PSH เริ่มต้นยุคที่สองแฉทุกวัน ทันเกมหุ้น
การแถลงข่าวครั้งแรกเพื่อประกาศแผนธุรกิจหลังจากทำการ “เปลี่ยนร่าง” จากบริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ PS เพื่อเอาบริษัทโฮลดิ้งมาแทนชื่อ บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ PSH ด้วยราคาก่อนการซื้อขายซึ่งที่ปรึกษาการเงินตีค่าเอาไว้ที่ราคาหุ้นละ 24.29 บาท ก็ถือเป็นจุดเริ่มยุคใหม่อย่างเป็นทางการเมื่อวานนี้
การแถลงข่าวครั้งแรกเพื่อประกาศแผนธุรกิจหลังจากทำการ “เปลี่ยนร่าง” จากบริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ PS เพื่อเอาบริษัทโฮลดิ้งมาแทนชื่อ บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ PSH ด้วยราคาก่อนการซื้อขายซึ่งที่ปรึกษาการเงินตีค่าเอาไว้ที่ราคาหุ้นละ 24.29 บาท ก็ถือเป็นจุดเริ่มยุคใหม่อย่างเป็นทางการเมื่อวานนี้
ผู้บริหารของกลุ่มนำโดยนายทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ PSH ออกมาชี้แจงทิศทางที่จะมุ่งไปอย่างช้าๆ สำหรับการแปลงกายจากอสังหาริมทรัพย์ของเดิมไปสู่ธุรกิจอื่น โดยไม่สูญเสียจุดโฟกัสธุรกิจของตนเอง
ในเบื้องต้น สาระที่แถลงก็ยังคงให้ความสำคัญกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เช่นเดิม ในขณะที่รายได้จากแหล่งใหม่ยังไม่ชัดเจน
เมื่อยังคงเน้นไปที่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เหมือนเดิมไปพลางๆ ก่อน เราจะเห็นถึงการรุกต่อเนื่องในฐานะผู้นำทางด้านยอดรายได้ของ PSH ไม่เปลี่ยนแปลง ..เป็นเรื่องปกติที่ต้องเกิดขึ้น สาระที่น่าสนใจของการแถลงข่าววานนี้ ถอดรหัสออกมาได้ดังนี้คือ
– ตั้งเป้ายอดขายเติบโต 19% จากปีก่อน หรือมาอยู่ที่ 5.29 หมื่นล้านบาท และตั้งเป้ารายได้ (ยอดส่งมอบให้ลูกค้า) ปีนี้เติบโต 9% จากปีก่อน หรือมาอยู่ที่ 5.02 หมื่นล้านบาท
– วางแผนเปิดโครงการทั้งหมด 72 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 6.08 หมื่นล้านบาท เน้นแนวราบมากขึ้นกว่าเดิม โดยแบ่งเป็นทาวน์เฮาส์ 39 โครงการ บ้านเดี่ยว 20 โครงการ คอนโดมิเนียม 7 โครงการ และโครงการระดับพรีเมียม 6 โครงการ ในลักษณะ ระดับกลาง-ล่างเป็นหลัก เพราะเป็นตลาดที่ยังเติบโตได้ต่อเนื่อง แต่ขยายฐานกลุ่มลูกค้าระดับบนมากขึ้นเพื่อเพิ่มสัดส่วนรายได้และขยายฐานลูกค้า โดยเฉพาะลุ่มลูกค้าต่างชาติ
– ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลคาดว่าจะยังคึกคัก และเติบโตได้ราว 5% หรือมีมูลค่าตลาดรวมประมาณ 3.79 แสนล้านบาท ถือว่าเป็นปีแห่งการปรับโครงสร้างธุรกิจในการดำเนินงานของวงการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทย เช่น การขยับกลุ่มลูกค้า และ การร่วมทุน เป็นต้น
