กองทุนเล่นทีเผลอ!โมนิก้าและทีมงาน

*หลังจากนั่งเรียบเรียงข้อมูลการลงทุนตั้งแต่ปลายสัปดาห์ก่อน ต่อเนื่องถึงสัปดาห์นี้ “โมนิก้า” สามารถรับรู้ถึงพฤติกรรมของกองทุนตัวแสบได้เป็นอย่างดีว่า ชอบเล่นทีเผลอเป็นประจำ และมักจะอ้างเหตุผลของการเข้าซื้อแบบเพี้ยนๆ อยู่ร่ำไปนั้น เดี๊ยนมองเป็นเพียงกุศโลบายที่ทำให้นักเล่นเกิดอาการคล้อยตาม ซึ่งไม่มีนัยสำคัญสำหรับแมงเม่าอย่างพวกเราๆ ท่านๆ หรอกค่ะ


*หลังจากนั่งเรียบเรียงข้อมูลการลงทุนตั้งแต่ปลายสัปดาห์ก่อน ต่อเนื่องถึงสัปดาห์นี้ “โมนิก้า” สามารถรับรู้ถึงพฤติกรรมของกองทุนตัวแสบได้เป็นอย่างดีว่า ชอบเล่นทีเผลอเป็นประจำ และมักจะอ้างเหตุผลของการเข้าซื้อแบบเพี้ยนๆ อยู่ร่ำไปนั้น เดี๊ยนมองเป็นเพียงกุศโลบายที่ทำให้นักเล่นเกิดอาการคล้อยตาม ซึ่งไม่มีนัยสำคัญสำหรับแมงเม่าอย่างพวกเราๆ ท่านๆ หรอกค่ะ

*เนื่องจากจังหวะนี้เป็นเกมดันหุ้นบลูชิพเพื่อทำ window dressing เพียงประเด็นเดียว และไม่มีเหตุผลต้องมาอธิบายอะไรให้มากความ เพราะเป็นเรื่องที่ชาวหุ้นพบเห็นได้เป็นประจำทุกปี และการที่หุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 1,524.60 จุด บวกไป 7.52 จุด ด้วยมูลค่า 3.28 หมื่นล้านบาท ทั้งที่ก่อนหน้านี้ทำท่าย่ำฐานแถว 1,510 จุด เดี๊ยนมองเป็นช็อตของการเคาะเพื่อเรียกแขกนะจะบอกให้

*เนื่องจากยอดซื้อของกองทุนตัวแสบที่ปรากฏให้เห็น 2 พันล้านบาท โดยพลพรรคแมงเม่าขายหุ้นทิ้ง 1.38 พันล้านบาท ปอบผีฟ้าปล่อยของออกมา 400 ล้านบาท พ่วงด้วยฝรั่งตาน้ำข้าวโยนทิ้งออกมา 300 ล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นช็อตที่ย้ำหัวหมุดให้รู้ว่า คนกำหนดทิศทางตลาดหุ้นไทยตัวจริงคือใคร? ซึ่งวันนี้ได้เผยตัวตนที่แท้จริงให้สังคมชาวหุ้นได้เห็นอีกครั้งแล้วนะคะ

*ด้วยเหตุนี้ไม่ต้องถามว่า PTT และ PTTEP ทะยานขึ้นด้วยปัจจัยอะไร? รอบนี้ทะยานขึ้นไปได้ไกลแค่ไหน? เพราะคำตอบทั้งหมดอยู่ที่บทเกริ่นนำที่ให้ไว้ตั้งแต่ตอนต้น วานนี้ถึงเห็นหุ้นแม่ขึ้นมาปิดที่ 369 บาท บวกไป 4 บาท หรือขึ้นไป 1.10% ด้วยมูลค่า 1.22 พันล้านบาท ส่วนตัวลูกก็วิ่งขึ้นมาปิดที่ 94.75 บาท บวกไป 3 บาท หรือขึ้นไป 3.30% ด้วยมูลค่า 1.20 พันล้านบาท น้องโมพูดได้แค่ว่า มันเป็นจังหวะของการไหลตามน้ำ…หากไม่ใช่ก็ใส่เกียร์ถอยเท่านั้นเองค่ะ

*อีกหนึ่งกรณีที่ดูได้ง่ายๆ ต้องยกให้ DTAC กระชากขึ้นมาปิดที่ 38 บาท บวกไป 2 บาท หรือขึ้นไป 5.60%  ด้วยมูลค่า 1.16 พันล้านบาท “โมนิก้า” พูดได้ทันทีว่า มันเหมือนกับเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ 3 ครั้งทุกกระเบียดนิ้ว ซึ่งเป็นการดีดตัวจากระดับ 30 บาทต้นๆ เพื่อขึ้นไปทดสอบ 40 บาท สุดท้ายก็ไม่สามารถฝ่าขึ้นไปได้สักที จนต้องลงเอยด้วยการตั้งต้นใหม่อีกรอบไงล่ะค่ะ

