SGF กลับมาเพื่ออนาคตแฉทุกวัน ทันเกมหุ้น

ราคาหุ้นของบริษัท สยามเจเนอรัล แฟคตอริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ SGF หายหน้าไปจากกระดานซื้อขายหุ้นของตลาดฯนานกว่า 6 ปีแล้ว ด้วยสาเหตุอย่างที่รู้กันคร่าวๆ ว่า มีปัญหาทางการเงินจนถึงขั้นส่วนของผู้ถือหุ้นติดลบ


ราคาหุ้นของบริษัท สยามเจเนอรัล แฟคตอริ่ง จำกัด (มหาชน)  หรือ SGF หายหน้าไปจากกระดานซื้อขายหุ้นของตลาดฯนานกว่า 6 ปีแล้ว ด้วยสาเหตุอย่างที่รู้กันคร่าวๆ ว่า มีปัญหาทางการเงินจนถึงขั้นส่วนของผู้ถือหุ้นติดลบ

หลายคนเรียกการหายหน้าไปของ SGF ว่าเป็นฝันร้ายของนักลงทุน…แม้จะไม่ผิด แต่ก็ไม่ถูก

ความจริงแล้วอดีตของ SGF ถือว่าเป็นธุรกิจให้บริการทางการเงินที่พูดให้ถูกต้องคือ….มาก่อนกาล

ที่ว่ามาก่อนกาลเพราะ รู้จักวัฒนธรรมการก่อหนี้ของคนไทยต่ำเกิน…ไม่เข้าใจคำว่า “เป็นญาติยาม (ขอ) กู้ เป็นศัตรูตอนถูกทวง”…. เรื่องมันก็เลยยุ่ง

ธุรกิจแฟคตอริ่งทางการเงิน คือ  การซื้อขายลูกหนี้ทางการค้า โดยมีบริษัทแฟคเตอร์ ทําหน้าที่รับซื้อบัญชีลูกหนี้การค้าในรูปของใบกํากับสินค้าประเภทต่างๆ จากผู้ขายสินค้า ที่โอนสิทธิบัญชีลูกหนี้การค้าที่ เกิดจากการขายสินค้าเป็นเงินเชื่อไปให้ แลกกับการที่บริษัทแฟคเตอร์จ่ายเงินให้แก่ผู้ขายสินค้าเต็มจํานวนหรือบางส่วนตามแต่ตกลงกัน โดยหักส่วนลดและค่าธรรมเนียมในการบริหารบัญชีลูกหนี้ ควบคุมการเรียกเก็บหนี้ตามบัญชีเมื่อครบกํ าหนดชำระ และรับผิดชอบต่อหนี้สูญตามมูลค่าของการขายสินค้าเป็นเงินเชื่อที่อาจเกิดขึ้น

ปัญหาคือ ตอนที่บริษัทแฟคเตอริ่งไปทวงหนี้ลูกค้าแล้วทวงหนี้ไม่ได้นี่แหละ ที่ทำให้ SGF มีอันต้องมีปัญหาล้มเหลวทางการเงิน…ต้องก้มหน้ามองดิน หลบไปเลียแผลใจกันนาน ทั้งที่ปัญหาไม่ได้เลวร้ายมากมาย

ก่อนที่จะหยุดทำการซื้อขายจากการที่ส่วนผู้ถือหุ้นติดลบนั้น SGF มีสำรองหนี้สูญราว 250 ล้านบาท และ ขาดทุนจากการทวงหนี้ไม่ได้เล็กน้อย ปฏิบัติการทวงหนี้ก็บรรลุเป้าหมายได้คืนเกือบครบ และไม่ต้องตั้งสำรองเพิ่ม แต่ยังคงขาดทุนต่ออีกเล็กน้อยเช่นเดิม แต่ไม่ทันแล้ว เพราะส่วนผู้ถือหุ้นติดลบ …ตามกติกาแล้วต้องหลุดออกจากกระดานไปตามระเบียบ

ทำท่าเจียมเนื้อเจียมตัวมา 6 ปีเศษ ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ทั้งหลายที่ “ทำตัวเป็นนักลงทุนอดทน” ก็ทำการรวบรวมพลังคิดการเพื่ออนาคต หาทางฟื้นฟูกิจการ ทั้งด้วยการปรับโครงสร้างธุรกิจ พัฒนาบุคลากร จนผลประกอบการสามารถกลับมามีกำไรสุทธิอย่างต่อเนื่อง และปรับโครงสร้างทางการเงิน

เพียงแต่ การที่ตัวเลขกำไรกำไรมันน้อย  และส่วนใหญ่มาจากการทวงหนี้  ก.ล.ต. และตลาดฯ จึงอิดออด ตลาดไม่ยอมให้กลับเข้าซื้อขายในกระดาน…กลัวฝันร้ายและกลับมาหลอกหลอนรอบใหม่

