ถึงเวลาเขย่าโมนิก้าและทีมงาน
*หากดูจากทรงของดัชนีที่แกว่งตัวไปมาตลอดทั้งสัปดาห์ “โมนิก้า” พูดได้ทันทีว่า ดัชนีต้องผ่านกระบวนการเขย่าแรงๆ อีกนิดหนึ่ง เพื่อทำให้แรงเทขายสะเด็ดน้ำอย่างถาวร หลังจากนั้นถึงจะเห็นดัชนีเหินทะยานขึ้นไปทดสอบแนวต้าน 1,600 จุด ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่นักลงทุนหลายรายรับรู้กันอย่างกว้างขวาง แต่เมื่อถึงคราวปฎิบัติจริงๆ กลับไม่สามารถบังคับตัวเองได้ซะอย่างนั้นเจ้าค่ะ
*หากดูจากทรงของดัชนีที่แกว่งตัวไปมาตลอดทั้งสัปดาห์ “โมนิก้า” พูดได้ทันทีว่า ดัชนีต้องผ่านกระบวนการเขย่าแรงๆ อีกนิดหนึ่ง เพื่อทำให้แรงเทขายสะเด็ดน้ำอย่างถาวร หลังจากนั้นถึงจะเห็นดัชนีเหินทะยานขึ้นไปทดสอบแนวต้าน 1,600 จุด ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่นักลงทุนหลายรายรับรู้กันอย่างกว้างขวาง แต่เมื่อถึงคราวปฎิบัติจริงๆ กลับไม่สามารถบังคับตัวเองได้ซะอย่างนั้นเจ้าค่ะ
*ด้วยสถานการณ์ดังกล่าวทำให้ “โมนิก้า” มองต้องการขยับเขยื้อนของตัวนักลงทุนเป็นหลัก เพราะข้อมูลทางด้านสถิตบอกไว้อย่างชัดเจนว่า ดัชนียังอยู่ในเขตซื้อมากเกินไปค่อนข้างชัดเจน และหากดัชนีทะยานขึ้นไปไม่ไหวจริงๆ แนวรับสำคัญตรงจุดแรกก็อยู่ที่บริเวณ 1,560 จุด ส่วนจุดสองก็อยู่ที่บริเวณ 1,540 จุด จึงขึ้นอยู่กับผู้เล่นมองประเด็นนี้อย่างไรนะคะ
*ส่วนเรื่องทะเลาะเบาะแวงของชาวหุ้น และการเบี้ยวหนี้ตั๋วบีอีที่เกิดขึ้นทุกวัน “โมนิก้า” มองเป็นช็อตของคนที่มีอำนาจต้องลงมาแก้ไขด้วยตัวเอง อย่าให้เดี๊ยนต้องออกโรงชี้นิ้วสั่งให้ทำเลย เพราะมันเป็นการล้ำเส้นมากเกินไป บวกกับเป็นคนที่ชอบเม้าท์อะไรตรงๆ เกรงว่า เรื่องที่กำลังจะแฉอาจทำให้คนทั้งวงการสั่นสะเทือน จึงขออุบไว้ก่อนเป็นการชั่วคราว เพื่อเปิดโอกาสให้จัดการหลังบ้านกันเองค่ะ
*เม้าท์ถึงเรื่องเข้าข้างหลังทีไร “โมนิก้า” นึกถึงพ่อดอกมะลิเป็นประจำ JAS เพราะแผนการเงินค่อนข้างยอดเยี่ยม บวกกับแผนหุ้นก็ค่อนข้างไฉไลเหลือเกิน ราคาหุ้นถึงขยับเขยื้อนแรงอีกรอบ ล่าสุดเห็นหุ้นขึ้นมายืนอยู่ที่ 8.80 บาท บวกไป 0.60 บาท หรือขึ้นไป 7.30% ด้วยมูลค่า 1.91 พันล้านบาท มันเป็นจังหวะของการเล่นตามน้ำ และสามารถมองยอดเก่าที่บริเวณ 10 บาทได้อีกด้วยก็เท่านั้นเอง
*เหมือนกับในรายของ PTL มีแบ็กอัพเกี่ยวกับตัวเลขกำไรเป็นที่ตั้ง ราคาหุ้นก็ตั้งป้อมขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้ในบางจังหวะจะโดนเทขายไปบ้าง แต่โดยรวมยังอยู่ในทิศทางขาขึ้นเหมือนเดิม ล่าสุดเห็นหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 19 บาท บวกไป 1.60 บาท หรือขึ้นไป 9.20% ด้วยมูลค่า 960 ล้านบาท มันเป็นการซื้อขายบนค่า P/E 14 เท่า หุ้นมีโอกาสทะยานขึ้นไปอีกไกลเลยทีเดียวนะจ๊ะ
