาทบ้าง 8.50 บาทบ้าง ซึ่งขึ้นอยู่กับอารมณ์ของเจ้ามือที่เข้ามาในแต่ละรอบ “โมนิก้า” ถึงอยากให้นักเล่นมองดูราคาปิดที่ 9.75 บาท บวกไป 0.30 บาท หรือขึ้นไป 3.20% ด้วยมูลค่า 340 ล้านบาท ใช่จุดที่ต้องชิ่งหรือเปล่า?
*ส่วนที่เปิดตูดเผ่นแน่บไปก่อนใครเพื่อน “โมนิก้า” ขอโฟกัสไปที่หุ้นน้องใหม่สุดแสบ AU เพื่อบอกถึงประสบการณ์จริงอันแสบทรวง สามารถสอบถามได้จากคนที่เข้าไปไล่ราคาในไม้ท้ายๆ วันนี้ต้องตัดขายหุ้นขาดทุนกันถ้วนหน้ามันรู้สึกอย่างไร? ยิ่งวานนี้ดันหุ้นขึ้นไปถึงระดับ 14 บาท หลังจากนั้นหุ้นร่วงลงมายืนอยู่ที่ 12.30 บาท ลบไป 0.70 บาท หรือลงไป 5.40% ด้วยมูลค่า 1.50 พันล้านบาท บอกได้ทันทีว่า จุดเริ่มต้นของหุ้นขาลงนะจะบอกให้
*สำหรับของร้อนที่มาในแม่พิมพ์เดียวกัน “โมนิก้า” คงโฟกัสไปที่หุ้นเก็งกำไรสุดโต่งอย่าง CMO หลังทะยานขึ้นมาปิดที่ 1.79 บาท บวกไป 0.15 บาท หรือขึ้นไป 9% ด้วยมูลค่า 150 ล้านบาท มันเคยมีบทเรียนในอดีตหลายครั้งว่า สงครามวันเดียว คนที่เข้าเล่นในต้นทุนต่ำย่อมได้เปรียบกว่าคนที่เข้าในต้นทุนสูง วันนี้ถึงต้องลุ้นให้หุ้นไปต่อ เพื่อบางคนจะได้ออกของ…หากหุ้นไม่ไปต่อ ถือว่า เกมโอเว่อร์!
*บรรยากาศการลงทุนในช่วงก่อนจะถึงวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ไม่ค่อยจะมีอะไรที่รื่นรมย์มากกว่าที่เป็นอยู่สักเท่าไหร่ก็จริง แต่ยังคงมีทางเลือกให้เหล่าผู้กล้าได้เล่นอีกแบบนี้…มันทำให้น้องโมหลงเสน่ห์ตลาดหุ้นไทยจนโงหัวไม่ขึ้นจนถึงทุกวันนี้ไงล่ะค่ะ