ดันหุ้นส่งท้าย!โมนิก้าและทีมงาน
*สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยในช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่เป็นอะไรที่ยากต่อการคาดเดาเอามากๆ หุ้นที่เคยทำท่าม่อยกระรอกก่อนหน้านี้ จู่ๆ เด้งดึ๋งขึ้นมาอย่างร้อนแรง พร้อมกับพยายามสำแดงฤทธิ์เดชแบบออกนอกหน้า “โมนิก้า” ถือเป็นสถานการณ์ที่ไม่ปกติอย่างแน่นอน และทำให้การลงทุนหลังจากนี้ลำบากขึ้นอย่างแน่นอน เพราะเป็นการฝืนธรรมชาติมากเกินไปนั่นเองค่ะ
*สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยในช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่เป็นอะไรที่ยากต่อการคาดเดาเอามากๆ หุ้นที่เคยทำท่าม่อยกระรอกก่อนหน้านี้ จู่ๆ เด้งดึ๋งขึ้นมาอย่างร้อนแรง พร้อมกับพยายามสำแดงฤทธิ์เดชแบบออกนอกหน้า “โมนิก้า” ถือเป็นสถานการณ์ที่ไม่ปกติอย่างแน่นอน และทำให้การลงทุนหลังจากนี้ลำบากขึ้นอย่างแน่นอน เพราะเป็นการฝืนธรรมชาติมากเกินไปนั่นเองค่ะ
*งานนี้ไม่ได้ข่มขู่ให้นักลงทุนรู้สึกหวาดกลัว แต่ต้องการให้ผู้เล่นได้ล่วงรู้ว่า ดัชนีทะยานขึ้นมาปิดที่ 1,537.81 จุด บวกไป 13.21 จุด ด้วยมูลค่า 3.58 หมื่นล้านบาท มันเป็นสถานการณ์ที่ล่อแหลมเกินไปในสายตากูรูสำนักต่างๆ เพราะมันเหมือนเป็นการลักหลับชาวบ้านไม่ผิดเพี้ยน พร้อมกับทำให้การทะยานขึ้นในรอบนี้ไม่สง่างามเหมือนเช่นที่ควรจะเป็นนะจะบอกให้
*สรุปง่ายๆ ในเที่ยวนี้คือ อย่าไปตั้งความหวังอะไรกับการทะยานขึ้นของดัชนีมากนัก เพราะสิ่งที่ควรจะหวังเป็นพิเศษในเที่ยวนี้คือ กำไรในกระเป๋าของผู้เล่นเพิ่มขึ้นขนาดไหน? หรือถ้าคิดไม่ออก “โมนิก้า” ใบ้ให้นิดหนึ่งว่า ตลาดหุ้นในปี 59 ให้ผลตอบแทนสูงถึง 18% ขณะที่นักเล่นขาประจำทั่วไปที่เจนจัดในเกมบุกทำได้เกิน 20% ส่วนที่เล่นแบบสูงวัยที่มาพร้อมกับความระมัดระวังเป็นพิเศษก็ทำได้ในระดับ 10%...ทั้งหมดล้วนเป็นbench mark ที่นักเล่นต้องเอาไปวัดฝีมือของแต่ละคนกันเอาเองนะคะ
*ด้วยเหตุนี้ “โมนิก้า” ถึงรู้สึกแฮปปี้มากๆ ที่เห็นแมงเม่าเทขายหุ้นทำกำไรออกมามากถึง 5.67 พันล้านบาท เพราะแสดงให้เห็นว่า จับทางตลาดได้อย่างแม่นยำ! ส่วนปอบผีฟ้าก็ไม่ลังเลใจที่จะขายหุ้นทำกำไร วานนี้ถึงเห็นยอดขายโผล่ออกมา 1.30 พันล้านบาท ขณะที่ฝรั่งตาน้ำข้าวกระโดดเข้ามาไล่เก็บหุ้นอย่างหนักหน่วง 5.36 พันล้านบาท ส่วนกองทุนตัวแสบก็ผสมโรงซื้อ 1.60 พันล้านบาทแบบนี้…นี่เป็นอาการของ window dressing ชัดๆ นะตัวเอง
*เรื่องนี้ดูตัวอย่างได้จาก PTT ทะยานขึ้นมาปิดที่ 375 บาท บวกไป 6 บาท ด้วยมูลค่า 2.14 พันล้านบาท ซึ่งเป็นการซื้อขายบนค่า P/E 13 เท่า ย่อมกระตุ้นให้ฝรั่งตาน้ำข้าวหวนกลับเข้ามาดันหุ้นเพื่อทำตัวเลขปิดบัญชีให้สวยงามตามท้องเรื่อง บวกกับวันที่ 1 ม.ค. 60 กลุ่มโอเปกและนอนโอเปกจะลดกำลังการผลิตอย่างเป็นทางการ ก็จะส่งผลให้หุ้นตัวนี้แรลลี่ยาวนะจะบอกให้