*สำหรับในรายของ TASCO จู่ๆ เด้งขึ้นมาปิดที่ 18.80 บาท บวกไป 1.30 บาท หรือขึ้นไป 7.40% ด้วยมูลค่า 1.16 พันล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นกิมมิคที่นักเล่นต้องตามให้ทัน และต้องเข้าใจอย่างถ่องแท้ด้วยว่า ที่ผ่านมากำไรโตระเบิดระเบ้อมันเกิดจากอะไรกันแน่? รวมทั้งการกลับคืนสู่สามัญในเที่ยวนี้จะกินระยะเวลานานแค่ไหน? ล้วนเป็นตัวแปรที่ทำให้นักเล่นต้องเคาะสั้นๆ เจ้าค่ะ

*ส่วนที่กำลังเคาะยาวๆ กันอย่างสนุกสนาน “โมนิก้า” ต้องหันกลับไปดู STA เป็นเจ้าถัดมาในทันที และเหตุผลที่ทำให้สนใจมากเป็นพิเศษในเที่ยวนี้ คงหนีไม่พ้นราคายางที่เคยอยู่ในระดับ 3 โล 100 วันนี้ดันกลายเป็น 1 โลครึ่ง 100 จึงเชื่อกันว่า กำไรไตรมาส 4 กระฉูดอย่างแน่นอน หุ้นถึงไต่ระดับขึ้นมาปิดที่ 22.30 บาท บวกไป 1.70 บาท หรือขึ้นไป 8.25%  ด้วยมูลค่า 960 ล้านบาทแบบชิวๆ…วันนี้ถึงต้องเดาใจกันว่า กำไรต่อหุ้นปี 59 ทำได้มากกว่า 1 บาทไหม? หากทำไม่ได้ ก็ตัวใครตัวมันนะคะ

*สำหรับในรายของหุ้นเหล็กอย่าง PERM สามารถเบ่งตัวเลขขึ้นมารอราคาหุ้นตั้งแต่ไก่โห่ ราคาหุ้นถึงพุ่งกระฉูดไม่หยุดหย่อนสักที ล่าสุดหุ้นวิ่งขึ้นมายืนอยู่ที่ 5 บาท บวกไป 0.66 บาท หรือขึ้นไป 15.20% ด้วยมูลค่า 550 ล้านบาท ซึ่งเป็นการเทรดบนค่า P/E 10 เท่า บรรดาแม่ยกถึงเคาะขวารัวๆ กันอย่างสนุกสนาน เพราะหุ้นมีโอกาสไปต่ออีกหลายช่วงตัวนะซี

*เช่นเดียวกับในรายของ MILL มันเป็นจังหวะที่สามารถตามน้ำได้อีกนิดหน่อย เพราะก่อนหน้านี้เคยวิ่งชนแนวต้าน 1.60 บาทจังเบ้อเร่อ หลังจากนั้นรูดลงมากองแถว 1.20 บาทนานเป็นเดือน มาเที่ยวนี้หุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 1.52 บาท บวกไป 0.09 บาท หรือขึ้นไป 6.30% ด้วยมูลค่า 120 ล้านบาท เหมือนเป็นตัวเร่งให้ “เสี่ยหมู” ต้องขยันออกข่าวดีเพิ่มเติมแล้วกระมัง เพื่อหุ้นจะได้แรลลี่ยาวแบบสบายๆ เจ้าค่ะ

*เม้าท์ถึงหุ้นเริ่มวิ่งอีกครั้ง “โมนิก้า” คงต้องย้อนกลับมาดูพระเอกตัวจริง AJD เพื่อเสนอเป็นทางเลือกให้กับนักเล่นที่ชอบตามกระแส ล่าสุดเห็นหุ้นขยับขึ้นมาปิดที่ 1.88 บาท บวกไป 0.07 บาท หรือขึ้นไป 3.90% ด้วยมูลค่า 250 ล้านบาท ถือเป็นสัญญาณดีที่มีแรงซื้อเข้ามาต่อเนื่อง จึงมีลุ้นฝ่าแนวต้าน 1.94 บาทขึ้นไปเพื่อสร้างฐานแนวรับที่บริเวณ 2 บาทอีกครั้งนะคะ

*ไหนๆ ก็เม้าท์ถึงคนที่ชอบเสียวขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” ขอโฟกัสไปที่หุ้น NETBAY หลังหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 16.40 บาท บวกไป 0.70 บาท หรือขึ้นไป 4.50% ด้วยมูลค่า 210 ล้านบาท ในทางเทคนิคอาจดูไม่ค่อยสวยสักเท่าไหร่ เพราะหุ้นดันวิ่งขึ้นไปทำจุดสูงสุดใหม่อย่างร้อนแรง แต่ตอนปิดไม่สามารถประคองตัวได้อย่างแข็งแกร่ง ไส้แท่งเทียนถึงยาวเหยียดเป็นกิโลแบบนี้…บอกได้ทันทีว่า หากวันนี้ไม่สามารถวิ่งผ่านแนวต้าน 17 บาทขึ้นไปได้ ก็คงต้องกล่าวว่า ลาทีบางกอก…อิอิอิ

Back to top button