2 หุ้นรับอานิสงส์หลังจบวิกฤตน้ำท่วม

ตามที่ได้เกิดอุทกภัย “น้ำท่วม” ภาคใต้นับตั้งแต่ 10 ธันวาคม 2559 รวม 10 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดชุมพร, จังหวัดสุราษฎร์ธานี, จังหวัดระนอง, จังหวัดนครศรีธรรมราช, จังหวัดตรัง, จังหวัดพัทลุง, จังหวัดสงขลา, จังหวัดยะลา, จังหวัดปัตตานี และจังหวัดนราธิวาส


–เส้นทางนักลงทุน–

 

ตามที่ได้เกิดอุทกภัย “น้ำท่วม” ภาคใต้นับตั้งแต่ 10 ธันวาคม 2559 รวม 10 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดชุมพร, จังหวัดสุราษฎร์ธานี, จังหวัดระนอง, จังหวัดนครศรีธรรมราช, จังหวัดตรัง, จังหวัดพัทลุง, จังหวัดสงขลา, จังหวัดยะลา, จังหวัดปัตตานี และจังหวัดนราธิวาส

รวมแล้วทั้ง 10 จังหวัดมีผลกระทบ 85 อำเภอ 490 ตำบลและ 3,376 หมู่บ้าน โดยมีประชาชนได้รับความเสียหาย 2.52 แสนครัวเรือน

ผลจากความเสียหายจากเหตุการณ์น้ำท่วมภาคใต้ทำให้ทุกหน่วยยื่นมือเข้าไปช่วย ด้วยการเยียวยาบริจาคสิ่งของจำเป็นให้แก่ผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนจากน้ำท่วมในครั้งนี้ อีกทั้งรอการฟื้นฟูสภาพที่อยู่อาศัยให้กลับมาเป็นสภาพปกติหลังน้ำลด อย่างของใช้ครัวเรือน การทำความสะอาด ซ่อมแซม เป็นต้น และสิ่งสำคัญ คือการซ่อมแซมถนนหนทางที่ไม่สามารถสัญจรได้ และเส้นทางที่เกิดความเสียหาย

ทำให้ฝ่ายวิเคราะห์มองหุ้นที่คาดว่ามีเอี่ยวในการรับอานิสงส์จากเหตุการณ์ “น้ำท่วมภาคใต้” หลังน้ำลดแล้วต้องมีการฟื้นฟู ซ่อมแซม สถานที่อยู่อาศัย และถนน ได้แก่ HMPRO และ TASCO

สำหรับ บล.เอเซียพลัส มองว่า จากเหตุการณ์ดังกล่าวจะด้านดีใน บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ HMPRO จะได้ประโยชน์จากยอดขายสินค้าที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญโดยเฉพาะปั๊มน้ำและเครื่องทำความสะอาด รวมไปถึงสินค้าซ่อมแซมบ้าน ซึ่งจะช่วยหนุนกำไรในไตรมาส 1 ปี 60 ให้เติบโตโดดเด่นเมื่อเทียบผู้ค้าปลีกรายอื่น ประกอบกับการขยายสาขาเชิงรุกตั้งแต่ไตรมาส 1/59 ถึงไตรมาส 4/59 ที่ขยายสาขาถึง 11 แห่ง ทำให้ ณ สิ้นปีที่ผ่านมามีสาขารวม 93 แห่ง

ขณะที่ บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส (ประเทศไทย) มองว่า บริษัท ทิปโก้แอสฟัลท์ จำกัด (มหาชน) หรือ TASCO จะได้รับอานิสงส์หลังน้ำลดจากท่วมภาคใต้ เนื่องจากความต้องการยางมะตอยจะมีเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะงบประมาณการซ่อมถนนหนทางที่เพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ตามคาดว่าปริมาณการขายยางมะตอยที่เพิ่มขึ้นจะไม่ได้มีนัยสำคัญมากนัก เมื่อเทียบกับปริมาณการขายทั้งหมด แต่มีส่วนที่จะช่วยเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้นได้เพราะปกติแล้วการขายยางมะตอยในประเทศจะให้อัตรากำไรขั้นต้นที่สูง

ขณะที่ราคาขายยางมะตอยฟื้นตัวดีขึ้นตามความต้องการที่มากขึ้นในภูมิภาค หลังจากที่ได้ถึงจุดต่ำสุดไปแล้วในปี 2559 โดยราคาขายต่างประเทศเพิ่มขึ้น 27% เป็น 280 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลล์ เทียบกับเดือน ธ.ค. 2559 ที่ 220 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลล์ อันเป็นผลพวงจากอุปสงค์จากทางจีนและอินโดนีเซียฟื้นตัวดีขึ้น หลังจากได้อุปสงค์ได้หดตัวลงไปมากเมื่อปีก่อน กอปรกับความต้องการขายกลับปรับตัวลง เพราะคู่แข่งขันรายใหม่ที่เข้ามาในปี 2559 ก็ประสบภาวะการขาดทุนที่มาก จึงได้ลดกำลังการผลิตลง หรือได้ออกจากธุรกิจยางมะตอย

ตัวอย่างหุ้นทั้ง 2 ตัว เป็นเพียงสมมติฐานว่าจะได้รับอานิสงส์จากผลบวกความต้องการของใช้ครัวเรือน การทำความสะอาด ซ่อมแซม ระยะสั้นเท่านั้น!!

Back to top button