จุดพักก่อน 1,580 จุดพลวัต 2017

2 วันมาแล้วที่คาดเดาใจของนักลงทุนในตาดหุ้นไทยค่อนข้างยาก เพราะปรากฏการณ์ “เช้าเปิดสูง เย็นปิดต่ำ” ทำให้นักลงทุนหลายคนต้องทบทวนว่า กลยุทธ์การเก็งกำไรของตนควรจะต้องหันมา “เล่นสั้น กำไรน้อย แต่ไม่ติดดอย” จะสามารถนำกลับมาใช้อีกครั้งได้หรือไม่ หากไม่ต้องการเผชิญกับภาวะขาลงที่อาจจะเกิดขึ้น


2 วันมาแล้วที่คาดเดาใจของนักลงทุนในตาดหุ้นไทยค่อนข้างยาก เพราะปรากฏการณ์ “เช้าเปิดสูง เย็นปิดต่ำ” ทำให้นักลงทุนหลายคนต้องทบทวนว่า กลยุทธ์การเก็งกำไรของตนควรจะต้องหันมา “เล่นสั้น กำไรน้อย แต่ไม่ติดดอย” จะสามารถนำกลับมาใช้อีกครั้งได้หรือไม่ หากไม่ต้องการเผชิญกับภาวะขาลงที่อาจจะเกิดขึ้น

ยิ่งคำพูดของนักวิเคราะห์ ในสื่อออนไลน์ที่ออกมาหลังเปิดตลาดเช้าและปิดตลาดบ่าย ต่างกันราวหน้ามือกับหลังเท้าด้วยแล้ว ยิ่งสูญเสียความน่าเชื่อถือลงไปมาก

โจทย์ที่ท้าทายนักลงทุนในช่วงนี้คือ หลังจากผ่านพ้นช่วงเวลาของ “ซานตา คลอส แรลลี่” ต้นเดือนนี้เรียบร้อยแล้ว จนดัชนีสามารถเกือบจะทะลุ 1,580 จุดได้ ก่อนจะเริ่มแกว่งตัวไม่ชัดเจนในช่วง 2 วันที่ผ่านมา (และอาจจะรวมถึงวันนี้ซึ่งเป็นวันศุกร์ด้วย) การพักฐานหรือปรับฐานจะเกิดขึ้นเมื่อใด และมากน้อยเท่าใด

เสน่ห์ของความลึกลับของตลาดหุ้นก็อยู่ที่ตรงนี้

สิ่งที่ไม่อาจจะปฏิเสธได้คือ การวิ่งขึ้นของดัชนีตลาดหุ้นไทยที่ช่วง 1 เดือนเศษที่ผ่านมา มีปัจจัยบวก 3 ประการที่ขับเคลื่อนอยู่คือ 1) ราคาน้ำมันดิบขาขึ้นระลอกใหม่จากข้อตกลงลดกำลังการผลิตของชาติส่งออกน้ำมัน 2) ปรากฏการณ์ “ทรัมป์ แรลลี่” 3) ทุนสำรองเงินตราระหว่างประเทศของไทยที่แข็งแกร่ง ทำให้ตลาดหุ้นไทยแข็งแกร่งเพราะกระแสฟันด์โฟลว์ไหลเข้า

 คำถามก็คือ ปัจจัยบวกทั้ง 3 ข้อข้างต้นบอบช้ำหรือสูญเสียเสน่ห์ไปแล้วหรือยัง

คำตอบชัดเจน คือ ยังมีเต็มเปี่ยม

ส่วนโจทย์ต่อไปคือ จะสามารถฝ่าแนวต้านขึ้นไปเหนือ 1,580 จุดได้หรือไม่

ข้อนี้ คำตอบยังไม่ชัดเจน เพราะไม่มีการคาดเดาอนาคตได้แม่นยำ

ประเด็นของฟันด์โฟลว์ เป็นประเด็นที่ไม่สามารถปฏิเสธได้เลยว่ามีความสำคัญต่อขาขึ้นและขาลงของตลาดหุ้นไทยยอย่างมาก สังเกตได้หยาบๆ ด้วยข้อสังเกตจากค่าเงินบาท ที่เชื่อมโยงเข้ากับการซื้อขายของต่างชาติ

ทุกครั้งที่ฟันด์โฟลว์ไหลเข้า แล้วดันดัชนีราคาหุ้นให้บวกต่อเนื่อง คำถามของคนช่างสังเกตจะตามมาเสมอว่า ด้วยความกังวลว่า รอบนี้ของฟันด์โฟลว์จะสั้นหรือยาวนาน

ความกังวลว่าฟันด์โฟลว์จะไหลออกในช่วงตลาดขาขึ้น มีเหตุผลไม่น้อย และมีคำอธิบายทำนองเดียวกันอย่างหลากหลาย  โดยเฉพาะระหว่างช่วงเวลาแห่งความสับสนของกระแสข่าวรอบด้านที่มีทั้งปัจจัยลบและบวกผสมกัน ซึ่งจะถูกครอบงำด้วยกระแสอารมณ์ของตลาดล้วนๆ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับพื้นฐานของผลประกอบการตลาด

