CCP จะสดใสขึ้น!!

CCP มีการเพิ่มประสิทธิภาคด้วยการเซ็นสัญญารับงานผลิตชิ้นส่วนซีเมนต์สำเร็จรูปในโครงการทางหลวงพิเศษ มอเตอร์เวย์หมายเลข 6 บางปะอิน-นครราชสีมา มูลค่าประมาณ 100 ล้านบาท ขณะที่เดียวกันอยู่ระหว่างเตรียมเสนอราคาต่อเนื่องเพื่อรับงานโครงการดังกล่าวมูลค่ารวมประมาณ 500 ล้านบาท


–คุณค่าบริษัท–

 

ทางด้าน บริษัท ผลิตภัณฑ์คอนกรีตชลบุรี จำกัด (มหาชน) หรือCCP มีการเพิ่มประสิทธิภาคด้วยการเซ็นสัญญารับงานผลิตชิ้นส่วนซีเมนต์สำเร็จรูปในโครงการทางหลวงพิเศษ มอเตอร์เวย์หมายเลข 6 บางปะอิน-นครราชสีมา มูลค่าประมาณ 100 ล้านบาท ขณะที่เดียวกันอยู่ระหว่างเตรียมเสนอราคาต่อเนื่องเพื่อรับงานโครงการดังกล่าวมูลค่ารวมประมาณ 500 ล้านบาท

ขณะเดียวกันบริษัทยังมีจุดแข็งโดยปัจจุบันมีมูลค่างานในมือรอส่งมอบ (backlog) ประมาณ 2,500 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ในระยะเวลา 1 ปี 6 เดือน แบ่งเป็นการรับรู้รายได้ในปี 2560 ประมาณ 60-65% ขณะเดียวกันบริษัทจะทยอยหางานเข้ามาเพิ่มอีกในอนาคต เพื่อรักษามูลค่างานในมือให้อยู่ในระดับไม่ต่ำกว่า 2,000 ล้านบาท

นอกจากนี้บริษัทมีจะออกผลิตภัณฑ์ซีเมนต์สำเร็จรูปแบบใหม่ที่จะมีขนาดใหญ่กว่าเดิม ซึ่งจะทำให้บริษัทสามารถลดคู่แข่งขันทางด้านราคา และจะเป็นการช่วยสร้างมาร์จิ้นให้เพิ่มมากขึ้น โดยบริษัทตั้งเป้าจะรักษาอัตรากำไรสุทธิในปี 2560 เติบโตไม่ต่ำกว่า 1% หลังจากที่จะมีการออกผลิตใหม่เพื่อลดปัญหาการแข่งขันด้านราคาและจะมีการบริหารต้นทุนภายในบริษัท

ทำให้บริษัทวางเป้าหมายปี 2560 จะมีรายได้จำนวน 2,550 ล้านบาท หรือเติบโต 10% จากปี 2559 ซึ่งเป็นการเติบโตตามการลงทุน โครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐ โดยบริษัทคาดสัดส่วนรายได้ของบริษัทในปี 2560 จะมาจากงานภาครัฐ 80% และงานภาคเอกชน 20%

แม้ว่าผลการดำเนินงานไตรมาส 3 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2559 บริษัทมีรายได้รวมลดลงเหลือ 583.16 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อน 620.36 ล้านบาท สาเหตุหลักของการลดลงของรายได้รวมเกิดจากการชะลอตัวและปัจจัยการแข่งขันด้านราคาที่รุนแรงของตลาดวัสดุก่อสร้าง ส่งผลให้บริษัทมีกำไรลดลงเหลือ 4.72 ล้านบาท หรือ 0.0018 บาทต่อหุ้น จากงวดเดียวกันของปีก่อน 12.22 ล้านบาท หรือ 0.0047 บาทต่อหุ้น

ส่วนผลการดำเนินงานงวดเก้าเดือน สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2559 บริษัทมีรายได้รวมลดลงเหลือ 1,761.73 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อน 1,818.28 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทกำไรลดลงเหลือ 13.32 ล้านบาท หรือ 0.0051 บาทต่อหุ้น จากงวดเดียวกันของปีก่อน 36.96 ล้านบาท หรือ 0.0142 บาทต่อหุ้น

เมื่อวิเคราะห์ความน่าจะเป็นที่หุ้นจะปรับตัวขึ้นต่อไปเรื่อยๆ โดยนำมูลค่าทางบัญชีของหุ้นที่ระดับ 0.50 บาท มาคำนวณค่า P/BV ที่ระดับ 1.50 เท่า จะได้ราคาเหมาะสมที่ 0.75 บาท ขณะที่ราคาหุ้นบนกระดานอยู่ที่ระดับ 0.69 บาท ถือว่าราคาหุ้นยังมีแก๊ปให้เล่นอยู่

ทั้งนี้ ด้วยประสิทธิภาพสำหรับการผลิต และการออกผลิตภัณฑ์แบบใหม่ ซึ่งจะช่วยให้บริษัทสามารถผลิตได้หลากหลายมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้บริษัทกลับมาแข็งแกร่งได้แน่นอน

 

ผู้ถือหุ้นรายใหญ่

1.บริษัท ทีปกรโฮลดิ้ง จำกัด 958,470,998 หุ้น 36.54%

2.นายประทีป ทีปกรสุขเกษม 212,739,643 หุ้น 8.11%

3.น.ส.สกุล เติมอริยบุตร 79,939,093 หุ้น 3.05%

4.นายสุวรรณ พรมีไชย 54,000,000 หุ้น 2.06%

5.นายขจร ลือกิตินันท์ 39,199,167 หุ้น 1.49%

 

รายชื่อกรรมการ

1.นาย ประทีป ทีปกรสุขเกษม ประธานกรรมการบริษัท

2.นาย อาทิตย์ ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ

3.นาย อาทิตย์ ทีปกรสุขเกษม กรรมการ

4.นาง ชลธิชา ทีปกรสุขเกษม กรรมการ

5.นาย ณรงค์ บานเย็นกรรมการ

Back to top button