– บริษัทตั้งงบลงทุนไว้ที่ 1.7 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น งบซื้อที่ดิน 1.6 หมื่นล้านบาทเพื่อรองรับการพัฒนาโครงการในปี 61 ซึ่งโครงการตามแผนงานของบริษัทในปีนี้ได้มีที่ดินเตรียมไว้ครบแล้ว ส่วนเงินลงทุนอีกราว 1 พันล้านบาทบริษัทจะใช้สำหรับลงทุนในธุรกิจใหม่ เพื่อสร้างรายได้ประจำ
– แผนงานโครงการอสังหาริมทรัพย์แบบพรีเมียมในปีนี้ บริษัทตั้งเป้าจะเพิ่มสัดส่วนรายได้จากธุรกิจพรีเมียมเป็น 30% ภายใน 3-5 ปี จากปัจจุบันอยู่ที่ 5-10%
– ปรับโครงสร้างก่อหนี้มาเป็นระยะยาวมากขึ้น โดยจะออกหุ้นกู้ชุดแรกในช่วงไตรมาส 1/60 มูลค่า 5 พันล้านบาท เพื่อใช้สำหรับการลงทุน เปลี่ยนเพิ่มจากสัดส่วนของแหล่งเงินทุนปัจจุบันที่ 90% มาจากหุ้นกู้ และส่วนที่เหลืออีก 10% มาจากแหล่งเงินทุนอื่นๆ เช่น กระแสเงินสด กำไรจากการดำเนินการ และการออกตั๋วแลกเงิน (B/E)
แผนธุรกิจนี้ เป็นไปตามยุทธศาสตร์ 5 ปีของการสร้างความสามารถในการแข่งขัน และให้สอดรับกับวิสัยทัศน์ของผู้นำ ที่กำหนดไว้ว่าภายใน 5 ปีข้างหน้า บริษัทในกลุ่มจะมุ่งเน้น 3 กลยุทธ์หลัก คือ
– 1) คงความเป็นผู้นำในตลาดอสังหาริมทรัพย์เพื่ออยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้ระดับต่ำถึงปานกลาง (Value)
– 2) เพิ่มส่วนแบ่งการตลาดของบริษัทในตลาดที่อยู่อาศัยระดับบน (Premium)
– 3) หาโอกาสในการดำเนินธุรกิจใหม่ๆ โดยมุ่งเน้นธุรกิจที่มีความสามารถในการสร้างรายได้อย่างต่อเนื่อง (Recurring Income) ที่มั่นคงและยั่งยืน
อดีตที่ผ่านมา PS ได้ชื่อว่า เป็นผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่มุ่งมั่นกับกลยุทธ์ของตนเองคือ ใช้กระแสเงินสดที่มั่นคงแข็งแกร่ง มุ่งสร้างโครงการตามความถนัดโดยไม่สร้างหนี้มากเกิน ผสมผสานกับเทคโนโลยีการก่อสร้างอาคารที่ทันสมัยเป็นตัวเร่งการตลาดที่มีนัยสำคัญ แต่นับจากนี้ไป ภายใต้ร่มธงของ PSH จะไม่มีอะไรย้อนกลับไปอีก
การปรับโครงสร้างบริษัทให้เป็น Holding Company เพื่อที่จะขยายกิจการไปยังธุรกิจใหม่ และเพิ่มสัดส่วนรายได้แบบ Recurring Income โดยแบ่งแยกการบริหารแต่ละธุรกิจอย่างชัดเจน
งานนี้ นายทองมา จึงก้าวไปไกลอีกขั้นหนึ่ง และโอกาสที่จะทำกำไรขึ้นทัดเทียมค่าย LH ภายใต้วิสัยทัศน์ของ นายอนันต์ อัศวโภคิน ก็ยังไม่ใช่ประเด็นที่ต้องเป็นปริศนาอีกต่อไป
ปมประเด็นสำคัญ อยู่ที่ความสามารถในการเพิ่มอัตรากำไรสุทธิให้สูงขึ้นต่างหาก
“อิ อิ อิ”