อารมณ์ของตลาดดังกล่าว (ส่วนหนึ่งเกิดจากการขายทำกำไรที่แทรกเข้ามา) เป็นเรื่องยากที่จะเข้าใจ และยากจะควบคุมได้ เพราะความแปรปรวนจากข้อมูลและข่าวลือที่พิสูจน์ได้ยากในระยะสั้น สามารถบั่นทอนความรู้สึกมั่นใจได้อย่างมาก เพราะสัญญาณทางเทคนิคที่เกิดขึ้น ไม่สามารถใช้หลักการที่นักวิเคราะห์พื้นฐานใช้กันมา คือ “ให้กำไรดันราคา” หรือ  let profit run ได้

ในช่วงเดือนนี้เป็นต้นไป จนถึงสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ จะถือว่าเข้าสู่ช่วงเทศกาลประกาศงบการเงินงวดไตรมาสสี่หรืองวดสิ้นปี ซึ่งเริ่มตั้งแต่หุ้นกลุ่มธนาคารเป็นหลัก ตามด้วยหุ้นกลุ่มอื่นๆ ที่จะทยอยตามกันมา คำถามที่นักลงทุนจะต้องค้นหาคำตอบกันโดยเร็วคือ 1) ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนโดยรวมจะเป็นเช่นใด 2) ตลาดหุ้นหลังการขึ้นสู่อำนาจของนายโดนัลด์ ทรัมป์นั้น จะเกิดอะไรขึ้น 3) กระแสฟันด์โฟลว์ที่เพิ่งจะไหลกลับเข้ามาในตลาดหุ้นไทยยามนี้เพียงแค่ 9 พันล้านบาทเศษเท่านั้น จะสิ้นสุดรวดเร็วหรือเข้ามาอีกยาวนาน

คำตอบไม่ได้อยู่ที่ปัจจัยเดียว เพราะข้อมูลที่ชัดเจนล่าสุด ได้รับการยืนยันจากนักวิเคราะห์ที่แม่นยำในข้อมูลการเคลื่อนย้ายทุนระหว่างประเทศยืนยันแล้วว่า กองทุนเก็งกำไรขนาดใหญ่ข้ามชาติต่างเริ่มตระหนักดีและมีข้อสรุปที่ชัดเจนแล้วว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ จะยากลำบากอย่างยิ่งในการขับเคลื่อนให้นโยบายที่หาเสียงเอาไว้สวยหรูเดินหน้าไปได้ราบรื่น เพราะอำนาจของรัฐบาลกลางสหรัฐที่ทำเนียบขาวนั้น ถูกถ่วงรั้งด้วยอำนาจจากพลังการเมือง “สถาบัน” อื่นๆ ในสหรัฐที่จะขัดขวางเป้าหมายของทรัมป์ที่ตั้งเอาไว้เลอเลิศเกินจะทำได้

ภาวะกระทิงเล็กๆ ที่ดูเหมือนใกล้จะสิ้นสุดลงในตลาดหุ้นไทย เพราะว่า ดัชนีไม่สามารถทะยานต่อไปได้เหนือ 1,580 จุด เป็นแค่ระลอกแรกของขาขึ้นเท่านั้น ยังจะมีระลอกที่สองและสามตามมาในระยะกลาง

คำถามคือเมื่อใด จึงจะมีระลอกต่อไป คำตอบก็ยังไม่ชัดเจนแต่หากพิจารณาจากสูตรของการเคลื่อนตัวของตลาด จะพบว่า เมื่อใดที่ เมื่อดัชนีสะสมพลังจากขาขึ้น หรือขาลง มาถึงจุดสำคัญที่เรียกว่า “ภาวะมวลวิกฤต” (critical mass) จะเกิดแรงเหวี่ยงที่รุนแรงสำคัญตามมา ประหนึ่งโปรแกรมเทรดที่ตั้งคำสั่งอัตโนมัติไว้ของบรรดากองทุน

ตำนานของการเคลื่อนย้ายเงินทุนออกจากสหรัฐระลอกใหม่ ตราบใดที่ทรัมป์ เริ่มพบกับข้อเท็จจริงของอำนาจที่เศรษฐีอย่างเขาไม่สามารถจะเสกปั้นขึ้นเองเหมือนกับตอนที่ทำธุรกิจ อาจจะเป็นไปได้ หากผ่านช่วงเวลาที่ผ่านการทดสอบบางอย่างไปแล้ว เพราะคำขวัญหาเสียง “อเมริกันมาก่อน” อาจจะลืมไปว่า อเมริกันจะไม่ได้อะไรเลย หากละทิ้งชาวโลก

เหตุผลก็เพราะข้อเท็จจริงนั้น อเมริกาเติบโตมาเป็นมหาอำนาจเนื่องจากเพราะกุมชะตาของโลกเอาไว้ เมื่อใดที่ทำไม่ได้อีกต่อไป ก็จะไม่สามารถทรงความยิ่งใหญ่เหมือนเดิมอีก

Back to top button