SVI ไม่ได้มาเล่นๆ

สภาแมงเม่า : ดร.สมชาย

 

คุณวาสิตา จ.เมือง จ.นครปฐม พูดถึงสถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยในช่วงต้นปี 60 มีแต่เรื่องดีๆ ให้นักลงทุนรายย่อยได้รู้สึกสดชื่นตลอดเวลา และหนึ่งในตัวเลือกที่เริ่มมีการพูดถึงในคราวนี้ก็คือ SVI หรือบริษัท เอสวีไอ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ประเภทวงจรไฟฟ้า และผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์สำเร็จรูป โดยตอนนี้มีการพูดถึงการขึ้นของหุ้นเที่ยวนี้น่าจะยาวนานกว่าปกติ จึงอยากให้อาจารย์ช่วยประเมินความเสี่ยงของหุ้นตัวนี้ เพื่อดิฉันจะได้นำไปประกอบการลงทุนด้วยค่ะ

 

หากพิจารณารูปแบบการเข้าลงทุนในแต่ละช่วง แต่ละตอน ย่อมไม่มีอะไรที่แน่นอนตายตัว การลงทุนที่ดีจำเป็นต้องพลิกแพลงให้เข้ากับสถานการณ์นั้นๆ อาจารย์ถึงเห็นด้วยกับคุณ “วาสิตา” ซึ่งกำลังหาข้อมูลจากที่ต่างๆ เพื่อใช้ประกอบการลงทุน

เพียงแต่ข้อมูลที่ได้จากที่ต่างๆ จะโดนใจตัวนักลงทุนขนาดไหน หรือตรงกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นมากน้อยเพียงใด อาจารย์ไม่สามารถตอบได้ เพราะไม่มีใครหยั่งรู้ไปหมดทุกเรื่อง อีกทั้งประสบการณ์ในแวดวงตลาดหุ้นหลายสิบปีที่ผ่านมาบอกให้รู้ว่า เลือกหุ้นดี ขายถูกจังหวะ(ขายหมูไปบ้าง ก็ไม่เป็นไร) คนนั้นคือผู้ชนะ

เหมือนการลงทุนในหุ้น SVI หรือ บริษัท เอสวีไอ จำกัด (มหาชน) มันเป็นเรื่องของจังหวะการลงทุนที่เวียนมาอีกรอบ เพราะถ้าดูจากรูปแบบขยับขึ้นขยับลงของหุ้นในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาจะเห็นว่า มีทั้งช่วงที่หุ้นพีคสุด และมีช่วงที่ตกต่ำสุด โดยกรอบหลักที่หุ้นเคลื่อนไหวอยู่ในระดับ 4.20-6.20 บาท

สำหรับปัจจัยที่ทำให้ราคาหุ้นสวิงไปมาค่อนข้างรุนแรง ล้วนมาจากผลประกอบการที่ขึ้นๆ ลงๆ โดยในบางปีปรากฎผลขาดทุน แต่ปีถัดมาสามารถทำกำไรได้มหาศาล ต่อจากนั้นตัวเลขกำไรก็คงที่ ก่อนจะประสบปัญหาขาดทุนอีกครั้ง ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่วนเวียนไปมาหลายรอบ

 

	ปี 56	ปี 57	ปี 58	งวด 9 เดือน ปี 59
รายได้รวม	9,305.00	9,767.18	9,864.27	9,298.93
กำไรสุทธิ	1,623.09	-304.46	2,029.15	1,395.35
กำไรต่อหุ้น (บาท)	0.72	-0.13	0.90	0.62

(หน่วย : ล้านบาท)

 

ด้วยเหตุนี้อาจารย์ถึงอยากให้นักลงทุนโฟกัสการลงทุนแค่ระยะสั้นๆ อย่าคาดหวังหุ้น SVI จะทะยานขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนไม่รู้จักคำว่า “พักฐาน” กับ “ทรุดตัว” นะครับ

ที่สำคัญคือ หากเอาตัวเลขกำไรต่อหุ้นปี 58 ที่ระดับ 0.90 บาทมาเทียบบนค่า P/E 10 เท่า ได้ราคาเป้าหมายสูงถึง 9 บาท แต่ตัวเลขจริงๆ ที่หุ้นไปถึงอยู่แค่ 6.20 บาท ย่อมเป็นตัวแปรที่บอกให้รู้เป็นนัยว่า มองแค่ยอดเก่าก็พอ!

หากหุ้นยังสามารถขยับขึ้นไปได้อีก ก็ค่อยว่ากันไปทีละช็อตจะดีกว่ามั่ง

…

 

กราฟประกอบคอลัมน์ : Aspen, ราคาปิด ณ วันที่ 13 ม.ค.60