ผู้บริหารนำทีมโดย นายชวลิต ลาสีผล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร จึงต้องปรับธุรกิจ เลิกธุรกิจแฟคเตอริ่ง มาเป็นไมโครไฟแนนซ์ที่กำลังฮอตฮิต ธุรกิจนี้มันมีโอกาสดีตรงที่ คนที่เดือนร้อนทางการเงิน ต้องการเงิน แล้วรำคาญจะกู้ตามธนาคารเพราะมันมากเรื่องมากความ …เข้าไม่ถึงนายธนาคารที่มีกติการัดกุมเกินขนาด

SGF ในยุคใหม่ จึงเน้นให้บริการสินเชื่อผู้ประกอบการรายใหญ่โดยมีหลักประกันสูง เกินมูลหนี้ไปมาก รวมทั้งเริ่มขยายชนิดสินเชื่อเข้าสู่ธุรกิจสินเชื่อรายย่อย  ซึ่งปี 2560 นี้จะเริ่มเห็นแนวทางในการเติบโตของบริษัทในการรุกเข้าสู่การปล่อยสินเชื่อชนิดต่างๆ เพิ่มมากขึ้น ซึ่งทีมบริหารเชื่อว่าจะแตกต่างจากคู่แข่งอย่างชัดเจน

โดยเฉพาะจุดแข็งเรื่องการมีเงินสดในมือ  พร้อมเข้าเทกโอเวอร์ หรือ ร่วมทุน หรือ อื่นๆ กับธุรกิจในท้องถิ่นที่มีอยู่กระจายทุกมุมเมือง ในซอกหลืบที่ธนาคารพาณิชย์มองข้าม

ผลลัพธ์คือ งบการเงินไตรมาส 3/59 บริษัทฯ ไม่มีหนี้ (สัดส่วนหนี้ต่อทุนเพียง 0.03) และมีเงินสดมาก พร้อมที่จะขยายสินเชื่อชนิดต่างๆ ในปี 2560 นี้อย่างเต็มที่

ไม่ใช่เรื่องแปลก อุตส่าห์ก้มหน้าก้มตาฝ่าฟันมรสุมมายาวนาอย่างนี้ ก.ล.ต. และ ตลาดฯ จึงเห็นคุณงามความดี ในส่วนของการดำเนินธุรกิจ  อนุญาตให้กลับเข้ามาซื้อขายกันใหม่ในวันที่ 1 ก.พ. หลังผ่านกระบวนการฟื้นฟูกิจการ แบบจัดเต็ม ว่ากันว่ายกเครื่องใหม่หมด …เหมือนสาวสวยทีทำรีแพร์จากเกาหลีใต้มาหมาดๆ

ถือเป็น “หุ้นรีซูมเทรด” ตัวแรกในรอบปีครึ่ง

คำถามคือ ราคาเปิดและปิดวันแรกของ SGF จะอยู่ที่เท่าใด ต้องย้อนกลับไปดูประวัติเก่า

ราคาปิดก่อนหยุดเทรดของ SGF คือ 0.26 บาท …ดังนั้น การเปิดเทดรวันแรก ที่ไม่มีกำหนดเพดานขั้นสูงสุด เปิดช่องให้ทำราคาได้เต็มที่

หากดูประวัติ (ตารางประกอบ) ย้อนหลังหุ้นที่กลับเข้ามาใน 5 ปีที่ผ่านมา (ไม่นับปี 2559 ที่ไม่มีหุ้นกลับมาเทรดใหม่) หากไม่นับหุ้น BIG1 ที่เซอร์ไพรส์สุดแล้ว จะเห็นว่า ส่วนใหญ่ ราคาเปิดจะมากกว่า 1,000%

ดังนั้น..อนุมานได้ว่า ราคาเปิดเทรดวันแรกพรุ่งนี้ (ภายใต้เงื่อนไขที่งบการเงินสะอาดเรี่ยมเร้ และมีโอกาสเติบโตในอนาคตอีกมาก จากโมเดลธุรกิจใหม่) โอกาสราคาหุ้น SGF ที่ระดับเหนือ 1.20-2.00 บาท ถือว่า เป็นไปได้…ส่วนจะเชื่อหรือไม่เชื่อ ไม่ว่ากัน

ไม่เชื่อก็ไม่ได้ห้าม แต่ขอให้ชำเลืองดูรายชื่อผู้ถือหุ้นรายใหญ่หัวแถวของ SGF ดูก็แล้วกัน…นาย วิวัฒน์ วิฑูรย์เธียร อดีตเจ้าของและซีอีโอ ACAP  ถัดไป เสี่ยปู่ นายสมพงษ์ ชลคดีดำรงกุล และรองลงไปหลายคนรวด นำโดยนายวิชัย ทองแตงและบุตรธิดาครบชุด…น่าสนใจแค่ไหน ก็ตรองดูเอง

“อิ อิ อิ”

Back to top button