หุ้นในเทศกาลตรุษจีนพลวัต 2017

แม้ตลาดหุ้นในเอเชีย จะมีไม่ครบทุกประเทศ ที่ถือเป็นวันหยุดทางการ รวมทั้งไทยด้วย แต่บรรยากาศของเทศกาลนี้ต่อตลาดหุ้นในเอเชียโดยรวม ก็จะถูกอิทธิพลแผ่ลามไปทั่ว


วิษณุ โชลิตกุล

 

แม้ตลาดหุ้นในเอเชีย จะมีไม่ครบทุกประเทศ ที่ถือเป็นวันหยุดทางการ รวมทั้งไทยด้วย แต่บรรยากาศของเทศกาลนี้ต่อตลาดหุ้นในเอเชียโดยรวม ก็จะถูกอิทธิพลแผ่ลามไปทั่ว

ตลาดหุ้นในเอเชียหลายตลาด จะหยุดทำการหรือไม่ก็ลดธุรกรรมลง จากเหตุเทศกาลตรุษจีน นับแต่วันพฤหัสบดีที่ 26 มกราคมเป็นต้นไป (สำหรับตลาดหุ้นจีน อาจเลยหยุดยาวไปถึงสัปดาห์หน้า) ทำให้มูลค่าซื้อขายที่หดตัวลงแรงของเทศกาลนี้ เป็นเรื่องปกติ แต่ทิศทางของตลาดนั้น สามารถแกว่งตัวบนความเป็นไปได้บางอย่างที่เกิดขึ้น 4 ประการต่อไปนี้ 

1)ฟันด์โฟลว์ไหลออกมากจากทุนเก็งกำไรย้ายกลับอเมริการับนโยบายทรัมป์ ดันตลาดลบแรง

2)ฟันด์โฟลว์ไหลเข้าแรงเพราะฉวยโอกาสดันตลาดง่ายในยามที่วอลุ่มเบาบาง แนวต้านเปื่อยยุ่ย

3)ดัชนีตลาดหยุดนิ่งหรือแกว่งตัวในกรอบแคบในลักษณะขึ้นไม่ได้ ลงไม่เป็นเพราะวอลุ่มไม่หนุน แต่หุ้นรายตัวบางรายการจะเหวี่ยงแรงตามข่าว ทั้งบวก หรือลบได้ แต่มีผลต่อดัชนีต่ำ

4)เทศกาลประกาศงบจะทำให้ตลาดที่ซบเซายังประคองตัว แต่วันศุกร์ที่ตรงกับวันไหว้ ปกติเป็นวันที่ตลาดซบเซาที่สุดในช่วงตรุษจีน อาจมีพลิกล็อกได้ เป็นสถานการณ์ไม่ปกติที่เกิดขึ้นได้ ในยามที่ตลาดเงียบเหงา เพราะว่าบางคนอาจซื้อรอตลาดบวกแรงหลังตรุษจีน ไม่มีสูตรสำเร็จ

ความเป็นไปได้ 4 ประการข้างต้น เป็นทางเลือกที่ล้วนเคยเกิดขึ้นมาแล้วทั้งนั้น เพียงแต่บางคนอาจลืมไปบ้าง แต่มันจะย้อนกลับมาเตือนความทรงจำ “คุ้นๆ” เสมอ เป็น deja vu ปกติที่ต้องทำความคุ้นเคยแล้วปรับจิตใจในการลงทุนให้เหมาะสม

สำหรับตรุษจีนปีนี้ มีความแตกต่างจากปีก่อนตรงที่ว่า 1)ปีนี้ ช่วงเทศกาลตรุษจีนมาเร็วกว่าปีก่อน นานพอสมควรเพราะเกิดขึ้นต้นเทศกาลประกาศงบไตรมาสสุดท้ายและงวดปี ทำให้ผลสะเทือนมีน้อยกว่า 2)สถานการณ์เศรษฐกิจปีนี้โดยรวมดีกว่าปีก่อนมาก โดยเฉพาะเรื่องราคาน้ำมัน สินค้าโภคภัณฑ์ และการไหลเข้าออกของทุนเก็งกำไรระดับโลก 3)ดัชนีตลาดปีก่อนอยู่ที่ระดับ 1,320 จุด ขณะที่ปีนี้มากกว่า 1,550 จุด

