ต้องพึ่งผลประกอบการบจ.ขี่พายุ ทะลุฟ้า
ทิศทางตลาดหุ้นปีนี้ ดูยากเอาการนะครับ เปิดหัวปีมา ดูคึกคักเชียว แต่ทางข้างหน้ายังอีกยาวไกล ไม่รู้จะไปตกร่องตกหลุมกันยังไง
ชาญชัย สงวนวงศ์
ทิศทางตลาดหุ้นปีนี้ ดูยากเอาการนะครับ เปิดหัวปีมา ดูคึกคักเชียว แต่ทางข้างหน้ายังอีกยาวไกล ไม่รู้จะไปตกร่องตกหลุมกันยังไง
ถ้าเศรษฐกิจ ดูกระปรี้กระเปร่าขึ้นชัดเจนเหมือนปี 44-45 ก็คงจะเดาทางกันได้ไม่ยาก แต่นี่มันซึมกระทือชอบกล มองไปทางไหนก็ดูนิ่งๆ เงียบๆ เสียเป็นส่วนใหญ่
ก็ในเมื่อแรงเหวี่ยงหรือโมเมนตัมมันไม่แรงพอ ก็จึงไม่อาจจะบิ้ลด์ความเชื่อมั่นได้จากไหน
ก็คงจะมีดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯเศรษฐกิจนี่แหละ ท่านเห็นตลาดหุ้น 2 วันทำการแรกที่ขึ้นมา 28 จุด ท่านก็ทึกทักสรุปเอาแล้วว่า สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุน
เนื่องจากเชื่อมั่นในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของรัฐบาล
นี่มันเพิ่งเริ่มต้นปีมาแค่ 2 วันเองนะ หากจะทึกทักสรุปผลที่ตนเองต้องการในเวลาอันสั้นจุ๊ดจู๋ ก็คงจะต้องบอกว่า จะสรุปอะไรก็ได้..“เอาที่ตามสบายใจเถอะ”
ตลาดหุ้นในสภาพเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวดี มักจะไปไม่รอด
แต่ก็ยังมีข้อยกเว้นอยู่ 2 เรื่องครับ นั่นคือการที่มีเงินทุนไหลเข้าสุทธิ และผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน
2-3 ปีมานี้ ประเทศไทยโชคดีมาก ทั้งในเรื่องการเมืองและเศรษฐกิจที่ไม่ดี แต่การที่มีเงินทุนไหลเข้ามายังตลาดหุ้นมากกว่าเงินทุนไหลออก…
ก็ให้ตลาดหุ้นมีผลตอบแทนเป็นบวกมาได้ทุกปี นับแต่ปี 57, 58 และ 59 ที่ผ่านมา
แต่เรื่องของเงินทุน เป็นเรื่องที่บังคับกะเกณฑ์กันไม่ได้ ขึ้นอยู่กับกฎเกณฑ์ที่เป็นธรรมชาติของมันที่ผิดแผกไปจาก “น้ำ”
นั่นคือ “น้ำ” จะไหลจากที่สูงไปที่ต่ำ แต่ “เงิน” จะไหลออกจากแหล่งผลตอบแทนต่ำ ไปยังแหล่งที่ให้ผลตอบแทนสูง
ฉะนั้น ก็มีอยู่บ้างเหมือนกัน ที่เงินยังไม่ยอมออกไปไหน เพราะ “ยังไม่มีที่ไป” ก็ต้องอดทนรอคอยจนกระทั่งเงินกลับมามีผลตอบแทนนั่นแหละ
สิ่งที่จะเป็นหลักประกันดีที่สุดสำหรับผลตอบแทนตลาดหุ้นก็คือ ผลประกอบการบจ.ครับ
ย้อนหลังไปเมื่อปี 2541 ซึ่งก็คือ “ปีเผาจริงของต้มยำกุ้ง” นั่นแหละ ดัชนีตลาดหล่นไปอยู่ต่ำสุดแถว 240 จุด
แต่หลังจากนั้น บจ.ที่อยู่รอดก็ช่วยกันสร้างสีสันตลาดให้โตขึ้นๆ และก็เพิ่มจำนวนบจ.ที่มีผลกำไรมากกว่าการขาดทุนในจำนวนที่มากขึ้นๆ
ตลาดหุ้นไทยจึงมีผลตอบแทนพลิกฟื้นมาแต่บัดนั้น
ปี 2559 ที่เพิ่งผ่านมาในช่วง 9 เดือนแรก เศรษฐกิจแน่นิ่งตกท้องช้าง แต่บริษัทจดทะเบียนยังคงรักษาผลกำไรเติบโตได้ถึง 35% ดัชนีผลตอบแทนตลาดหุ้นก็ดีตามครับ
ปีที่แล้วให้ผลตอบแทนถึง 19%
ยิ่งเลือกหุ้นคุณภาพแถมสภาพคล่องดี ก็ยิ่งจะทำกำไรกันได้มากกว่านั้น
หมั่นตรวจสุขภาพบริษัทจดะเบียนกันดีๆ ก็พอจะรู้อนาคตการลงทุน