*อีกหนึ่งตัวที่เป็นสัญญาณบอกให้รู้ว่า ถึงเวลาทำตัวเลขเพื่ออัพผลงานให้ดูสวยๆ “โมนิก้า” ขอพุ่งเป้าไปที่หุ้นปูนใหญ่ SCC ไต่ระดับขึ้นมาปิดที่ 490 บาท บวกไป 4 บาท ด้วยมูลค่า 1.34 พันล้านบาท พร้อมกับขึ้นมาติดท็อปไฟว์บนกระดาน most active อีกครั้งหนึ่งนั้น มันเป็นจังหวะที่นักเล่นต้องหัดเรียนรู้พฤติกรรมของหุ้น เพื่อกำหนดจุดในการซื้อขายได้ถูกเวลา…แต่เชื่อเถอะว่า ฝรั่งตาน้ำข้าวจัดเต็มทีไร อันลิมิตทุกทีเจ้าค่ะ
*เช่นเดียวกับหุ้นเหล็กพิมพ์นิยมทุกสำนักที่โผล่ขึ้นมาในเที่ยวนี้ “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องของสถานการณ์ที่เอื้อให้หุ้นวิ่งอย่างไม่ลืมหูลืมตา วานนี้ถึงเห็นหุ้นหน้าใหม่อย่าง AMC กระชากขึ้นมาปิดที่ 4.74 บาท บวกไป 0.34 บาท หรือขึ้นไป 7.70% ด้วยมูลค่า 480 ล้านบาท มันเป็นเกมสลับหน้าเล่นกันไปเรื่อยๆ ซึ่งเป็นยุทธวิธีพื้นๆ ในช่วงที่หุ้นกลุ่มนี้มีข่าวดีเข้ามาไม่หยุดหย่อน ขณะที่ตัวฮอตฮิตอย่าง PERM เริ่มโดนเทขายทำกำไรเป็นระลอก หุ้นเลยยืนปิดได้แค่ 5.05 บาท บวกไป 0.05 บาท ด้วยมูลค่า 548 ล้านบาทไงล่ะจ๊ะ
*ด้วยเหตุนี้อย่าแปลกใจที่เห็น CITY กระชากขึ้นไปถึง 3.58 บาท ก่อนจะอ่อนตัวลงมาปิดที่ 3.32 บาท บวกไป 0.26 บาท หรือขึ้นไป 8.50% ด้วยมูลค่า 88 ล้านบาท เพราะรอบนี้เขาเล่นกันด้วยความเชื่อที่ว่า ผลงานในปี 60 จะออกมาสวยหรูอย่างแน่นอน บวกกับตัวหุ้นมี BV สูงถึง 4.35 บาท จึงกระตุ้นอารมณ์นักเล่นมือไวใจกล้าให้รีบเคาะขวาสั้นๆ เพื่อทำรอบให้เยอะที่สุดเท่าที่จะทำได้เจ้าค่ะ
*ส่วนกรณีของ SAWAD ก็เปิดเผยความจริงให้ทุกคนได้ล่วงรู้เสียทีว่า การเข้าซื้อหุ้น BFIT ก่อนหน้านี้ประมาณ 10% น่าจะมีวัตถุประสงค์แอบแฝงอย่างแน่นอน ไม่เช่นนั้นจะประกาศซื้อหุ้นจากกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่อีก 26% พร้อมกับตั้งโต๊ะทำเทนเดอร์ 64% จากรายย่อยไปเพื่ออะไร “โมนิก้า” ถึงมั่นใจว่า สองศรีพี่น้องต้องมีโปรเจ็กต์ยักษ์ในการยกระดับธุรกิจแน่ๆ และเหตุผลในส่วนนี้เองที่ทำให้ราคาหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 40.50 บาท บวกไป 1.25 บาท หรือขึ้นไป 3.20% ด้วยมูลค่า 490 ล้านบาท ส่วนรายหลังวิ่งขึ้นมาปิดที่ 12.50 บาท บวกไป 1 บาท หรือขึ้นไป 8.70% ด้วยมูลค่า 126 ล้านบาท ก็มีนัยสำคัญไม่ใช่น้อยนะคะ
*ส่วนของแท้แน่นอนอย่าง EA ยังคงเป็นหุ้นทีเด็ดสำหรับการลงทุนในทุกยุคทุกสมัย แถมระยะหลังหุ้นพยายามเทคตัวให้ผ่านแนวต้าน 30 บาท แต่ยังไม่สามารถผ่านไปได้สักที จึงต้องลงมาตั้งหลักใหม่ที่บริเวณ 28 บาทถึง 2 ครั้งด้วยกันนั้น “โมนิก้า” เชื่อว่าครั้งที่ 3 จะเทคตัวผ่านไปได้ (ตามตำราเขาเรียก triple top เพื่อยกฐานใหม่ให้สูงขึ้น) จึงมองราคาปิดที่ 29.25 บาท บวกไป 0.75 บาท หรือขึ้นไป 2.60% ด้วยมูลค่า 130 ล้านบาท เหมาะสำหรับตามไปดูจริงๆ เจ้าค่ะ