EPG แนวโน้มยังสดใส
EPG จัดเป็นหุ้น Growth Stock อีกตัวก็ว่าได้ เนื่องจากภาพรวมยังสดใสทุกกลุ่มธุรกิจ
–คุณค่าบริษัท–
บริษัท อีสเทิร์นโพลีเมอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ EPG จัดเป็นหุ้น Growth Stock อีกตัวก็ว่าได้ เนื่องจากภาพรวมยังสดใสทุกกลุ่มธุรกิจ อันได้แก่
– Aeroflex (AFC) หรือ ธุรกิจฉนวนยางกันความร้อนและเย็น ซึ่งปัจจุบัน AFC มีรายได้หลักจากประเทศสหรัฐ รองลงมาประเทศไทย และเอเชีย รวมถึงภูมิภาคตะวันออกกลาง
โดย AFC จะได้รับผลบวกจากนโยบายของว่าที่ประธานาธิบดีใหม่ของสหรัฐ ที่จะมีการเพิ่มงบลงทุนในโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ ซึ่งปัจจุบัน AFC มีโรงงานอยู่ในสหรัฐด้วย เช่นเดียวกับประเทศไทย ที่คาดว่าจะได้รับผลบวกแผนการลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐ เช่น โครงการรถไฟฟ้า และสนามบิน เป็นต้น
ด้านราคาน้ำมันที่เริ่มกลับมาปรับตัวเพิ่มขึ้นคาดส่งผลบวกต่อ AFC ทั้งในแง่กำลังซื้อจากกลุ่มประเทศตะวันออกกลางที่เพิ่ม และความต้องการใช้ฉนวนยางหุ้นท่อส่งน้ำมันและแก๊สมากขึ้น นอกจากนั้น การเติบโตของธุรกิจ Shale Oil & Gas ยังส่งผลบวกต่อความต้องการใช้ฉนวนยางของ AFC ด้วย
– Aeroklas (ARK) หรือ ธุรกิจผลิตและจำหน่ายชิ้นส่วนอุปกรณ์และตกแต่งรถยนต์ โดยชิ้นส่วนรถยนต์ที่ผลิตได้ส่วนใหญ่ของ ARKจะเน้นไปที่รถกระบะ โดยรายได้ราว 70% มาจากต่างประเทศ ARKนับว่าเป็นธุรกิจที่มีการเติบโตได้โดดเด่นสุดในปีนี้ จากการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ และธุรกิจ TJM ที่มีการรับรู้รายได้มากขึ้น
สำหรับแนวโน้นในช่วงที่เหลือของปีนี้และปีหน้าคาดว่าจะได้รับผลบวกจากยอดผลิตรถยนต์ที่คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้น ประกอบกับคาดว่าตลาดชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์ในไทยและในตลาดโลกยังคงมีความต้องการที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง รวมทั้งคาดว่าจะได้รับผลบวกจากคำสั่งซื้อผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพิ่มขึ้น
– EPP หรือธุรกิจผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์พลาสติกสำหรับอาหารและเครื่องดื่ม ซึ่งคาดว่าแนวโน้มรายได้จะมีทิศทางที่เติบโตได้ดีต่อเนื่อง จากกำลังการผลิตใหม่ที่จะเริ่มผลิตเต็มที่เดือน ม.ค. 2560 หลังแก้ปัญหาด้านกระแสไฟฟ้าไม่เพียงพอได้สำเร็จ
ขณะที่ EPP มีแผนขยายผลิตภัณฑ์ลงไปสู่ตลาดล่างมากขึ้น แต่ยังคงรักษาระดับอัตรากำไรขั้นต้นได้ใกล้เคียงกับระดับบน ซึ่งจากอัตราการใช้กำลังการผลิตที่สูงขึ้น และแผนการลดต้นทุน คาดว่าจะช่วยชดเชยความเสี่ยงจากต้นทุนวัตถุดิบที่มีอาจปรับตัวเพิ่มขึ้นได้
ด้วยจากภาพที่สดใสทั้ง 3 กลุ่มธุรกิจ ทำให้นักวิเคราะห์คาดว่าผลการดำเนินงานปกติในปี 2560 (เม.ย.2559–มี.ค.2560) จะทำกำไรได้ 1,696 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30.5% และคาดว่าผลการดำเนินปกติในช่วงอีก 2 ปีข้างหน้า กำไรจะเติบโตเฉลี่ย 22% จากงวดเดียวกันของปีก่อนต่อปี
อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์คาดว่าผลการดำเนินงานปกติในงวดไตรมาส 3 ปี 2560 (ต.ค.-ธ.ค.2559) จะปรับตัวดีขึ้นทั้งจากไตรมาสก่อน และจากงวดเดียวกันของปีก่อน โดยเฉพาะธุรกิจ ARKที่คาดว่าจะดีขึ้นทั้งจากไตรมาสก่อน และจากงวดเดียวกันของปีก่อน จากตลาดส่งออกที่คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นและมีการรับรู้รายได้จาก TJM ที่มากขึ้น
สำหรับธุรกิจ AFC คาดทรงตัวจากไตรมาสก่อนแต่ดีขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน จากยอดขายในต่างประเทศทั้งสหรัฐและเวียดนามที่คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้น และธุรกิจ EPP คาดจะทรงตัวจากไตรมาสก่อน แต่ลดลงเล็กน้อยจากงวดเดียวกันของปีก่อนตามภาวะการบริโภคในประเทศที่ชะลอตัว จึงคาดว่าแนวโน้มกำไรปกติไตรมาส 4 ปี 60 (ม.ค.-มี.ค. 2560) ยังมีแนวโน้มดีขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะ EPP ที่จะมีอัตราการใช้กำลังการผลิตที่สูงขึ้น
ทั้งนี้นักวิเคราะห์ บล.เคทีบี ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” จากแนวโน้มในอนาคตที่คาดว่าจะสดใสต่อเนื่องในทุกกลุ่มธุรกิจ โดยประเมินราคาเป้าหมายในงวดปี 2561 (เม.ย. 2560-มี.ค.2561) ที่ 16.50 บาท ด้วย PER ราว 22 เท่า เทียบเท่า PEG ที่ 1 เท่า อย่างไรก็ตาม ราคาเป้าหมายอาจยังมี upside เพิ่มได้อีก หากมีความชัดเจนจากแผนการขยายธุรกิจโดยการเข้าซื้อกิจการอื่นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการพิจารณา
…
ผู้ถือหุ้นรายใหญ่
1.บริษัท วิทูรปกรณ์ โฮลดิ้ง จำกัด 1,679,999,800 หุ้น 60.00%
2.นายภวัฒน์ วิทูรปกรณ์ 70,400,100 หุ้น 2.51%
3.นายชำนาญ วิทูรปกรณ์ 48,800,000 หุ้น 1.74%
4.นายเฉลียว วิทูรปกรณ์ 42,600,000 หุ้น 1.52%
5.บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด 41,879,006 หุ้น 1.50%
รายชื่อกรรมการ
1.นายวัชรา ตันตริยานนท์ ประธานกรรมการ
2.นายวัชรา ตันตริยานนท์ กรรมการอิสระ
3.นายภวัฒน์ วิทูรปกรณ์ ประธานคณะกรรมการบริหาร
4.นายภวัฒน์ วิทูรปกรณ์ รองประธานกรรมการ
5.นายภวัฒน์ วิทูรปกรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร