ที่เห็นน่ะไม่ใช่ขี่พายุ ทะลุฟ้า
สังคมไทยเราทุกวันนี้ มันชักยังไงๆ อยู่นา...ที่เห็นน่ะไม่ใช่ แต่ที่ใช่น่ะไม่เห็น
ชาญชัย สงวนวงศ์
สังคมไทยเราทุกวันนี้ มันชักยังไงๆ อยู่นา…ที่เห็นน่ะไม่ใช่ แต่ที่ใช่น่ะไม่เห็น
เรื่องราวของครูจอมทรัพย์ จากพยานหลักฐานที่ปรากฏออกมาในภายหลัง ดูแล้วก็น่าจะเป็น “แพะ” ไม่ใช่ “แกะ” เพราะครูจอมทรัพย์ ที่มีอาชีพเป็นแม่พิมพ์อยู่แล้ว ก็คงจะไม่ลงทุนถึงขั้นเอาตัวเองไปเข้าคุกเข้าตะรางหรอก
แต่ตำรวจทั้งกรมก็ดาหน้ากันออกมายืนยันว่าเป็นการ ”จัดฉาก” เพื่อเรียกร้องให้ทางการเยียวยา ”เหยื่อ” ผู้บริสุทธิ์
มันจะเป็นการ “จัดฉาก” ได้ยังไงกันเนี่ย ในเมื่อต้องจัดผู้ต้องหาคนใหม่ไปติดคุกแทน…งง!อ๊ะ
เรื่องการขนส่งน้ำมันจากฝั่งไปยังฐานขุดเจาะบริษัทเชฟรอนกลางทะเลอ่าวไทย มันจะดั้นเมฆตีความกันไปได้อย่างไรว่าเป็นการส่งออก สามารถยกเว้นภาษีสรรพสามิตได้ และก็ได้รับการยกเว้นกันมาเป็นเวลาตั้ง 4 ปี (2554-2558)
ไม่ต้องคนระดับอธิบดีกรมศุลกากรหรือระดับอธิบดีกรมสรรพสามิตจะใช้ “สามัญสำนึก” คิดได้เองหรอก จบป.4 ม.3 หรือม.6 ก็สามารถจะคิดเองได้ว่า แท่นขุดเจาะน้ำมันเข้าฝั่งไทย มันจะไปอยู่นอกน่านน้ำไทยได้อย่างไร
ถ้าแท่นขุดเจาะไปอยู่ในน่านน้ำมาเลย์หรือเวียดนามสิ ถึงจะเรียกว่าการส่งออก และถ้าแท่นนั้นมันขุดแล้วส่งผ่านท่อเข้ามาในราชอาณาจักรไทย ก็ต้องถือว่าเราไปขโมยน้ำมันหรือก๊าซเพื่อนบ้านเขา
เป็นโจรสลัด ผิดกฎหมายระหว่างประเทศ ต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย
แต่นี่มันรู้เห็นตำตานี่ว่าขุดเจาะเข้ามาในราชอาณาจักร แท่นขุดเจาะมันก็ต้องอยู่ในน่านน้ำไทย ผ่าไปคิดสัปดนเป็นน่านน้ำสากลหรือน่านน้ำเพื่อนบ้านจึงต้องส่งออกได้อย่างไร
คนระดับอธิบดีโง่บรม คอมมอนเซนส์ชาวบ้าน เหนือกว่าหลายเท่าตัวนัก
เรื่องรถเมล์เบสท์ริน เอ็นจีวี ขสมก. ในเมื่อถูกจับได้ว่าเป็น “รถย้อมแมว” แจ้งเท็จว่าประกอบในมาเลเซีย เพื่อเอาสิทธิ์อาฟต้า ไม่ต้องเสียภาษีนำเข้า 40% เกมก็น่าจะโอเวอร์ ต้องล้มเลิกการประมูลไปแล้ว ซึ่งความผิดก็สำเร็จไปแล้วด้วย
เพราะรัฐบาลยุคปฏิรูป เป็นผู้เกลียดชังการทุจริตคอร์รัปชั่นเป็นที่สุด อีกทั้งประณามรัฐบาลจากนักการเมืองว่าชุกชุมไปด้วยการคอร์รัปชั่น
การเข้าประมูลโดยคิดตัวเลขเผื่อว่า ต้นทุนตนเองจะต่ำมากเป็น40% เนื่องจากมีวิธีซิกแซ็กย้อมแมวรถนำเข้ารถจากแหล่งกำเนิดดังที่ว่า ก็เป็นการเอารัดเอาเปรียบคู่แข่งที่คิดเผื่อภาษีนำเข้า
รัฐบาลคสช.ยอมได้หรือกับบริษัทขี้โกงเช่นนี้
นอกจากนี้ การประมูลคราวนี้ก็ยังมี“สัญญาคุณธรรม” ซึ่งบริษัทที่มัวหมองจะเข้าประมูลไม่ได้เลย แต่บริษัทเบสท์รินยังมีเรื่องค้างที่กรมภาษีเรียกเก็บจากการย้อมแมวรถเช่นว่านี้เป็นจำนวนเงินถึง 230ล้านบาท
เพียงแต่เป็นรถจีนต่างยี่ห้อกันชื่อ “โกลเดน ดรากอน”
ว่าก็ว่ากันนะ เขาบอกว่าบริษัทเบสท์รินเจ้านี้ มีเส้นสายใหญ่โต เป็นเด็กในสังกัดบิ๊กเบิ้มคนหนึ่ง ซึ่งใครก็ทำอะไรไม่ได้
ไม่มีคุณสมบัติเข้าประมูลก็ยังเข้าประมูลได้
ถูกจับทุจริต เจตนาเลี่ยงภาษี ทั้งขี้โกงเพื่อนและโกงหลวง ก็ยังมีฤทธิ์ยื้อจะให้ขสมก.รับรถให้ได้
ผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองเช่นเสนาบดีกระทรวงคมนาคม ก็ยังช่วยอุ้มสมว่า “ไม่ผิดทีโออาร์ แต่อาจจะผิดสัญญา”
ก็คงจะต้องรอดูกันต่อไปแล้วกันนะว่า จะกล้าเปิดหน้าอุ้มสมบริษัทขี้โกงกันไปได้ตลอดรอดฝั่งหรือเปล่า
ที่เห็นว่าเป็นผ้าขาวสะอาด แท้จริงแล้วมันก็แปะเอี่ย ครือกันละว้า