*เช่นเดียวกับในรายของ UV หากดูราคาปิดที่ 8 บาท บวกไป 0.20 บาท หรือขึ้นไป 2.50% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 517 ล้านบาท มันเป็นการซื้อขายบนค่า P/E 14 เท่าเช่นกัน บวกกับหุ้นเพิ่งขึ้นแรงได้ไม่เกิน 2 วัน ย่อมกระตุ้นให้ขาประจำเข้ามาตะลุมบอนกันอย่างสนุกสนาน อีกทั้งสตอรี่ที่เกี่ยวกับแผนธุรกิจน่าจะผุดออกมาเรื่อยๆ “โมนิก้า” ถึงเกิดอาการฟินอย่างบอกไม่ถูกไงล่ะค่ะ
*ส่วนหุ้นอีกหนึ่งรายอย่าง CM ก็มาในพล็อตเดียวกันกับรายข้างต้น แรงซื้อไหลเข้ามาแบบไม่ทันตั้งตัว ขาใหญ่กระโจนเข้าใส่กันอย่างสนุกสนาน จนหุ้นวิ่งขึ้นมายืนที่ 5.30 บาท บวกไป 0.88 บาท หรือขึ้นไป 20% ด้วยมูลค่า 480 ล้านบาท สุดท้ายก็เป็นการซื้อขายบนค่า P/E 10 เท่า “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องที่นักลงทุนต้องหัดทำตัวให้ทันกระแส เพื่อเปิดช่องในการเล่นเก็งกำไรสั้นๆ เจ้าค่ะ
*ในเมื่อกระแสหุ้นต่ำกว่าราคาเหมาะสมจุดติด “โมนิก้า” ก็ไม่แปลกใจที่ม้ามืดอย่างหุ้น IFS เกาะกระแสมากับเขาด้วย เพราะเป็นหุ้นอีกหนึ่งตัวที่มีองค์ประกอบครบถ้วนสมบูรณ์แบบ จึงทำให้การขึ้นมาปิดที่ 3.14 บาท บวกไป 0.20 บาท หรือขึ้นไป 6.80% ด้วยมูลค่า 180 ล้านบาท เป็นเรื่องที่อธิบายได้เต็มปากเต็มคำ แต่สิ่งที่อธิบายไม่ได้ในคราวนี้คือ หุ้นจะวิ่งนานแค่ไหน? เพราะในอดีตมาแค่แป๊บเดียว ต่อจากนั้นก็หายไปเลยพะยะค่ะ
*เม้าท์ถึงเรื่องนี้ขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” ต้องหันกลับมาดู CSS เป็นรายถัดมาในทันที เพราะปีก่อนก็ตั้งท่าจะคัมแบ็ค พอเอาเข้าจริงก็กลับมาไม่ไหว แต่ดูเหมือนว่า เที่ยวนี้จะมีความมั่นใจอย่างเหลือล้น แรงซื้อถึงไหลเข้ามาไม่ขาดสาย จนหุ้นขึ้นมาปิดที่ 3.12 บาท บวกไป 0.22 บาท หรือขึ้นไป 7.60% ด้วยมูลค่า 270 ล้านบาท เดี๊ยนภาวนาแค่ให้หุ้นยืนเหนือ 3 บาทได้อย่างแข็งแกร่งเท่านั้นพอ ต่อจากนั้นค่อยว่ากันอีกทีนะคะ
*เหมือนกับในรายของ COMAN ไต่ระดับขึ้นอย่างช้าๆ ก่อนจะลงเอยที่ระดับ 10.80 บาท ลบไป 0.30 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 156 ล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องที่ไม่มีอะไรสลับซับซ้อน เพราะหุ้นเคลื่อนไหวแบบ w-shape หากยืนปิดเหนือ 11 บาทได้อย่างมั่นคง รับรองว่า 12 บาทไม่ไกลเกินเอื้อม..หากไปไม่ไหว ก็คงลงมาตั้งหลัก 10 บาทอีกครั้ง..ง่ายไหมค่ะ