ปีก่อน บริษัทจดทะเบียนจำนวนมาก ไม่กระตือรือร้น ประกาศงบเร็ว เลือกเอาการประกาศงบใกล้เวลาสิ้นสุด เรียกว่าทำตามระเบียบเป็นพอ ทำให้บรรยากาศไม่ดีไปด้วย

ด้านหนึ่ง มีคนให้ข้อสังเกตว่า อาจเพราะผลประกอบการไม่สวย หรือต่ำกว่าคาดหรืออาจขาดทุน แต่อีกด้านหนึ่ง มีคนโต้แย้งว่าวันหยุดมันเยอะ ซึ่งฟังไม่ค่อยขึ้นเท่าใดนัก

ความไม่กระตือรือร้นในปีก่อน ที่ทำให้ตลาดไม่ค่อยคึกคักเท่าที่ควร ทั้งที่ว่าไปแล้วรายย่อยเข้าซื้อขายในตลาดคึกคักมาก ทั้งที่วันตรุษจีนยังซื้อขายสนั่นกว่า 4 หมื่นล้านบาท เป็นสถิติที่สำคัญ..ที่ต้องบันทึกเอาไว้

ส่วนหนึ่งมีคำอธิบายในช่วงนั้นว่า ตลาดเก็งกำไรอื่นก็ไม่ดีเอาเสียเลย ไม่ว่าจะเป็นทองคำ หรือน้ำมัน ทำให้ตลาดหุ้นยังมีเสน่ห์ แม้จะเสี่ยงมากขึ้นตามไปด้วยปรากฏการณ์ประกาศงบเอื่อยเฉื่อย ของบริษัทจดทะเบียน สอดรับกับบริษัทจำนวนมาก จ่ายปันผลเป็นหุ้นหรือวอร์แรนต์มากหน้าหลายตาถี่ชุกขึ้นผิดสังเกตมาก

มองจากสามัญสำนึก บริษัทดังกล่าวต้องการเก็บเงินสดไว้กับมือ เพราะยามเศรษฐกิจเริ่มฝืดเคืองนี้ เงินสดคือพระเจ้า อย่างที่ทราบกันดี แต่การจ่ายปันผล มีหลายมิติมากกว่าแค่ประหยัดเงินสด เพราะจ่ายปันผลคือการเพิ่มทุนล่วงหน้าเท่านั้นเอง เพียงแต่ยังไม่ได้ชำระเท่านั้น

บริษัทที่จ่ายปันผลเป็นรูปหุ้นหรือวอร์แรนต์ อาจมั่นใจอนาคต แต่ระวังมากในปัจจุบัน ก็เลยหันมาทำกันเป็นกระแสไป

สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างในปีก่อน คือ การนำเสนอแผนธุรกิจ บริษัทจำนวนมากออกมาพูด แต่ไม่เป็นข่าวค่อนข้างมาก หรือไม่ก็เป็นข่าวแค่ 3 บรรทัด เพราะไม่น่าสนใจ หรือขายฝันเกินจริง

ผลลัพธ์คือ นักลงทุนจำนวนมาก ไม่ให้ความสำคัญกับแผนธุรกิจเอาเสียเลย เพราะเชื่อว่าเป็นแค่คำพูดลอยๆ ไม่มีการผูกมัดจริงจัง ทั้งที่ว่าไปแล้วเป็นเรื่องต้องใส่ใจอย่างมาก

ผู้บริหารบริษัทชื่อเสียงดังจำนวนไม่น้อย ที่บังเอิญไม่มีความคิดสร้างสรรค์มากนัก เลยลอยนวลไปได้เรื่อย น่าเสียดายที่นักลงทุนควรจะได้ประโยชน์มากกว่าที่เป็นอยู่

ปีนี้ อาจแตกต่างออกไป เพราะกฎหมายหลักทรัพย์ใหม่ ทำให้ผู้บริหารขี้โม้หายไปมาก และผู้บริหารที่กลัวมากก็พลอยหายไปด้วย เป็นสิ่งที่ต้องทดสอบว่าตรุษจีนปีนี้ จะเหมือนปีก่อนเพียงใด

ที่สำคัญหลังตรุษจีนไปแล้ว ดัชนีตลาดหุ้นไทย จะยังสามารถยืนเหนือ 1,550 จุดได้หรือไม่

Back to top button